ภาพยนตร์น้องหมาสุดซึ้ง Quill โฮ่ง (ฮับ) เจ้าตัวเนี้ยซี้ 100%
quill ( โฮ่งฮับ เจ้าตัวนี้เพื่อนซี้100เปอร์เซนต์ ) 3ดาว
ภาพยนตร์ดราม่าจากญี่ปุ่นเรื่องนี้ เล่าเรื่องของเจ้าคิว สุนัขพันธ์ลาบราดอร์แสนฉลาด ซึ่งถูกเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสุนัขนำทางสำหรับคนตาบอดโดยเฉพาะ หนังเริ่มเรื่องตั้งแต่เจ้าคิวแรกเกิด จวบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตเค้า ทุกอย่างวนเวียน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนเป็นวัฐจักรของชีวิต ไม่ต่างจากชีวิตมนุษย์อย่างเราๆท่านๆ โดยหนังเรื่องนี้ เน้นย้ำ ธีม หลัก ที่ว่าด้วย "พบรักและพลัดพราก" อย่างชัดเจนโดยตลอด
หากยกเกณฑ์การวิจารณ์ภาพยนตร์แบบวิชาการมาพูด ก็คงจะต้องบอกว่า หนังเรื่องนี้มีข้อบกพร่องอยู่พอสมควร รวมถึงมีรายละเอียดบางอย่างที่น่าจะดัดแปลงเสริมแต่งได้ แต่หนังก็เล่าออกมาอย่างใสซื่อ ไม่ต่างจากชีวิตจริง ที่บางที สิ่งมีชีวิตอย่างคน หรือน้องหมา ก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตนึงที่อาศัยอยู่ร่วมกันบนผืนโลก ไม่มีอะไรวิเศษวิโส ทุกคน(หรือทุกตัว) ล้วนพยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด ไม่เรียกร้องอะไรมากจนเกินไป บางครั้งก็อดเสียดายแทนช่วงชีวิตที่ดีๆของเค้า คนเรายังมีสิทธิที่จะรัก และรักความรักตอบกลับมา แล้วน้องหมานั้นเล่า ช่วงชีวิตที่ผ่านมา เค้าได้รับความรักเพียงพอกับที่เค้ามีให้กับมนุษย์แล้วหรือยัง ทว่า ชีวิตนั้นเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นคนดี (หรือหมาดี) ได้นี่นะครับ ขนาดสุนัขอย่างเจ้าคิว ยังเลือกที่จะทำประโยชน์ให้กับมนุษย์ ด้วยการช่วยเหลือเกื้อกูลให้กับคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยการเป็นหมานำทาง แล้วเราที่เกิดเป็นคนล่ะครับ เคยหรือยัง ที่จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์ หรือช่วยเหลือเพื่อนสิ่งมีชีวิตด้วยกัน...ถ้ายัง ผมว่า น่าอาย(น้อง)หมาเค้านะครับ
สำหรับผมแล้ว การชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในฐานะคนรักหมา การเข้าใจโลกของหมา และมองหนังเรื่องนี้จากมุมมองของหมา จึงทำให้ อิน กับ เรื่องราวมากเป็นพิเศษ
สำหรับคนแล้ว เรายังมีสังคมของเรา โลกของเราเป็นอะไรที่กว้างใหญ่มาก แต่สำหรับหมาแล้วไซร้ เจ้าของ คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเค้า คือโลกทั้งใบสำหรับเค้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เค้าก็ยังคงซื่อสัตย์ ภักดีกับเรา รักเราไม่เคยเสื่อมคลาย การพลัดพรากจากเจ้าของของเค้า ก็เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกดับสลายลงไป เหมือนการตายทั้งเป็น ตายทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่ ขนาดคนอย่างเราๆท่านๆ ยังทำใจลำบากกับการสูญเสียคนที่ตนรักมากที่สุด แล้วหัวจิตหัวใจของน้องหมานั้นเล่า การที่ต้องพานพบกับเจ้าของคนใหม่ไปเรื่อยๆ มีชีวิตร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกัน แล้วต้องจากกันอยู่ร่ำไป มันจะเป็นความทุกข์มากมายเพียงใหน ที่เศร้ากว่านั้น ก็คือการที่ต้องรอ เจ้านาย กลับมา รอแล้วรอเล่า แต่ก็ไม่มีวี่แววเจ้านายจะกลับคืนมา
ซีนพลัดพรากทั้งหลายในหนัง ล้วนดึงอารมณ์ให้คนดูได้อย่างยอดเยี่ยม แค่ฉากการพลัดพรากครั้งแรกก็เล่นเอาน้ำตาซึม พอครั้งที่สองนี่ก็น้ำตาร่วงเลย และตามมาอีกนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งน้องหมาและ ทุกคนที่ร่วมแสดง ล้วนทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ภาพบางภาพในหนังนี่แทนคำพูดได้นับพันคำ ผู้กำกับรู้จักจับจังหวะและสร้างความประทับใจให้คนดูอย่างล้นเหลือ ไม่เพียงแต่คนรักหมา ที่จะต้องรักภาพยนตร์เรื่องนี้ สำหรับคนดูอื่นๆแล้ว ผมคิดว่าการดูหนังเรื่องนี้ จะช่วยยกระดับจิตใจของท่านให้มีความอ่อนโยนกว่าที่เป็นอยู่ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ชีวิตของมนุษย์ ที่จะเป็นบทเรียนให้กับเราได้ ชีวิตของน้องหมาชีวิตหนึ่ง ก็มีคุณค่าเพียงพอ จะเป็น "ครู" ของเราได้เช่นเดียวกัน