ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

Sagrada Reset Part 2 | ซากราดะ รีเซ็ท : อวสานคนเปลี่ยนเวลา (2017) [พากย์ไทย]

Sagrada Reset Part 2 | ซากราดะ รีเซ็ท : อวสานคนเปลี่ยนเวลา (2017) [พากย์ไทย]
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังแฟนตาซี , หนังลึกลับซ่อนเงื่อน

เรื่องย่อ : Sagrada Reset Part 2 | ซากราดะ รีเซ็ท : อวสานคนเปลี่ยนเวลา (2017) [พากย์ไทย]

ชื่อภาพยนตร์ :  Sagrada Reset Part 2 | ซากราดะ รีเซ็ท : อวสานคนเปลี่ยนเวลา
แนว/ประเภท : Drama,  Fantasy,  Mystery
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Yoshihiro Fukagawa
บทภาพยนตร์ : Yutaka Kôno,  Yoshihiro Fukagawa
นักแสดง : Shûhei Nomura,  Yuina Kuroshima,  Yûna Taira
วันที่ออกฉาย : 13 May 2017

 

 

ว่าด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองซากุราดะ เมืองที่เต็มไปด้วยคนที่มีพลังวิเศษ ซึ่งความสามารถของแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันออกไป นักเรียนสาวอย่าง มิโซระ ฮารูกิ มีความสามารถย้อนเวลาและรีเซ็ตโลกได้สูงสุด 3 วัน แต่เธอจะสูญเสียความทรงจำที่เกิดขึ้น เธอเป็นเพื่อนสนิทกับ เค อาซาอิ นักเรียนหนุ่มที่มีความสามารถจดจำได้ทุกอย่าง

 

Trailer for sequel film “Sagrada Reset Part 2” | AsianWiki Blog

IMDB : tt6090764

คะแนน : 5.9

รับชม : 291 ครั้ง

เล่น : 22 ครั้ง



 

Sagrada Reset Part 2 | ซากราดะ รีเซ็ท : อวสานคนเปลี่ยนเวลา

หลังจากที่ Sagrada Reset ภาคแรก เข้าฉายไปเมื่อกลางเดือนนี้ที่ผ่านมา ภาคต่อของไลท์โนเวลขายดีของญี่ปุ่นเรื่องนี้ก็ตามออกมาติด ๆ เลย ซึ่งถ้าพูดกันตามเนื้อผ้า สิ่งที่คนดูในระดับแมสผู้ไม่เคยได้ตามเวอร์ชันอนิเมะมาก่อนอาจจะงงงวยระดับสิบ กับเงื่อนไขต่าง ๆ ที่หนังถ่ายทอดออกมา อย่างไรก็ตาม ในภาคนี้เนื้อหาของเรื่องจะขยับมาเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะการนำไปสู่บทสรุปของเมืองซากราดะและพลังวิเศษนี้ ที่จะมีตัวละครใหม่เข้ามาช่วยขยายปมความเข้าใจตรงนี้ให้ชัดเจนขึ้น

 

เท้าความกลับไปในภาคแรก เป็นพาร์ทของการเปิดเรื่องแนะนำพลังพิเศษของตัวละครแต่ละตัวที่อยู่ในเมืองซากราดะ โดยเริ่มจากตัวเอกอย่าง อาซาอิ เคย์ ที่มีความสามารถในการจำดีเลิศ ขณะที่ นางเอก ฮารุกิ มิโซระ นั้นสามารถทำการ ‘รีเซ็ต’ ให้เวลาบนโลกย้อนกลับไปได้มากที่สุด 3 วัน ซึ่งมีเงื่อนไขว่าก่อนจะทำการ ‘รีเซ็ท’ ได้จะต้องทำการ ‘เซฟ’ ความทรงจำในช่วงเวลานั้นเอาไว้ก่อน และเมื่อ ‘รีเซ็ต’ หรือ ‘เซฟ’ ไปแล้วจะทำซ้ำไม่ได้จนกว่าจะผ่านไปอีก 24 ชั่วโมง โดยจุดอ่อนของ ฮารุกิ อยู่ที่หากทำการ ‘รีเซ็ต’ เวลากลับไปแล้ว ความทรงจำของเธอในช่วงที่ถูก ‘รีเซ็ต’ ไปนั้นจะเลือนหายไปด้วย และนั่นก็เป็นหน้าที่ของ เค ที่มีความสามารถจำได้ทั้งหมดรวมทั้งส่วนความทรงจำที่ถูก ‘รีเซ็ต’ ไป คอยทำงานช่วยเหลือกันตลอดเวลา

 

สำหรับ Sagrada Reset ในภาคต่อนี้ มีจุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่เรื่องราวหลังจากที่ เค และเพื่อน ๆ สามารถทำการชุบชีวิตของ โซมะ ซุมิเระ กลับคืนมา แต่ก็มีการปรากฏตัวของชายลึกลับกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลจากสำนักงานผู้ควบคุมพลังพิเศษ และมีจุดประสงค์ต้องการให้ผู้คนในเมืองซากราดะ ไม่สามารถใช้พลังพิเศษได้อีกต่อไปพร้อมทั้งทำลายเมืองนี้ทิ้ง ซึ่งนอกจากเรื่องของการต่อสู้ปกป้องรักษาพลังพิเศษแล้ว ก็มีการซ้อนปมในเรื่องความลับที่แท้จริงหลังความตายของ โซมะ ซุมิเระ นั้นอยู่ในแผนการอันแยบยลของเธอเองตั้งแต่แรก!? โดยในภาคนี้ตัวหนังคลี่คลายและแจกแจงออกมาชนิดเก็บรายละเอียดยิบ แต่ขณะเดียวกันก็พยายามย่อยให้เข้าใจง่าย โดยเฉพาะเงื่อนไขกฏเกณฑ์ความสามารถพิเศษของตัวละครสมทบอย่าง มุราเซะ โยกะ (สาวแว่นผู้มีพลังลบล้างทุกสรรพสิ่งที่สัมผัสรวมทั้งสามารถลบล้างพลังรีเซ็ตได้), โอกะ เอริ (เด็กสาวตาสองสี ผู้สามารถขโมยพลังพิเศษของคนอื่นได้), นากาโนะ โทโมกิ (ผู้มีความสามารถส่งเสียงพูดไปยังคนที่ต้องการได้ทั้งในอดีตและอนาคต โดยสามารถตั้งเวลาให้เสียงไปถึงเป้าหมายได้ด้วย)

 

ถ้าพูดถึงคุณภาพงานเมื่อเทียบกับท้องตลาดภาพยนตร์ Sagrada Reset ถือเป็นไลท์โนเวลที่พอมาทำเป็นหนังแล้วผ่านฉลุย สำหรับในภาคต่อนี้เริ่มดูง่ายขึ้น คนดูจะได้เห็นการคลี่คลายปมต่าง ๆ โดยเฉพาะการเลือกช็อตแก้ปัญหาฉลาดล้ำ ๆ ของ เค หลังจากที่มีการ ‘รีเซ็ต’ ไปแล้วคือจุดขายของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ เพราะปมตรรกะที่ถูกหยิบยกมาคลี่คลายในแต่ละปม จิ๊กซอว์ที่วางต่อ ๆ กันทีละชิ้น ทำได้ละเอียดหมดจดและน่าทึ่งเกินคาด มันจะเป็นหนังที่สนุกมากหากคนดูตามหนังทัน นี่คืองานที่มีความสดใหม่ ที่ต้องใช้สมาธิในการทำความเข้าใจมากสักหน่อย แต่ในทางกลับกัน หากใครที่ไม่ได้ทำการบ้านศึกษาตัวละครและพลอตเรื่องมาก่อนเข้าโรง หรือดูไปแล้วหลุดเผลอหลับไปบางช่วง ก็ยากจะต่อให้ติด จนอาจกลายเป็นฝันร้าย 2 ชั่วโมง ไม่ต่างจากพวกมังงะแบบ 20th Century Boy หรือว่าหนังพวก Inception และ Memento ที่ใครเข้าใจก็จะสนุก ตื่นเต้น อินไปกับหนัง แต่ถ้างงก็จะถูกทิ้งไว้กลางทางเลย เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะว่า พอมันดัดแปลงจากอนิเมะที่ฉายเป็นตอน ๆ มาเป็นหนังที่ต้องสรุปเนื้อหาอันซับซ้อนภายใน 2 ชั่วโมงกว่า มันเลยเป็นจุดอ่อนในเรื่องของการนำเสนอให้ครบทุกประเด็นไป แต่เท่าที่ตั้งใจจดจ่อดูมาสองภาค ส่วนตัวคิดว่าด้วยโจทย์ที่มี ผู้กำกับ โยชิฮิโระ ฟุกะกาว่า ถ่ายทอดออกมาได้ชาญฉลาดแล้ว

 

นอกจากนี้ ส่วนของการแคสนักแสดง จะเห็นเลยว่าในภาคต่อนี้ นักแสดงทุกคนเป็นตัวละครนั้นชัดเจนมากเมื่อเทียบกับตัวอนิเมะ โดยเฉพาะรูปร่างหน้าตา ยิ่งดูยิ่งใช่ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการแสดง ถ้าเทียบตามฉบับอนิเมะก็ถือว่าแสดงออกมาได้ใกล้เคียงแคแร็คเตอร์ในอนิเมะมาก แต่ถ้ามองในมุมของหนังแฟนตาซีทั่วไปที่มองเรื่องอินเนอร์การแสดงของมนุษย์ ก็อาจจะไม่รู้สึกถึงอินเนอร์ไปเลยเหมือนกัน ซึ่งอยากแนะนำสำหรับใครที่สนใจก็ต้องไปดูภาคแรกมาก่อนจึงจะต่อภาคนี้ได้ แต่หากใครช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับก็เสียเงินเข้ามานอนได้เลย การันตีว่าหลับลึกแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ (ฮา)