หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังวิทยาศาสตร์ Sci-fi , หนังผจญภัย
เรื่องย่อ : Revolt สงครามจักรกลเอเลี่ยนพิฆาต (2017) [พากย์ไทย บรรยายไทย]
IMDB : tt3722614
คะแนน : 5.2
รับชม : 2845 ครั้ง
เล่น : 960 ครั้ง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ตั้งคำถามกับตัวเองก่อนเข้าไปดู Dunkirk ว่าเสด็จพ่อ Christopher Nolan จะเล่าเรื่องของพลทหารที่ต้องกระเสือกกระสนเอาตัวรอดกลับบ้านไปหาลูกเมียได้อย่างไรให้มัน ‘ขายได้’ และติดตราตรึงใจคนดูให้พูดถึงต่อจากนี้เป็นเดือน ๆ จากกรอบเวลาและโจทย์ที่มีให้ โดยไม่ให้ดูเป็นงานสารคดีเกินไป
มาวันนี้โจทย์ของ Revolt หนังฟอร์มเล็กนอกสายตาจากแดนกังหันลมก็ดันมีบางส่วนคลับคล้ายกันอย่างบังเอิญ แต่เอาเข้าจริง ๆ เส้นเรื่องมันต่างกันมาก ตรงที่เรื่องแรกเป็นการ เอาตัวรอดยังไงให้ลุ้นสนุก แต่กับ Revolt นี้มันเป็นเรื่องของคำถามที่ว่าตัวหนังจะ ‘ปราบเอเลียนยังไงให้มันไม่น่าเบื่อ’ ได้ (วะ) เพราะช่วงหลังเจอหนังแนว Disaster คอมโบกันต่อเนื่องจนประสาทจะแดกแล้ว (ฮา)
ตัวละครหลักในเรื่องอย่างที่เกริ่นไปนั่นแหละคือทั้งหมดของหนังเรื่องนี้แล้ว ทั้งเรื่องมันคือเรียลลิตี้ตามติดชีวิตผัวเมีย (เฉพาะกิจ) คู่นี้ ซึ่งจากซีนแรก ๆ ที่ทั้งคู่ได้เข้าฉากด้วยกัน บอกเลยว่าสายตาของ นาเดีย นี่ไม่ต้องบอกก็เห็นมาแต่ไกลว่า ‘อยากได้อยากโดน’ ทหารโบ มากกว่าวิ่งหนีเอเลียนอีก (ฮา) คือด้วยภาพลักษณ์ของ Lee Pace ในเรื่องนี้เองก็ต้องบอกว่าหล่อเท่วัวตายควายล้มมาก เวลาถือปืนกล ท่าทางเตะต่อยโจรกระจอกตามท้องเรื่องมันดูเท่ ทะมัดทะแมง ดูแล้วเชื่อว่าเป็นทหารที่ผ่านการเคี่ยวฝึกมาอย่างหนัก
ขณะที่ นาเดีย เองก็เรียกว่ามีเสน่ห์แบบห้าว ๆ แต่ยังดูเซ็กซี่มาก ๆ บทบาทในเรื่องนี้แม้จะไม่โฉบเฉี่ยวเท่าตอนเป็นสาวบอนด์ใน Skyfall แต่ดูมีเสน่ห์มากกว่า Kill Switch เรียกว่าเรื่องนี้ได้เธอได้บทเด่นจนได้มีโอกาสสังเกตว่า บุคลิกของเธอดูคล้ายกับ Michael Rodriguez ในบทของ เลตตี คนรักของพี่ดอมมาก ๆ
มุกที่ Revolt เอามาใช้เล่าเรื่องคือ การที่ความทรงจำของ โบ ค่อย ๆ กลับมาระหว่างทางต่อสู้เอาตัวรอด หนังมีทิ้งเมสเซจหยอดไว้เป็นพัก ๆ คล้ายจะบอกใบ้และให้คนดูเดาทางตามพระเอกไปพร้อม ๆ กัน ในขณะเดียวกัน ฉากบู๊แอ็คชันที่จะหนักไปทางวิ่งหนีเสียมากกว่า ตัวหนังเก็บรายละเอียดในเรื่องของความสูญเสีย เจ็บป่วยล้มตายรายทางได้ดูน่าเวทนาดี เอฟเฟกต์หลายจุดทำได้น่าพอใจระดับหนึ่ง แต่ก็มีหลายจุดเหมือนกันที่มันดูปวกเปียกเกินคาดไปหน่อยจนน่าเสียดายไปหลายฉาก
แต่ที่เสียดายกว่านั้นคือเมื่อมาถึงครึ่งเรื่อง ตัวหนังกลับยังจับต้นชนปลายไม่ชัดเจน กลายเป็นว่าจะแอ็คชันบู๊ล้างผลาญยิงกันตูมตามก็ไม่ใช่ จะไซไฟแฟนตาซีให้มันเวอร์วังบันเทิงลูกกะตาหน่อยก็ไม่มี จะดรามา จะขายเรื่องราวความคับแค้นที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุน ปมครอบครัวที่จากมารึ ก็ไม่! ไม่มีแบ็คกราวน์ใด ๆ ตัวละครทั้งคู่เลยกลายเป็นจับต้องไม่ได้ แบนราบเรียบ แม้แต่เอเลียนกูยังไม่รู้เลยมึงเป็นใครมาจากไหน เห็นโลกมนุษย์เป็นเซเว่นหรืออะไร เหมือนมึงหิวเมื่อไหร่ก็แวะมา โอเคว่าบางช่วงยอมรับว่าหนังมันเริ่มกดดันคนดูได้ จนแอบนึกถึงบรรยากาศของ Hurt Locker คือดูแล้วเริ่มสนุก เริ่มมีชีวิตชีวา แต่พอจะเริ่มอิน ถึงจุดที่ควรจะไปต่อหรือเล่นฉากยาวได้เลย หนังกลับเลือกไปพูดถึงประเด็นอะไรก็ไม่รู้ซะงั้น ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านก็เรียก ‘ขี้ไม่สุด’ สักทาง ปล่อยคนดูค้างเติ่งอีกแล้ว