หมวดหมู่ : หนังแอนนิเมชั่น , หนังตลก , หนังครอบครัว , หนังผจญภัย
เรื่องย่อ : Enchanted มหัศจรรย์รักข้ามภพ (2007) [พากย์ไทย บรรยายไทย]
IMDB : tt0461770
คะแนน : 7
รับชม : 7763 ครั้ง
เล่น : 3200 ครั้ง
เมื่อการ์ตูนถูกนำมารวมกับโลกความจริง ผลที่ได้คือเทพนิยายอันมีส่วนผสมที่ให้รสชาติประหลาด แถมยังเจือปนไว้ด้วยความเพี้ยนแบบวายป่วงขนานแท้
สำหรับคนหนังดรามาซีเรียส ขอเตือนไว้อย่างว่าอย่าริตีตั๋วไปดูหนังเรื่องนี้เด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้นคุณอาจต้องเสียใจภายหลัง กับรสชาติแสนจะแปร่ง
แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก ถือเสียว่าเพื่อแก้เซ็ง หรือไม่อยากนอนแกร่วอยู่ที่บ้านคนเดียว ก็รีบไปหาความสำราญบานตะไทในหนังเรื่องนี้ได้
Enchanted เทพนิยายบทใหม่ส่งตรงมาจากวอลท์ ดิสนีย์ อาจเป็นเทพนิยายที่ค่อนข้างจะแหกกฎเกณฑ์เดิมๆ อยู่ไม่น้อย เนื่องเพราะที่ผ่านมาเราคุ้นเคยกับตัวละครการ์ตูนเสียมากกว่า เช่นว่า Aladdin, The Little Mermaid, Snow White and Seven Dwarfs, Beauty and the Beast แต่เรื่องนี้กลับเป็นนำตัวการ์ตูนแปลงร่างเป็นคนจริงๆ มีเลือดเนื้อมีหัวใจ ซึ่งให้ความรู้สึกสนุกแปลกไปอีกแบบ
จะว่าไปการนำตัวการ์ตูนมาอยู่ในโลกมนุษย์ไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือเรื่องเซอร์ไพรส์ เพราะขนบนี้ทำกันมาหลายปี เมื่อ 6 ปีก่อนโน้น ดรีมเวิร์คส์-เคยหยิบ Shrek มาโลดแล่นกับนักแสดงที่เป็นคน จนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม นั่นอาจเรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้น ส่วนพี่เบิ้มที่เคยผูกขาดงานสร้างแอนิเมชันแสนนานโขอย่าง วอลท์ ดิสนีย์ กลับเพิ่งรวบรวมความกล้าได้ (มัวทำอะไรอยู่ละเนี่ย)
ถึงแม้จะช้ากว่าชาวบ้านชาวช่อง แต่ก็ขอปรบมือให้กับการเปลี่ยนแปลง เพราะเมื่อหันมามองจุดดึงดูดใจก็พบว่าหนังเรื่องนี้มีความไม่ธรรมดาซ่อนอยู่มากมาย เห็นชัดสุดความชาญฉลาดที่ทีมงามรู้จักนำของดีที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นตัวการ์ตูนที่ขึ้นแท่นระดับตำนาน หรือยังคงอยู่ในใจคนดูเสมอ กลับมาปัดฝุ่นให้ฟื้นชีพในลักษณะเชิงล้อเลียนเสียดสีระหว่างตัวละครด้วยกันเอง
ตรงกันข้ามถ้าคิดแบบมีอคติหน่อย ก็เหมือน วอลท์ ดิสนีย์ เริ่มหมดมุก จนต้องโละของเก่ามาหากิน จับนั่นผสมนี่ เขย่าๆ รวมกันในที่สุดจึงเกิดผลงานชิ้นใหม่แหวกแนว (แต่ยังคงกรุ่นกลิ่นเดิม) จนถึงขั้นมีคนตั้งข้อสังเกต (เล่นๆ อย่าคิดมาก) ว่าเทพนิยายของสตูดิโอแห่งนี้ชักเข้าข่ายเพี้ยนไปใหญ่ หามีความคลาสสิกไม่
นานาจิตตังก็ว่ากันไป แต่สำหรับคนที่ดูแล้วก็น่าจะชอบกับความวายป่วงที่ปรากฏในหนัง โดยเฉพาะมุกซื่อบื้อของหญิงงาม จีเซล (เอมี อดัมส์) กับ เจ้าชายรูปหล่อ เอ็ดเวิร์ด (เจมส์ มาร์สเดน) ที่หลุดมาจากโลกเทพนิยาย เพราะน้ำมือของราชินีใจทราม นาริสซา (ซูซาน ซาแรนดอน) ทำเอาคนบนโลกงงเป็นไก่ตาแตก เพราะความไม่รู้ที่ทั้งคู่ปล่อยออกมา จนฮากลิ้งท้องคัดท้องแข็ง
ยิ่งในฉากที่ต้องร้องเพลง หนังพยายามจะสร้างให้อยู่ในบรรยากาศโรแมนติกก็กลับถูกบดบังและทำลายด้วยความเปิ่นแบบใสๆ กลายเป็นเรื่องชวนขำก๊าก ทั้งที่อยากจะอินไปกับเพลง แต่ทำไม่ได้ เห็นหน้านางเอกพระเอกทีไร มันเหมือนนั่งดูตลกดีๆ นี่เอง
ความวายป่วงในหนังมีให้เห็นเป็นระยะ ส่วนใหญ่จะโฟกัสที่ 2 คู่พระนาง เช่น นั่งพูดคนเดียว นึกอยากจะร้องเพลงก็ร้อง หรือแม้แต่พูดกับชิมป์มังก์ แต่งตัวออกเพี้ยนๆ (นางเอกเอาผ้าม่านมาตัดเสื้อผ้า) หนังอาจเน้นความฮา มุ่งขายมุกล้อเลียนตัวละครของวอลท์ ดิสนีย์ แต่ก็ไม่ลืมที่จะสอดแทรกเรื่องความรักลงไปด้วย ความรักในหนังตอกย้ำให้น่าเชื่อถือว่าโลกความจริงยังมีอยู่ไหม? บุพเพอาละวาด อ้อ! ไม่ใช่ บุพเพสันนิวาส เจ้าชายยอมข้ามภพเพื่อตามหาหญิงรัก แต่เธอดันกลับไปปิ๊งพ่อม่ายลูกติด (แพทริก เดมพ์ซีย์) ชนิดเจอเห็นแล้วทำเอาหัวใจหวั่นไหว (แหม! ใครบ้างละไม่หวั่นไหว เพราะแพทริก เดมพ์ซีย์ หล่อตาเยิ้มซะขนาดนั้น) เพราะเธอมั่นใจผู้ชายคนนี้ นี่ละคือคู่แท้
หนังเรื่องนี้ทำให้ เอมี อดัมส์ แจ้งเกิดแบบเต็มตัว แม้เธอจะเคยผ่านงานแสดงมาแล้ว ถึงขั้นเข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงจากบทสาวท้องแก่พูดมากใน Junebug (ปี 2005) หรือร่วมแสดงเป็นหวานใจของ ทอม แฮงก์ หนังตลกร้าย Catch Me If You Can (ปี 2002) แต่ในเรื่องนี้ถือว่าเธอโดดเด่นไม่มีใครเกิน เป็นความสามารถด้านการแสดงที่หาตัวจับยาก กับบทบาทท้าทาย สาวสวยแต่บ๊อง จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเธอถึงเข้าชิงลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทหนังตลกและหนังเพลงปีล่าสุด
บทราชินีร้ายกาจที่ได้นักแสดงระดับออสการ์ ซูซาน ซาแรนดอน มาเล่นนั้น สร้างความพ่ายแพ้แก่เธออย่างมหันต์ เมื่อแทนที่จะช่วยส่งเธอขึ้นชั้นนักแสดงที่พยายามฉีกบทบาทซ้ำๆ ซากๆ ทว่าความร้ายแบบไร้สาระกลับดับรัศมีให้เธอตกอับพร้อมกับเสียงก่นด่า ไม่น่ารับเล่นเลยป้า (ก็เหมือนกับตอนที่ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ รับบทแม่มดใน Star Dust นั่นล่ะ โดนวิจารณ์ซะเละ)
คนที่มาแบบเนิบๆ (เพราะน้ำหนักตัวมาก) แต่ชิงความเป็นดาวเด่นในหนังต้องยกให้ ทิโมธี สปอล (กำลังจะมี Sweeney Todd เข้าฉายบ้านเราอีกไม่กี่วันนี้) ที่รับบทเป็นองครักษ์พิทักษ์ราชินี มุกฮาแบบชั่วๆ เกิดจากฝีมือเขา ทำได้จนรู้สึกน่าหมั่นไส้
ส่วนหนุ่มที่เป็นขวัญใจสาวๆ แพทริก เดมพ์ซีย์ ที่ดังมาจากซีรีส์สุดฮอต Greys Anatomy หล่อเร้าใจ แต่บทที่ได้รับไม่เห็นได้โชว์ฝีมือเท่าไหร่เลย เช่นเดียวกับ เจมส์ มาร์สเดน เมื่อเทียบกับหนังฮาแตกอย่าง Hair Spay ต่างกันลิบลับ
ไม่ว่าจะอย่างไร ตัวละครเหล่านี้ก็คือสีสันที่ช่วยให้เทพนิยายเรื่องนี้เต็มไปด้วยสนุกสนาน และที่สำคัญมุกต่างๆ นั้นแสนจะวายป่วงมั่ก…มาก