หมวดหมู่ : หนังอาชญากรรม , หนังแอคชั่น , หนังระทึกขวัญ
เรื่องย่อ : Real เรียล (2017) [บรรยายไทย]
IMDB : tt6904062
คะแนน : 4.8
รับชม : 20436 ครั้ง
เล่น : 7429 ครั้ง
Real เป็นภาพยนตร์แนวแอคชั่นทริลเลอร์เนื้อหาแฝงจิตวิทยา ในสไตล์นัวร์ และติดเรท 19+ มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์สูงมาก ในไทยจะฮือฮากับฉากเซ็กส์วาบหวิวของพระเอกขวัญใจ คิมซูฮยอน กับ ซอลลี่ ซึ่งก็มีคลิปฉากนี้หลุดมาในโลกโซเชียลทันทีที่หนังออกฉาย จะโดยบังเอิญหรือไม่ก็ไม่ทราบ ข้อดีคือเป็นการเรียกกระแสกับชาวแฟนๆคิมซูฮยอนในต่างประเทศที่ตั้งตารอหนังใดๆก็ได้ของคิมซูฮยอน ส่วนในเกาหลีนั้นหนังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าสร้างความผิดหวังสูงในหมู่แฟนๆและคอหนัง เพราะพลอตไม่ดี ไม่เมคเซนส์ ความน่าเบื่อของเนื้อหา การเดินเรื่องที่ยาวเกิน (136 นาที) ถึงขั้นว่าบางสื่อบางสำนักยกให้เป็นหนังยอดแย่แห่งปีแห่งทศวรรษกันเลยทีเดียว ก็ไม่แน่ใจว่าส่วนหนึ่งอาจจะมีผลมาจากความอคติของชาวสื่อเกาหลีจำนวนหนึ่งที่มีต่อดาราสาวซอลลี่ด้วยหรือไม่ ซึ่งเธอมักตกเป็นเป้าถูกจับผิดอยู่เนืองๆ จึงยิ่งมองฉากติดเรทของซอลลี่เป็นภาพฉาบฉวยของภาพยนตร์ไป ในขณะที่แสดงความเสียดายที่คิมซูฮยอนเลือกรับแสดงเรื่องนี้ แหม!วิจารณ์แบบนี้ ยิ่งสร้างความอยากดู อยากรู้ว่ามันเป็นยังไงกันเชียว
ด้วยความที่เป็นหนังนัวร์ ผสมสไตล์การเล่าเรื่องที่ผู้กำกับ/ผู้เขียนบท อีซารัง (หรือ Love Lee ซึ่งเป็นญาติของคิมซูฮยอน) อยากแหวกแนว สร้างปรากฏการณ์ใหม่ของวงการภาพยนตร์ เลยทำให้หนังดูเข้าใจค่อนข้างยาก หลังจากที่มีซับอังกฤษ ซับไทยออกมาให้ชาวไทยได้ชมกัน หลายๆคนคงตื่นเต้นไปกับฉากไฮไลท์ฟินๆแล้วก็จบกันไป แต่สำหรับหลายๆคนที่อยากเสพสาระจากหนัง อาจมึนๆงงๆ ไม่เก็ตเรื่องราวเนื้อหา ลองมารีวิวแบบสปอยล์กันดูตามความเข้าใจของผู้เขียนเท่าที่สามารถเก็บความออกมาได้นะคะ ลองดูว่าจะเก็บเดี่ยวความสนุกจากหนังได้มากขึ้นไหม
หนังแบ่งออกเป็น 3 chapter คือ
Birth – เล่าที่มา ปูบทของตัวละครหลัก และโรคจิตที่เขาเป็น
VS – การเผชิญกันเพื่อแย่งตัวตนที่ต้องการ
Real – เฉลยตัวตนจริง และความจริงของเรื่องราว
หนังเปิดเรื่องด้วยคำพูด ของ Abraham Maslow ว่า ‘What a man can be, he must be’ หมายความว่า มนุษย์เรามีศักยภาพที่จะเป็นได้ในสิ่งที่ปรารถนา ตามการบรรลุความต้องการขั้นสูงสุดของทฤษฎีมาสโลว์ (ความต้องการของมนุษย์ 5 ขั้น : ความต้องการพื้นฐานทางกายภาพ (physiological) –> ความปลอดภัย (Safety) –> การเป็นที่รัก (Love & Belonging) –> การเป็นที่นับถือ (Self esteem) –> ความสมบูรณ์สูงสุดของชีวิต (Self Actualization) (ได้ใช้วิชาพื้นฐานจิตวิทยาที่เรียนมาละ555) ไปตามดูกันว่า ตัวเอกของเรื่องจะบรรลุ self actualization ของตนได้หรือไม่ อย่างไร
คิมซูฮยอน รับบทเป็นคนที่มีปัญหาทางจิต เป็นโรคหลายบุคลิก (หรือ DID-Dissociative identity disorder) เขามีสองบุคลิกที่คิดต่างกัน ไม่ปฏิสัมพันธ์กัน จนต้องเข้ารับการรักษากับจิตแพทย์ (รับบทโดย อีซองมิน) ซึ่งหมอก็ยังไม่เคยเจอเคสโรคสลับบุคลิกแบบรายนี้มาก่อน ซึ่งในภาวะที่สลับบุคลิก ความทรงจำจะเสื่อมหายไปชั่วคราว ทำให้การหาข้อมูลเพื่อรักษาเป็นไปโดยยาก
เขาเป็นนักข่าวฟรีแลนซ์ ในนามแฝงว่า Phillip Marlowe ที่ทำข่าวส่งให้สื่อโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ โดยมีเพื่อนคู่หูนักสืบชื่อโนยอม (รับบทโดย อีคยองยอง) ร่วมกันหาข้อมูลข่าว บุคลิกนี้มาในลุคเนิร์ด โตจากเด็กเรียน เป็นบุคลิกอ่อน ไม่สู้คน ไม่อยากเผชิญปัญหา เป็นบุคลิกแนว Introvert แน่นอนว่าบุคลิกแฝงที่ซ้อนอยู่ ต้องเป็นแนวแข็ง มีพลังน่าเกรงขาม เพื่อลบจุดด้อยในใจที่มีอยู่ อีกบุคลิกจึงถูกสร้างให้เป็นนักเลงมาดดีที่เก่งกล้า อีโก้สูง เขาเป็นเจ้าพ่อนักจัดการแก้ปัญหาด้วยกำลัง ไร้ความปราณี ในชื่อว่า จางแทยอง ผ่านประสบการณ์ต่อสู้เฉียดตายมาอย่างโชกโชน มีรอยสักเต็มตัว มีเป้าหมายชีวิตเป็นเจ้าพ่อบ่อนคาสิโน สัญชาตญาณลึกๆที่อยากมีอำนาจ เป็นผู้นำ จะเห็นได้จากที่หมอให้เขาเลือกหยิบตุ๊กตารัสเซีย แล้วเขาเลือกตัวที่ใหญ่ที่สุดโดยไม่มีเหตุผล
คิมซูฮยอนแสดงไว้ดีทีเดียวกับบทต่างบุคลิก แยกแยะได้ชัดเจน และยังมีแว่นตาเป็นตัวช่วยอีก คือนักข่าวใส่แว่น
จากเหตุการณ์ที่นักข่าวไปสืบทำข่าวอาชญากรรมร้ายแรงมา และตกอยู่ในเหตุการณ์รุนแรง มีการทำร้ายฆ่ากันตาย ทำให้เป็นโรคหลายบุคลิก (หรืออาจเป็นมาก่อน แต่เกิดความรุนแรงขึ้นจากเหตุการณ์นี้) หลอนจิตทรมานนอนไม่หลับ เขาคิดอยากตามหาผู้ชายที่มีรอยสัก ซึ่งข่มขืนและยิงแฟนสาวของเขา และมักคิดอยากฆ่าตัวตายเพื่อกำจัดอีกบุคลิกทิ้งไปซะ จะได้เป็นอิสระ ส่วนการรักษาด้วยยา (ยาสีฟ้าๆ ฉีดเข้าเส้นเลือด เดี๋ยวรอไปเฉลยท้ายเรื่อง) ก็เป็นไปได้ยาก เพราะร่างกายเขาเคยรับยาไปเกินขนาดแล้ว ไหนๆก็ใกล้จะจบคอร์สการรักษา หมอจึงแนะนำวีธีใหม่ ง่ายกว่า ไม่ต้องฆ่าตัวตายจริง คือให้เขาบังคับจิตไปเป็นคนอื่นที่กำลังจะตาย เมื่อคนนั้นตายจริง บุคลิกในตัวจะได้ตายไปด้วย คือ ใช้จิตรักษาจิต
มีเหตุที่นักข่าว/จางแทยอง บาดเจ็บต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยายบาลพร้อมกับชายอีกคนที่บาดเจ็บหนักมากขั้นโคม่าพันเป็นมัมมี่ นอนเป็นผัก จากชาร์ทคนไข้บอกผู้ชมว่า เขาเป็นชายอายุ 62 และจากบทสนทนาของทนายที่มาเยี่ยม ทำให้รู้ว่าเขาเป็นเศรษฐี นักข่าวจึงทำตามที่หมอแนะนำ เข้าไปบีบคอหวังฆ่าชายมัมมี่ แต่ชายมัมมี่กลับฟื้นลุกขึ้นมาได้ นักข่าวจึงตกใจหนีไป
หนังทิ้งซีนสัญญลักษณ์ไว้ว่า นักข่าวทิ้งแว่นหล่นไว้ให้ชายคนนั้นเก็บไป สื่อว่าตัวตนนักข่าวถูกทิ้งไป และ hint ว่าชายมัมมี่จะเก็บตัวตนนักข่าวนี่ไปใช้ต่อ เพราะเขาก็เป็นโรคทางจิต!! ซึ่งจะเห็นได้ว่าเขาก็ถูกฉีดยาสีฟ้าๆ เข้าเส้นเลือดเหมือนกัน
6 เดือนผ่านไป ชีวิตจางแทยองมีความสุข มีบุคลิกเดียว คือ เป็นเจ้าพ่อบ่อนคาสิโนหรูอลัง ชื่อ Seista แฟนสาวเลิฟๆ คือผู้ช่วยจิตแพทย์ด้านกายภาพบำบัดของหมอที่เขาไปรักษาอยู่แหละ ชื่อ ซงยูฮวา (รับบทโดย ซอลลี่) ณ จุดนี้ เขาและหมอมีความเชื่อว่าอีกบุคลิกได้ตายสาบสูญไปแล้ว
แต่ปัญหาของจางแทยองก็เกิด เมื่อมาเฟียโจวอนกึน (รับบทโดย ซองดงอิล) มาอ้างสิทธิ์การครอบครองบ่อนคาสิโนนี้ด้วยครึ่งหนึ่ง (เดิมคงทำบ่อนร่วมกัน แต่โจวอนกึนไปติดคุก จางแทยองจึงยึดมา) จางแทยองจึงต้องคิดหาทางหาเงินมาแลกสิทธิ์ในกิจการเพียงผู้เดียว หรือไม่ก็ต้องหาวิธีจัดการมาเฟียโจให้พ้นทางไปซะ
อีกปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น คือ ชายมัมมี่ ผู้เป็นโรคจิต ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาไปทำศัลยกรรมและสวมหน้ากากเหล็กทับไว้ ใช้กล่องเสียงประดิษฐ์ เพราะเขาเป็นเศรษฐีจึงใช้เงินทำได้ทุกอย่าง ทนาย (รับบทโดย โจอูจิน) ช่วยจัดการวิธีแอบส่องและศึกษาชีวิตของจางแทยองมาให้อย่างละเอียด รวมทั้งซื้อข้อมูลประวัติรักษาจากหมอด้วย เพราะเขาต้องการจะเป็น ‘จางแทยอง’ เนื่องจากจิตสั่งให้เชื่อว่าจางแทยองขโมยตัวตนของเขาไป เขานี่แหละคือ ‘จางแทยอง’ ตัวจริง
นับจากจุดนี้ จะมีจางแทยอง 2 คนเผชิญหน้ากัน ในการรีวิวอาจจะสับสนได้ จึงจะขอเรียกจางแทยองที่มาจากชายมัมมี่คนนี้ว่า‘จาง 2’ ละกันนะคะ
จาง 2 ภายใต้หน้ากาก ปรากฏตัวให้จางแทยองชวนสงสัย และหงุดหงิดขึ้นอีกว่า ทำไมต้องบังเอิญขนาดนั้น ใช้ชื่อเดียวกัน ใช้บริการจิตบำบัดที่เดียวกัน และยังอยากร่วมธุรกิจเสนอตัวให้เงินลงทุน อ้างตนว่าเป็นอริกับมาเฟียโจเช่นกัน และยังบอกอีกว่าอดีตเป็นนักข่าวฟรีแลนซ์ (แต่จางแทยองจำตัวตนเองที่เป็นนักข่าวไม่ได้แล้ว) รวมทั้งยังพยายามจะแต่งตัวแฟนสาวของตนให้เหมือนกับซงยูฮวาด้วย นี่มัน ‘mirror’ ชัดๆ 555 จาง 2 เลียนแบบทุกอย่างแม้ไม่ได้อยู่ต่อหน้าจางแทยอง เช่นบทเซ็กซ์ก็ยังขอลอกมาทุกประโยคทุกลีลา omg!
แต่กระนั้นก็ตาม ทั้งสองก็ได้ร่วมมือในการเข้าไปลุยสถานแบคอัพธุรกิจของมาเฟียโจ ที่มีครบอบายมุขทุกประเภท ด้วยการชี้ช่องจากนักเลงชาวรัสเซียชื่อ เซียเกย์ โดยจาง 2 ในบทบาทของนักข่าวจาง มาถ่ายวิดีโอตามตลอด คงนำไปใช้เป็นหลักฐานให้ตำรวจดำเนินคดีมั้ง พอเสร็จงานมาเฟียโจถูกตำรวจหมายหัว ต้องออกพ้นทางธุรกิจจางแทยองแล้ว จางแทยองจึงอยากจบความสัมพันธ์กับจาง 2 ซะที
มาว่ากันที่ซงยูฮวา แฟนสาวของจางแทยอง เธอก็เป็นโรคจิตเช่นกันค่ะ เป็นโรคตกหลุมรักคนไข้ที่น่าสงสาร มีประวัติเก่าที่ถูกจาง 2 สืบมาบลัฟเธอด้วยว่า สามีเก่าเป็นคนไข้ที่เธอแต่งงานเอาเงินประกัน (มิได้บอกชัดว่าตายอย่างไร) เมื่อจาง 2 เข้าหา (หวังยึดแฟนจริงของจางแทยองมาเป็นของตน) เธอเห็นมุมที่น่าสงสารในความเจ็บปวดจากใบหน้าใต้หน้ากาก ทั้งสองจึงลักลอบรักกัน
และเมื่อจาง 2 ถอดหน้ากาก เผยใบหน้า ‘จางแทยอง’ อีกคน ผู้ชมยังพอแยกแยะได้นะ เพราะจาง 2 ลอกเลียนแบบลึกลงไปถึงรากเหง้า คือตัวตนนักข่าวด้วย ดังนั้นภาพลักษณ์เขาจึงเป็น hybrid เป็นนักข่าวใส่แว่น ที่มีลุคเจ้าพ่อแบบจางแทยอง แต่แฝงความร้ายเจ้าเล่ห์เพิ่มลงไปด้วย
จาง 2 เปิดเผยใบหน้าใต้หน้ากากของเขาต่อจางแทแยอง พร้อมข่มขู่ และอ้างความเป็นเจ้าของ ‘จางแทยอง’ ตัวจริง มาทวงคืนตัวตน และบอกว่าความจริงว่าจางแทยองเองแหละที่เป็นของปลอม เป็นบุคลิกสร้างซ้อนของนักข่าว และคืนนั้นเขาก็มอมยาจางแทยอง ทำการแลกตัว เอาแว่นของตนสวมให้จางแทยอง เพื่อให้กลายเป็น จาง 2 หรือ นักข่าวจาง (ตามที่ตัวละครอื่นๆในเรื่องเรียกเขา)
พอดีกับว่ามาเฟียโจกลับมาเอาคืนในวันนั้น มาเฟียโจยิงใส่จางแทยองที่สวมแว่น เพราะเข้าใจว่าคือนักข่าวจางซึ่งเป็นพยานทลายธุรกิจมาเฟียโจ และเพื่อต้องการขู่จางแทยอง (ซึ่ง ณ ตอนนั้นคือจาง 2)ให้กลัว พร้อมกับเอาตัวซงยูฮวาไปด้วย จะคืนให้ถ้าเอาเซียเกย์ตัวปัญหามาแลก
ผ่านไป 3 เดือน จาง 2 ซึ่งได้ครอบครองคลับ ได้ส่ง ริวกิลซู ที่อยู่กับ ศจ.คิม (เหล่านักเลงในวงการ) ไปให้มาเฟียโจแทน ซึ่งมาเฟียโจก็รีดเค้นได้ต่อว่าตัวบงการใหญ่ คือ บอริส มาเฟียโจจึงต้องการตัวบอริสมาก่อน ถึงจะคืนซงยูฮวาให้
ในขณะที่จางแทยองที่ถูกยิง (แก้มแผลเหวอะ) แต่ไม่ตาย เพราะโนยอมช่วยไว้ ไปพักตัวที่ออฟฟิซลับของพวกเขา จึงทำให้จางแทยองได้เจอแฟ้มข้อมูลการทำงานของจางแทยองตัวจริง ว่าคือนักข่าว ตรงกับที่จาง 2 บอกมาเลย จากข้อมูลบอกว่าเขากำลังสืบคดีอาชญากรรมยาเสพติดร้ายแรงชื่อ seista (เหมือนชื่อบ่อนของจางแทยอง) และเขาเคยทดลองยาไปมากมาย จนรู้วิธีแก้ปัญหาฤทธิ์ยาที่ทำให้ความทรงจำหายไป ด้วยการแช่ตัวลงในน้ำเย็นจัด เขาจึงจัดการเสพย์ยาและทดลองแช่เย็นเพื่อฟื้นความจำเดิมของนักข่าวจางแทยอง และก็ระลึกเห็นภาพในคลับอบายมุข เห็นตัวเขาเองนั่นแหละคือชายที่มีรอยสัก ซึ่งกำลังมีเซ็กส์กับแฟน และยิงแฟนตาย (คงเพราะแฟนเสพย์ยาหนักแล้วทรมานปางตาย) จากจุดนี้ ดูเหมือนว่าอาการ 2 บุคลิกแปลกแยกของจางแทยองจะเริ่มเชื่อมความจำเข้าหากันได้ละ และความลับของอาชญากรยาเสพติดที่เขาเคยตามสืบก็กลับขึ้นมาด้วย
จางแทยองนัดเจอมาเฟียโจเพื่อบอกความจริงว่าเซียร์เกย์ก็คือศจ.คิม ที่ทำงานหนุนหลังที่คลับอยู่ มาเฟียโจต้องเช็คตัวตนจริงซะหน่อยเพราะเริ่มสับสนว่าคุยกับใครกันแน่ สรุปว่าเป็นจางแทยองตัวจริง จึงร่วมมือกันได้ และบอกจางแทยองว่า ซงยูฮวาอยู่ในการดูแลของหมอประจำครอบครัวของเขา และหมอก็คือชายมีรอยสักที่จางแทยองเคยพยายามหาตัวอยู่แหละ (หมอก็สักแบบเดียวกับจางแทยอง) เมื่อได้ข้อมูลมา ปรากฎว่า หมอคนนี้ คือ บอริส นั่นเอง!!! และยิ่งกว่านั้น บอริสก็คือ จิตแพทย์ของจางแทยองนั่นเอง!!!
เมื่อจาง 2 รู้เรื่องราว ก็ไปที่โรงพยาบาล และพบความจริงที่ว่าจิตแพทย์เป็นคนพัฒนายา seista มาทดลองใช้กับผู้ป่วย ก็คือยาสีฟ้าๆที่ฉีดเข้าไปในเส้นเลือดคนไข้ตั้งแต่ต้นเรื่องมานั่นแหละ (อารมณ์อาจเหมือนการใช้มอร์ฟีนในทางการแพทย์) แต่หมอเองก็เป็นโรคจิตบ้าการใช้ยา ฉีดเข้าไปเยอะๆ อยากรู้อยากดูความเป็นไปอย่างเมามันส์ และคิดว่าตัวเองเป็นผู้กำหนดชีวิตคนได้ เพราะหมอนี่แหละที่เป็นคนเลือกเป้าหมาย ตั้งใจให้ยากับชายมัมมี่และกล่อมประสาทให้เขาเชื่อว่าเขาคือจางแทยองตัวจริงที่กำลังจะถูกชายอีกคน (ซึ่งคือจางแทยองตัวจริง) มาขโมยตัวตนเขาไปใช้ (ที่มาของซีนต้นเรื่อง) จนกลายเป็นจาง 2 เข้าทำนองหวังดีประสงค์ร้ายด้วยแหละ คือก็อยากรักษาให้ และอยากสะใจตัวเองด้วย เลยไม่สนเรื่องอันตรายถึงชีวิตของคนไข้ ส่วนซงยูฮวาเองก็เสพติดยา siesta มาก่อนอยู่แล้ว และยังมาโดนยาจากหมอเข้าไปอีก เกินกว่าจะช่วยเหลือให้รอดได้ทัน
มาเฟียโจและจางแทยองจึงไปถล่มธุรกิจคลับค้ายา siesta เป็นฉากต่อสู้ยาวๆที่สวยงามปิดท้ายเรื่อง จาง 2 หลังจากที่รู้ความจริงว่าตนเป็นเพียงผักรอตาย เป็นเพียงหนูทดลองเล่นๆของหมอ ไม่ได้มีพลังอำนาจอย่างที่คิด จึงนั่งโศกเศร้าไม่อินังขังขอบการประจัญบานข้างตัว แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งบุคลิกเจ้าพ่อนักต่อสู้ก็กลับมา เชื่อว่าตนเองเก่งกล้า เหมือนเป็นคนเหล็ก terminator ยิงไม่ตาย ก็จัดการศัตรูได้ราบคาบ ท้ายสุด จางแทยองก็คิดจะฆ่าจาง 2 แต่จาง 2 ก็เลือกที่จะเดินจากเขาไปเอง
สรุปว่า ในความเห็นผู้เขียน หนังไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ เอาเรื่องเนื้อหาและความน่าติดตามก่อน นอกเหนือจากการชวนขบคิดตามว่า ใคร คือ ตัวจริง ใครควรเป็นตัวจริง ที่ว่ากันไปตามชื่อเรื่องแล้ว เรื่องจริงของการเบี่ยงเบนบุคลิก มันมาจากจิต หรือยากันแน่ ก็ชวนคิด ยาที่เหมือนเหรียญสองด้าน ใช้ให้ดีก็ช่วย ใช้ไม่ถูกต้องก็ฆ่า ก็น่าคิด แล้วยังต้องลุ้นว่าใครคือคนร้ายตัวจริงด้วย คนดีอาจร้าย คนร้ายอาจดี มีการพลิกบทหักมุมนิดหน่อย ก็สนุกดีนะที่เห็นบท ‘ตัวร้าย’ ที่พระเอกต้องเผชิญหลายๆแบบ อันแรกคือตัวเอง ซึ่งคือบุคลิกแฝง ต่อมาด้วยมาเฟียโจ จาง 2 และหมอ
การหยอดเอาท้องเรื่องของธุรกิจอบายมุข เน้นที่ยาเสพติดซึ่งมีผลเรื่องการหลอนจิตมาใช้ผูกเรื่องเข้ากับความเบี่ยงเบนของบุคลิคภาพและจิตใจมนุษย์ได้ดีนะ ถือว่าแก่นของเนื้อหาเรื่องใช้ได้นะ แต่รายละเอียดอาจมีความขาดๆเกินๆไปบ้าง บางจุดก็รวบจนดูงง ไม่ได้ขยายความให้สมเหตุสมผลหรือเข้าใจได้ บางจุดก็ยืดขยายมากจนเกินจำเป็น เช่นฉากต่อสู้ คงเพราะอยากขายเทคนิคความสวยงามเชิงอาร์ตเยอะๆ และยอมรับว่าความดูยากแบบงงๆเป็นสิ่งขัดใจบ้าง ลดทอนความสนุกลื่นไหลไปบ้าง ผู้เขียนเองต้องดูถึง 2 รอบ ซังอังกฤษรอบ ซับไทยรอบ กว่าจะแงะออกมาได้แค่นี้ คิดว่าถ้ามีเวลาซ้ำอีกรอบ อาจมีมุมมองอื่นๆหรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้อีกเป็นแน่ 555 ดังนั้นรีวิวนี้อาจมีประเด็นสรุปผิดพลาดได้บ้าง ถ้ามีก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ
ในส่วนของงาน cinematography ก็สวยแปลกๆดีนะ มีความอาร์ตเซอร์ๆ แนว surrealism นอกจากความนัวร์แล้วก็ดูเหมือนจะมีแต่สีแดงที่เน้นอารมณ์เป็นพิเศษ หลายๆซีนเน้นเป็น Long shot ทิ้ง subject เดี่ยวๆ หรือตัวตนเล็กๆ ท่ามกลางโลกใหญ่เคว้งๆ เช่นภาพในตึกที่เห็นวิว nightlight ผ่านกระจกใส หรือภาพรถลอดอุโมงค์ หรือ ฉากจบของเรื่องที่ดูเซอร์เรียลมาก เทคนิคภาพบางช่วงก็ดูจะเยอะไปหน่อย ที่พอดีๆเช่นฉากการต่อสู้ท้ายเรื่อง สวยงามดีนะ บางฉากบางช่วงชวนนึกถึงหนังฮอลลีวู้ดเรื่องดัง Matrix บางฉากก็นึกไปถึงละครสัตว์คณะดัง Cirque de Soliel เลยหละ
ทิ้งท้าย ขอชื่นชมความสามารถของคิมซูฮยอน ที่ต้องแสดงถึง 3 คาแรคเตอร์ และชื่นชมซอลลี่ด้วย คงไม่วิจารณ์ใดๆกับฉากนู้ด ในภาพรวมผู้เขียนคิดว่าทั้งคู่แสดงได้ดีมาก ถ่ายทอดอารมณ์ได้หลากหลายเป็นมืออาชีพ ขออนุญาตสวนกระแสให้กำลังใจท่ามกลางกระแสวิจารณ์ทางลบของเกาหลีค่ะ