ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

Edge of Tomorrow ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร (2014) [พากย์ไทย บรรยายไทย]

Edge of Tomorrow ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร  (2014)
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังวิทยาศาสตร์ Sci-fi , หนังผจญภัย , หนังสยองขวัญ

เรื่องย่อ : Edge of Tomorrow ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร (2014) [พากย์ไทย บรรยายไทย]

ชื่อภาพยนตร์ : Edge of Tomorrow ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร
แนว/ประเภท : Action,  Adventure,  Sci-Fi
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Doug Liman
บทภาพยนตร์ : Christopher McQuarrie,  Jez Butterworth
นักแสดง : Tom Cruise,  Emily Blunt,  Bill Paxton
วันที่ออกฉาย : 5 June 2014
 
 
 

เรื่องราวของอนาคตอันใกล้ที่มีฝูงเอเลี่ยนบุกโจมตีโลกอย่างต่อเนื่อง แม้แต่กองกำลังทหารของโลกก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ เคจ (ทอม ครูซ) เป็นนายทหารผู้ไม่เคยพบเห็นการต่อสู้วันใดที่ไม่มีความเสี่ยงต่อความหายนะ การเข่นฆ่าภายในไม่กี่นาทีทำให้เคจพบว่าตัวเองถูกโยนเข้าสู่ห้วงแห่งเวลา กดดันให้เขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับการรบครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องต่อสู้และล้มตายซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ด้วยการต่อสู้แต่ละครั้ง ทำให้เคจสามารถรับมือกับศัตรูที่มีความสามารถมากขึ้นร่วมกับนักรบกองกำลังพิเศษ ริต้า วาทาสกี้ (เอมิลี่ บลันท์) ยิ่งเมื่อเคจและริต้าต้องต่อสู้กับเหล่าเอเลี่ยนแต่ละครั้ง ทำให้พวกเขายิ่งใกล้จะเอาชนะศัตรูได้มากขึ้นทุกที

 
ดูครบทุกเรื่องหรือยัง? 10 หนังไซไฟ (ที่ไม่ใช่ภาคต่อ) ที่ดีที่สุดใน ...

IMDB : tt1631867

คะแนน : 7.9

รับชม : 12437 ครั้ง

เล่น : 5836 ครั้ง



 

 

Edge of Tomorrow อย่างละเอียดและค้นพบว่าตัวบทภาพยนตร์นั้นถูกดัดแปลงมาจากมังงะหรือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า All You Need is Kill ที่เขียนโดย ฮิโรชิ ซากุราซากะ ซึ่งในเวอร์ชั่นมังงะเองก็เป็นการ์ตูนที่เล่าเรื่องสนุกและนองเลือดชนิดที่เวลาตัวละครแต่ละตัวตาย เรียกได้ว่า ตับ ไต ไส้ พุง ม้าม เซี้ยงจี้ กระจายเต็มหน้ากระดาษกันเลยทีเดียว และการดัดแปลง  All You Need is Kill ให้กลายเป็น Edge of Tomorrow นั้น ผู้กำกับอย่าง ดั๊ก ไลแมน เลือกใช้บริการจากทีมเขียนบทมากมายหลายคนประกอบไปด้วย โจบี้ แฮโรลด์, สตีฟ โคลฟ์, ทิม คริง, เจซ และจอห์น เฮนรี่ บัตเตอร์เวิร์ธ, คริสโตเฟอร์ แม็คเวอร์รี่ ก่อนที่ อเล็กซ์ เคิร์ตแมน กับ โรแบร์โต ออร์ชี่ จะมาปรับปรุงบทสุดท้าย 

 

ความสนุกของ Edge of Tomorrow ก็คือการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของเหตุการณ์จะนำพาให้ตัวเอกของเรื่องมี "เส้นทาง" ในการเอาชีวิตรอดต่างออกไป ในแต่ละเหตุการณ์ที่เราได้เห็นเคจถูกรีเซตวันใหม่นั้นเราจะได้สัมผัสทั้งโมเมนต์เคร่งขรึม จริงจังและบางครั้งผู้กำกับอย่าง ดั๊ก ไลแมน ก็แทรกอารมณ์ขันร้ายๆเอามาให้เราขำพอเป็นพิธี ซึ่งจะว่าไปแล้วมันช่วยทำให้หนังดูลื่นไหลและไม่มีจังหวะของเรื่องที่ชวนง่วงหาวนอนหรืออยากจะเดินออกไปเข้าห้องน้ำเลยสักครั้ง (และถ้าพลาดบางจุดไปกลับมาอีกทีอาจจะดูหนังต่อไม่ติดก็ได้) 

 

Edge of Tomorrow': Why the End Is a Letdown

 

เงื่อนไขของหนังย้อนวันเวลาคือการหยิบจับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ใส่เข้าไปในชุดเหตุการณ์ซึ่งทีมงานในการสร้างต้องทำการบ้านอย่างหนักพอสมควรในการโน้มน้าวให้ผู้ชมเชื่อไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนจอภาพยนตร์ เพราะการ "วนซ้ำ" ของเวลา ถ้าหากทีมงานพลาดหรือเล่าเรื่องไม่ดีพอ หนังก็คงจะออกมาเละเทะและน่าเบื่อได้ทันที 

 

แนวคิดที่น่าสนใจของ Edge of Tomorrow ก็คือการที่มนุษย์เราสามารถได้รับ "โอกาสครั้งที่ 2" (ในเรื่องคือมากกว่า 2 ครั้งไปเยอะทีเดียว) ซึ่งนั่นหมายความว่าเรามีโอกาสที่จะแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วให้ดีขึ้นไปอีก แต่การแก้ไขนั้นจะต้องมาพร้อมกับการเรียนรู้และยอมรับในข้อบกพร่องของตัวเองเพื่อจะปรับปรุงแก้ไขความด้อยให้ "ดี" ขึ้น เพื่อก้าวผ่านอะไรบางอย่างไป อย่างที่เราได้เห็นจากตัวละครเคจ ที่ในตอนแรกนั้นเขามีสภาพเป็นไอ้แแหยที่ไม่กล้าแม้แต่จะจับอาวุธ แต่เมื่อเขารู้แล้วว่าภาระหน้าที่ของตัวเองนั้นนอกจากจะทำให้ตน "หลุดพ้น" จากการตายซ้ำแล้วซ้ำอีกเช่นนี้ โอกาสในการกอบกู้โลกก็ยังอยู่ในมือของตัวเองอีกด้วยเช่นกัน 

 

อย่างไรก็ตาม Edge of Tomorrow ถือว่าเป็นงานที่ไม่ซ้ำซากและถูกดัดแปลงมาจากงานของต่างชาติ ซึ่งทำให้เรื่องราวดู "สดใหม่และน่าสนใจ" ซึ่งคำวิจารณ์จากเมืองนอกก็อยู่ในระดับปานกลางคละเคล้าไปกับดี แต่สวนทางกับรายได้ซึ่งผลตอบรับในการทำเงินบนตารางบ๊อกซ์ออฟฟิศที่อเมริกานั้นก็ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่นัก และอาจจะต้องอาศัยกระแสปากต่อปากซะมากกว่า