ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

Goodbye Christopher Robin แด่ คริสโตเฟอร์ โรบิน ตำนาน วินนี เดอะ พูห์ (2017) [พากย์ไทย บรรยายไทย]

Goodbye Christopher Robin แด่ คริสโตเฟอร์ โรบิน ตำนาน วินนี เดอะ พูห์ (2017)
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังชีวประวัติ

เรื่องย่อ : Goodbye Christopher Robin แด่ คริสโตเฟอร์ โรบิน ตำนาน วินนี เดอะ พูห์ (2017) [พากย์ไทย บรรยายไทย]

ชื่อภาพยนตร์ : Goodbye Christopher Robin แด่ คริสโตเฟอร์ โรบิน ตำนาน วินนี เดอะ พูห์
แนว/ประเภท : Drama,  Biography
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Simon Curtis
บทภาพยนตร์ : Frank Cottrell Boyce,  Simon Vaughan
นักแสดง : Domhnall Gleeson,  Margot Robbie,  Kelly Macdonald
วันที่ออกฉาย : 29 September 2017
 
 
 
 
เรื่องราวที่ย้อนไปยังวัยหนุ่มของพลทหารอลัน มิลน์ (Domhnall Gleeson) สงครามที่แสนโหดร้ายทำให้เขามีอาการบางอย่างที่ไม่เคยหายไป เขาแต่งงานกับสาวสวยอย่าง แดฟเน่ (Margot Robbie) ด้วยความหวังว่าเขาจะหายจากอาการนั้น พวกเขาย้ายไปอยู่บ้านนอก เธอจึงมีลูกให้เขาหนึ่งคน
เด็กชายคริสโตเฟอร์ (Will Tilston) เติบโตขึ้นมาในครอบครัวดูพ่อแม่ดูจะชอบเที่ยวกันมาก แต่พอวันหนึ่ง ความสัมพันธ์ของเขากับพ่อก็เกิดแน่นแฟ้นขึ้น ความน่ารักช่างจินตนาการและช่างเจรจาของคริสโตเฟอร์สร้างแรงบันดาลใจให้พ่อของเขาสร้างผลงานเขียนที่กลายมาเป็นตัวละครที่ผู้คนรู้จัก
 
Goodbye Christopher Robin movie review (2017) | Roger Ebert

IMDB : tt1653665

คะแนน : 7.1

รับชม : 803 ครั้ง

เล่น : 226 ครั้ง



 

เมื่อวินนี เดอะ พูห์ กับปมสงครามกินคน ไม่ไปด้วยกัน

ประเด็นหลักที่ทำให้เกิดบทหนัง Goodbye Christopher Robin คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของจุดกำเนิดวินนี เดอะ พูห์ ซึ่งส่งผลให้คริสโตเฟอร์ โรบิน หรือบิลลี่ ลูกชายของ เอ เอ มิลน์ ต้องทุกข์ทรมานจากการคุกคามของชื่อเสียง แต่ด้วยกลัวว่าเรื่องราวจะเบาหวิวเกินไปหรือไงก็รู้ แฟรงค์ คอสเทล บอยซ์ และ ไซมอน วอห์น เลยนำเอาอาการ PTSD (Post Traumatic Syndrome) ซึ่งเป็นภาวะตึงเครียดหลังกลับจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ของอลัน มิลน์ มาเป็นปมหนึ่งที่วินนี เดอะพูห์และ บิลลี ลูกชายของเขาพาก้าวข้ามไปได้ ซึ่งมันคงทำให้หนังเข้มข้นขึ้นจริงๆหากตัวหนังได้กล่าวถึงว่าวินนี เดอะ พูห์ มีสารต่อต้านสงครามอย่างไร แต่ตัวหนังก็ละเลยจะพูดถึงประเด็นดังกล่าวในเชิงลึกเพราะต้องการให้เวลากับปมปัญหาเรื่องชื่อเสียงที่บ่อนทำลายครอบครัวแทนเลยกลายเป็นว่าหนังเสียเวลาบอกเล่าอาการตื่นกลัวของอลันเพียงเพื่อให้เรื่องราวมีจุดเริ่มต้น (รวมถึงเป็นอารัมภบทของเรื่อง) และจุดจบของหนังโดยที่เหตุการณ์ต่างๆในเรื่องไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานเขียนต่อต้านสงครามตามที่อลันได้ตั้งเป็นเป้าหมายของตัวละครไว้ในทีแรก


 


 

ตัวละครแวดล้อมคลุมเครือ

นอกจากนี้บทหนังเองยังมีปัญหาในการสร้างตัวละคร แดฟเน่ มิลน์ ที่ท้ายที่สุดคนดูก็ถูกทิ้งไว้กับความสงสัยว่าที่เธอกดดันสามีให้ทำงานเขียนและผลักดันให้ลูกชายออกงานเพียงเพื่อชื่อเสียงหรือเธอรักครอบครัวจริงๆ เพราะตัวละครแดฟเน่แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับบิลลี่ในเชิงแม่ลูกเท่าใดนักในเรื่องจนทำให้แดฟเน่กลายเป็นหญิงร้ายจนคนดูไม่คิดว่าเธอรักลูกจริงๆเมื่อถึงฉากดราม่าที่แสดงถึงความรักของแม่ ตรงข้ามกับโอลีฟที่แม้หนังจะให้เธอหายไปจากจอพักใหญ่แต่คนดูสัมผัสได้ถึงความรักความห่วงใยที่เธอมีต่อบิลลีเกินหน้าที่พี่เลี้ยงและเราก็พร้อมสะเทือนใจเมื่อถึงฉากดราม่าที่ทำให้ทั้งคู่ต้องลาจากกัน


 



จากปัญหาทั้งบทหนังที่มีประเด็นปลีกย่อยเยอะเกินไปและการเฉลี่ยบทให้ตัวละครไม่พอดีนักเลยทำให้ต้องพูดถึงงานกำกับของ ไซมอน เคอร์ติส ผู้กำกับที่ผลงานส่วนใหญ่เป็นซีรีส์โดยมีผลงานหนังเพียงแค่ Woman in Gold (2015) และ My Week With Marilyn (2011) ที่ได้รับเสียงตอบรับกลางๆมาตลอด โดยต้องยอมรับว่าไซมอน ทำหน้าที่กำกับเรื่องราวที่ค่อนข้างสะเปะสะปะออกมาได้กลมกล่อมไม่มีช่วงน่าเบื่อมากนัก โดยต้องยกความดีให้กับเรื่องราวในส่วนของจุดกำเนิดวินนี เดอะ พูห์ ที่ไซมอนสามารถกำกับให้ตำนานวรรณกรรมเด็กออกมามีชีวิตชีวาและสว่างสไวเพียงพอที่จะกลบจุดด้อยในช่วงเริ่มและช่วงปลายของหนังได้ และแน่นอนว่าเราคงต้องพูดถึงนักแสดงเด็กที่ขโมยหัวใจคนดูในลำดับถัดไป
 

 


 

งานนี้เด็กขโมยทั้งซีนและหัวใจคนดู 

กล่าวโดยความเข้มข้นของบทบาทแล้วตัวละครอย่าง อลัน มิลน์ ของดอมนอล กลีสัน (รับบทนายพลฮักซ์แห่ง Star Wars The Last Jedi (2017)) ควรจะเป็นตัวละครที่โดดเด่นที่สุดแต่เนื่องจากบทหนังมีปัญหาในการนำเสนอตัวละครของเขาไม่ว่าจะในฐานะนักเขียนที่เผชิญจุดเปลี่ยนเมื่อความหวาดกลัวสงครามทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือในฐานะพ่อที่เขาต้องแสดงตั้งแต่หนุ่มจนแก่แต่ท้ายที่สุดคนดูก็พร้อมจะลืมการมีอยู่ของตัวละครเขาได้ตลอดเวลา หรือแม้แต่ มาร์ก็อต ร็อบบี้ ที่แม้เธอจะเป็นนักแสดงฮอลลีวูดที่โด่งดังเพราะเล่นหนังซูเปอร์วิลเลียนรวมดาวร้ายอย่าง Suicide Squad (2016) แต่บทแดฟเน่ของเธอกลับคลุมเครือและได้รับโอกาสปรากฏบนจอไม่ต่างจากภาวะลักปิดลักเปิดแถมหนังยังให้แสดงความร้ายกาจต่อลูกและสามีทำคนดูเกลียดกลัวเธอจนยากที่ใครจะเห็นใจเมื่อถึงฉากดราม่าแม่ลูก ซึ่งต่างจาก วิล ทิลสตัน ในบท บิลลี่ มิลน์ หรือ คริสโตเฟอร์ โรบิน ที่สามารถขโมยหัวใจคนดูด้วยรอยยิ้มสดใสและการแสดงที่ทำให้คนดูเชื่อ หลงรักและใจสลายเมื่อถึงฉากที่เขาต้องจากลากับ โอลีฟ พี่เลี้ยงเด็กที่เขาผูกพันมากกว่าแม่ตนเอง และทีละน้อยบท โอลีฟ ของเคลลี  แมคโดนัลด์ ดาราสาวจากซีรีส์ Boardwalk Empire (2010-2014) ที่ถูกวางเป็นบทสมทบกลับมอบการแสดงที่น่าประทับใจคนดูมากกว่าตัวเอกอย่างดอมนอล กลีสัน และ มาร์ก็อต ร็อบบี้ เสียอีกจนทำให้ทุกฉากที่ วิล ทิลสตันปรากฎคู่กับเคลลี แมคโดนัลด์ กลายเป็นความประทับใจที่สามารถกลบข้อด้อยของหนังได้มิดเลยทีเดียว

แม้ข้อเสียของบทหนังจะมากมายเพียงใดก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Goodbye Christopher Robin มิได้บกพร่องในหน้าที่ของการเป็นหนังครอบครัวที่อบอุ่น มีฉากน่ารักและดราม่าชวนใจสลายจากการแสดงของ วิล ทิลสตัน และ เคลลี แมคโดนัลด์ จนทำให้เรื่องราวด้านมืดของต้นกำเนิด วินนี่ เดอะ พูห์ สามารถเป็นอุทาหรณ์ในการเลี้ยงลูกเพื่อปกป้องความโหดร้ายจากโลกมายาได้เป็นอย่างดี