ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

Gerald's Game จับตรึงแล้วขึงโซ่ (2017) [บรรยายไทย]

Gerald's Game จับตรึงแล้วขึงโซ่ (2017)
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังสยองขวัญ , หนังระทึกขวัญ , หนัง Netflix

เรื่องย่อ : Gerald's Game จับตรึงแล้วขึงโซ่ (2017) [บรรยายไทย]

ชื่อภาพยนตร์ : Gerald's Game จับตรึงแล้วขึงโซ่
แนว/ประเภท : Drama,  Horror,  Thriller
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Mike Flanagan
บทภาพยนตร์ : Mike Flanagan,  Jeff Howard
นักแสดง : Carla Gugino,  Bruce Greenwood,  Chiara Aurelia
วันที่ออกฉาย : 29 September 2017
 
 
 
 
เจสซี่และเจอราลด์คู่สามีภรรยามาที่บ้านริมทะเลสาบอันห่างไกลผู้คน เพื่อเปลี่ยนรสชาติชีวิตเซ็กส์ของทั้งคู่ที่แสนจืดชืด เขาล็อคมือเธอด้วยกุญแจมือไว้ที่หัวเตียงทั้งสองข้าง และเริ่มเล่นบทรักแฟนตาซีเป็นชายแปลกหน้าข่มขืนหญิงสาวและบอกให้เธอร้องดังๆ โดยรู้ว่าจะไม่มีใครได้ยิน แต่นั่นกลับทำให้เจสซี่อึดอัดและบอกให้เขาหยุดเจอราลด์กลับตอบว่า “แล้วถ้าฉันไม่ทำละ?” หลังจากทั้งสองโต้เถียงกันอย่างรุนแรง เขากล่าวหาเธอว่าไม่พยายามในความสัมพันธ์ของพวกเขา เจอรัลด์ก็ตายด้วยอาการหัวใจวาย ทิ้งเจสซี่ที่ถูกใส่กุญแจมือเอาไว้เพียงลำพัง…
 
Gerald's Game]] 2017 Full Movie Online HD | Peatix

IMDB : tt3748172

คะแนน : 6.6

รับชม : 2503 ครั้ง

เล่น : 612 ครั้ง



 

 

Gerald's Game จับตรึงแล้วขึงโซ่ (2017)

หนัง Gerald’s Game ของ Netflix เป็นเรื่องที่ดัดแปลงจากนิยายของสตีเฟน คิงแล้วผมรู้สึกว่ามันแปลกแตกต่างจากหลายๆเรื่อง อารมณ์มันเหมือนกับ Misery หนัง/นิยายจิตวิทยา-ระทึกขวัญที่นักเขียนถูกแฟนคลับจับทรมาน แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีประเด็นในแบบของตัวมันเอง

ผมอาจจะเขียนเหมือนกับว่า Gerald’s Game เป็นหนังสยองขวัญ แถมตัวอย่างก็นำเสนอในลักษณะนั้นด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือหนังแนวจิตวิทยา-ระทึกขวัญแบบ Misery เสียมากกว่า

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่างจาก Misery ก็คือ… เมื่อตอนที่เจสซี่ติดแหง็กอยู่กับเตียง เธอจะเริ่มจินตนาการเป็นภาพต่างๆนานา หลักๆแล้วคือเจรัลด์และตัวเธออีกคน นั่นเปิดโอกาสให้คนดูได้รู้ถึงอดีตของเจสซี่โดยไม่ต้องใช้ฉากแฟลชแบ็ก (ระลึกความหลัง) แบบเชยๆ

ในตอนต้นเรื่องคนดูได้เห็นว่า เจสซี่เป็นคนใจดีมาก เธอเห็นใจหมาจรจัด และดูเหมือนจะเป็นคนที่ใสสะอาดเพียบพร้อม แต่เอาจริงๆแล้วเธอกลับมีอดีตอันดำมืดที่ซุกซ่อนไว้ แม้แต่เจรัลด์เองก็ไม่รู้ ซึ่งถ้าใครเป็นแฟนหนังสือสตีเฟน คิง จะรู้สึกคุ้นเคยดีเลยแหละ (เอาจริงๆนะ สตีเฟน คิงเขียนนิยายเยอะแยะมากมาย แต่มันก็มีส่วนที่คล้ายกันหลายต่อหลายอย่าง จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปเลย…)

 

ผู้กำกับที่ดัดแปลงนิยายเรื่องนี้มาเป็นหนังคือ ไมค์ ฟลานาแกน (สะกดถูกหรือเปล่าไม่รู้) ซึ่งผมเคยดูหนังของเขาสามเรื่อง เรื่องแรกคือ Oculus (สองพี่น้องกับผี), Hush (สาวใบ้กับฆาตกรโรคจิต) และ Ouija: Origin of Evil (กระดานผีภาคต้นกำเนิด) ถ้าใครได้ดูผลงานของผู้กำกับคนนี้จะเห็นว่า เขามักจะทำหนังเล็กๆที่เกี่ยวข้องกับตัวละครไม่กี่ตัว และทุกเรื่องก็จะวนเวียนอยู่ในบ้านหนึ่งหลังหรือสถานที่ที่จำกัดขอบเขต ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งสองเรื่องยังเล่นกับสภาวะจิตใจกับตัวละครเป็นหลักเสียด้วย

ใน Gerald’s Game เองก็เป็นในลักษณะเดียวกับสามเรื่องที่ว่ามาเลย เพียงแต่ว่าผมชอบกว่า Ouija และ Hush พอสมควร เพราะมันเน้นเรื่องจิตวิทยาของตัวละครเป็นหลัก แล้วหมาจรจัดที่คอยจ้องจะตะครุบเธอก็ช่วยทำให้โทนของหนังดูตื่นเต้นขึ้นมาหน่อย

ผมชอบที่ผู้กำกับนำเสนอเรื่องราวของผู้หญิงติดอยู่กับเตียงให้ออกมาได้น่าสนใจเกือบตลอดชั่วโมงครึ่ง จังหวะการตัดต่อช่วยทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับจะมีเรื่องฉิบหายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ยิ่งภาพหลอนในใจของเธอทำงานหนักขึ้น หนังก็ยิ่งรู้สึกสนุกขึ้นเรื่อยๆ

แต่ก็ใช่ว่ามันจะสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ปัญหาสำคัญสำหรับหนังเรื่องนี้มีอยู่สองอย่าง

อย่างแรกคือ จังหวะการเล่าเรื่องในช่วงกลางๆ รู้สึกว่ามันอืดๆไปเสียหน่อย

อย่างที่สองคือ ซัพพล็อตที่เกิดขึ้นในตอนท้าย ซึ่งเฉลยถึงตัวตนที่เธอได้เห็นในระหว่างเกิดภาพหลอน มันทำให้ตอนจบของเรื่องซับซ้อนและยืดเกินความจำเป็น ขาดความกระชับ

แต่หากไม่นับทั้งสองประเด็นนี้ Gerald’s Game เป็นหนึ่งในหนังที่ดัดแปลงจากหนังสือของสตีเฟน คิงแล้วไม่ห่วย แถมยังค่อนข้างจะน่าชมเชยเอาไม่น้อยเลยด้วย หลักๆแล้วมันไม่ใช่แค่หนังแนว “เซอร์ไวเวิล” แต่มันเป็นเรื่องหญิงคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับอดีตซึ่งซุกซ่อนอยู่ในใจของเธอเอง สถานการณ์อันเลวร้ายนี้ได้บีบให้เธอต้องหันไปมองมันตรงๆ เพื่อจะให้เธอได้ก้าวข้ามมันไปในตอนท้าย ไม่ว่าเธอจะมีชีวิตรอดหรือไม่มีก็ตาม

ถึงจะน่าผิดหวังที่ประเด็นตรงนี้ไม่ได้ทรงพลังมากนักในช่วงท้ายๆ ทั้งๆที่มีโอกาสจะทำให้รู้สึกว่ามันสุดยอดกว่านี้ได้ แต่ผมก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจเอาไม่น้อยเลย

 

ใครเป็นสมาชิก Netflix ผมแนะนำให้ลองดูเรื่องนี้ ส่วนใครยังไม่ได้เป็นสมาชิก จะลองใช้สิทธิ์ดูฟรีเดือนแรกเอาก็ได้ครับ (ถ้ามันจะยังมีโปรโมชั่นนี้อยู่น่ะนะ)

อ้อ สำหรับหนังของ Netflix ที่ดัดแปลงจากสตีเฟน คิงและฉายในเวลาไล่เลี่ยกัน ยังมีอีกเรื่องคือ 1922 หากใครยังไม่ได้ดู ผมเองก็แนะนำให้ดูเช่นกัน เพราะมันเป็นหนังที่โอเคทั้งคู่เลย (คือไม่ได้ถึงกับดีสุดยอด แต่ก็ถือว่ามีคุณภาพระดับหนึ่ง) ปีนี้เป็นปีที่ดีของหนังจากหนังสือสตีเฟ่น คิงสินะ? (ถ้าไม่นับ The Dark Tower)