หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังสยองขวัญ , หนังระทึกขวัญ , หนัง Netflix
เรื่องย่อ : Gerald's Game จับตรึงแล้วขึงโซ่ (2017) [บรรยายไทย]
IMDB : tt3748172
คะแนน : 6.6
รับชม : 2503 ครั้ง
เล่น : 612 ครั้ง
หนัง Gerald’s Game ของ Netflix เป็นเรื่องที่ดัดแปลงจากนิยายของสตีเฟน คิงแล้วผมรู้สึกว่ามันแปลกแตกต่างจากหลายๆเรื่อง อารมณ์มันเหมือนกับ Misery หนัง/นิยายจิตวิทยา-ระทึกขวัญที่นักเขียนถูกแฟนคลับจับทรมาน แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีประเด็นในแบบของตัวมันเอง
ผมอาจจะเขียนเหมือนกับว่า Gerald’s Game เป็นหนังสยองขวัญ แถมตัวอย่างก็นำเสนอในลักษณะนั้นด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือหนังแนวจิตวิทยา-ระทึกขวัญแบบ Misery เสียมากกว่า
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่างจาก Misery ก็คือ… เมื่อตอนที่เจสซี่ติดแหง็กอยู่กับเตียง เธอจะเริ่มจินตนาการเป็นภาพต่างๆนานา หลักๆแล้วคือเจรัลด์และตัวเธออีกคน นั่นเปิดโอกาสให้คนดูได้รู้ถึงอดีตของเจสซี่โดยไม่ต้องใช้ฉากแฟลชแบ็ก (ระลึกความหลัง) แบบเชยๆ
ในตอนต้นเรื่องคนดูได้เห็นว่า เจสซี่เป็นคนใจดีมาก เธอเห็นใจหมาจรจัด และดูเหมือนจะเป็นคนที่ใสสะอาดเพียบพร้อม แต่เอาจริงๆแล้วเธอกลับมีอดีตอันดำมืดที่ซุกซ่อนไว้ แม้แต่เจรัลด์เองก็ไม่รู้ ซึ่งถ้าใครเป็นแฟนหนังสือสตีเฟน คิง จะรู้สึกคุ้นเคยดีเลยแหละ (เอาจริงๆนะ สตีเฟน คิงเขียนนิยายเยอะแยะมากมาย แต่มันก็มีส่วนที่คล้ายกันหลายต่อหลายอย่าง จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปเลย…)
ผู้กำกับที่ดัดแปลงนิยายเรื่องนี้มาเป็นหนังคือ ไมค์ ฟลานาแกน (สะกดถูกหรือเปล่าไม่รู้) ซึ่งผมเคยดูหนังของเขาสามเรื่อง เรื่องแรกคือ Oculus (สองพี่น้องกับผี), Hush (สาวใบ้กับฆาตกรโรคจิต) และ Ouija: Origin of Evil (กระดานผีภาคต้นกำเนิด) ถ้าใครได้ดูผลงานของผู้กำกับคนนี้จะเห็นว่า เขามักจะทำหนังเล็กๆที่เกี่ยวข้องกับตัวละครไม่กี่ตัว และทุกเรื่องก็จะวนเวียนอยู่ในบ้านหนึ่งหลังหรือสถานที่ที่จำกัดขอบเขต ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งสองเรื่องยังเล่นกับสภาวะจิตใจกับตัวละครเป็นหลักเสียด้วย
ใน Gerald’s Game เองก็เป็นในลักษณะเดียวกับสามเรื่องที่ว่ามาเลย เพียงแต่ว่าผมชอบกว่า Ouija และ Hush พอสมควร เพราะมันเน้นเรื่องจิตวิทยาของตัวละครเป็นหลัก แล้วหมาจรจัดที่คอยจ้องจะตะครุบเธอก็ช่วยทำให้โทนของหนังดูตื่นเต้นขึ้นมาหน่อย
ผมชอบที่ผู้กำกับนำเสนอเรื่องราวของผู้หญิงติดอยู่กับเตียงให้ออกมาได้น่าสนใจเกือบตลอดชั่วโมงครึ่ง จังหวะการตัดต่อช่วยทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับจะมีเรื่องฉิบหายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ยิ่งภาพหลอนในใจของเธอทำงานหนักขึ้น หนังก็ยิ่งรู้สึกสนุกขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก็ใช่ว่ามันจะสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ปัญหาสำคัญสำหรับหนังเรื่องนี้มีอยู่สองอย่าง
อย่างแรกคือ จังหวะการเล่าเรื่องในช่วงกลางๆ รู้สึกว่ามันอืดๆไปเสียหน่อย
อย่างที่สองคือ ซัพพล็อตที่เกิดขึ้นในตอนท้าย ซึ่งเฉลยถึงตัวตนที่เธอได้เห็นในระหว่างเกิดภาพหลอน มันทำให้ตอนจบของเรื่องซับซ้อนและยืดเกินความจำเป็น ขาดความกระชับ
แต่หากไม่นับทั้งสองประเด็นนี้ Gerald’s Game เป็นหนึ่งในหนังที่ดัดแปลงจากหนังสือของสตีเฟน คิงแล้วไม่ห่วย แถมยังค่อนข้างจะน่าชมเชยเอาไม่น้อยเลยด้วย หลักๆแล้วมันไม่ใช่แค่หนังแนว “เซอร์ไวเวิล” แต่มันเป็นเรื่องหญิงคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับอดีตซึ่งซุกซ่อนอยู่ในใจของเธอเอง สถานการณ์อันเลวร้ายนี้ได้บีบให้เธอต้องหันไปมองมันตรงๆ เพื่อจะให้เธอได้ก้าวข้ามมันไปในตอนท้าย ไม่ว่าเธอจะมีชีวิตรอดหรือไม่มีก็ตาม
ถึงจะน่าผิดหวังที่ประเด็นตรงนี้ไม่ได้ทรงพลังมากนักในช่วงท้ายๆ ทั้งๆที่มีโอกาสจะทำให้รู้สึกว่ามันสุดยอดกว่านี้ได้ แต่ผมก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจเอาไม่น้อยเลย
ใครเป็นสมาชิก Netflix ผมแนะนำให้ลองดูเรื่องนี้ ส่วนใครยังไม่ได้เป็นสมาชิก จะลองใช้สิทธิ์ดูฟรีเดือนแรกเอาก็ได้ครับ (ถ้ามันจะยังมีโปรโมชั่นนี้อยู่น่ะนะ)
อ้อ สำหรับหนังของ Netflix ที่ดัดแปลงจากสตีเฟน คิงและฉายในเวลาไล่เลี่ยกัน ยังมีอีกเรื่องคือ 1922 หากใครยังไม่ได้ดู ผมเองก็แนะนำให้ดูเช่นกัน เพราะมันเป็นหนังที่โอเคทั้งคู่เลย (คือไม่ได้ถึงกับดีสุดยอด แต่ก็ถือว่ามีคุณภาพระดับหนึ่ง) ปีนี้เป็นปีที่ดีของหนังจากหนังสือสตีเฟ่น คิงสินะ? (ถ้าไม่นับ The Dark Tower)