หมวดหมู่ :
หนังผจญภัย
,
หนังครอบครัว
,
หนังแอคชั่น
เรื่องย่อ : Wukong หงอคง กำเนิดเทพเจ้าวานร (2017)
ชื่อภาพยนตร์ : Wukong หงอคง กำเนิดเทพเจ้าวานร
แนว/ประเภท : Family, Action, Adventure
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Chi-Kin Kwok
บทภาพยนตร์ : Hai Huang, Hezai Jin
นักแสดง : Eddie Peng, Shawn Yue, Ni Ni
วันที่ออกฉาย : 27 July 2017
เรื่องย่อ : The Legend of Wukong หงอคง ราชาวานรผู้มีถิ่นกำหนิดในหุบเขาฮั้วกั้วะ ถูกฮั้วจีซึ่งเป็นแม่ทัพสวรรค์หมายปองชีวิต แต่เขาได้รับการช่วยเหลือจากพระโพธิ์สัตว์และได้กลายเป็นศิษย์ของเขา ในขณะเดียวกันหยางเจียนได้รับมอบหมายหน้าที่จากเบื้องบนให้สังหารจื่อเซี่ย ผู้ที่เป็นทั้งลูกสาวของฮั้วจีและบุคคลที่เขาหลงรัก เพื่อแลกกับตำแหน่งในสรวงสวรรค์ และเทียนเผิง องค์รักษ์ของฮั้วจี ได้รับบัญชาการให้สืบหาข้อมูลของหงอคง ชะตากรรมทำให้ทั้งสามคนมาพานพบกันที่สำนักเทียนจิ และการพบครั้งนี้จะทำให้ชีวิตของทั้งสามคนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
IMDB : tt6513406
คะแนน : 5.8
รับชม : 11788 ครั้ง
เล่น : 4738 ครั้ง
Wukong หงอคง กำเนิดเทพเจ้าวานร (2017)
สรุปก่อนเลยเผื่อใครขี้เกียจอ่านยาว
ในฐานะคนที่โตมากับหนังจีนยุค 90 ช่วงฉีเคอะกับโจวชิงฉือกำลังฟอร์มพีคๆ นี่เป็นหนังที่ทำให้ฟินมาก เป็นงานรีบู้ทที่มีสตอรี่ของตัวเองแต่สืบทอดจิตวิญญาณหงอคงมาเต็ม ชอบที่สุดนับจาก ไซอิ๋ว ’95 เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน ของเฮียโจว หงอคงฉบับ เอ็ดดี้ เผิง หล่อเท่มาก ซีจีงามบรรลัยไม่ค่อยหลอกตา ฉากบู๊สะใจ ลาสต์บอสนี่ยังกับเกมอาร์พีจี บทรันทดอารมณ์ก็มาเต็ม มีอืดจนเกือบหลับอยู่หน่อยกลางเรื่อง กับหลาย ๆ เหตุผลในเรื่องที่ข้าม ๆ จนคนดูงงหลายจุด แต่รวมๆชอบเลย
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพิ่งได้ดูกันไปหมาด ๆ กับ Journey to the West: Demon Chapter ไซอิ๋ว 2017 คนเล็กอิทธิฤทธิ์ใหญ่ ที่ได้ ฉีเคอะ มากำกับ โจวซิงฉือ โปรดิวซ์ และ หลินเกิงซิน แสดงนำในบทหงอคง ไม่ทันได้หายใจหายคอพี่จีนก็ดันหนังจากตำนานไซอิ๋วออกมาหายใจรดต้นคอกันเลยกับ Wukong หงอคง กำเนิดเทพเจ้าวานร ที่บอกเลยว่าเมื่อมั่นใจจะฉายตามหลังหนังดัง ก็ต้องมีของไม่ธรรมดามาขายเช่นกัน
ในเวอร์ชั่นใหม่นี้ นักแสดงนำในบทหงอคงได้ดารานักบู๊รุ่นใหม่สายหล่อเท่ที่กำลังดังที่สุดในยุคอย่าง ผิงอวี๋เยี่ยน หรือ เอ็ดดี้ เผิง มาแผลงฤทธิ์ โดยการกำกับและเขียนบทของ กัว จี่เจี้ยน หรือ ดีเร็ก กัว ที่เคยกำกับและเขียนบทไซอิ๋วร่วมกับโจวซิงฉือมาแล้วใน Journey to the West ภาคแรก หรือไซอิ๋ว 2013 คนเล็กอิทธิฤทธิ์หญ่าย ซึ่งเป็นภาครีบู้ทที่ทำได้เยี่ยมจนกวาดเงินถล่มทลายในจีนมาแล้ว มารอบนี้ได้โปรดิวเซอร์ใหญ่ที่เคยทำหนังร่วมกับ ปีเตอร์ ชาน มาแล้วหลายเรื่องอย่าง หวง เจียนสิน มาดันโปรเจ็กต์แยกเดี่ยวให้ ทำให้ผู้กำกับกัวปล่อยของจัดเต็มตามวิสัยทัศน์ที่เขาอยากทำ ซึ่งกลายเป็นงานรีบู้ทที่แจ่มว้าวและแตกต่างจากฉบับโจวซิงฉือไปได้อีกด้วย
หนังเล่าเรื่องที่มาที่ไปของตัวละครสำคัญ ก่อนที่จะเกิดการเดินทางสู่ชมพูทวีป โดยเล่าย้อนตั้งแต่กำเนิดของหงอคงว่าเป็นจิตวิญญาณของหินเทวะของเจ้าแม่หนี่วาที่อยู่เหนือชะตาลิขิต ทำให้สวรรค์ที่พยายามควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามที่เหล่าเทพคิด มองว่าหินเทวะเป็นปีศาจ (คือสวรรค์เรื่องนี้คอนเซ็ปต์แบบเผด็จการอยู่เหมือนกัน คล้อยตามข้าอยู่ ขวางทางข้าตายไรแบบนั้นเลย) เหล่าเทพสวรรค์ได้ทำลายหินเทวะจนแตกกระจาย ชิ้นหนึ่งตกลงสู่เขาฮัวกั่วจนทำให้ดินแดนแห้งแล้งกลับอุดมสมบูรณ์ด้วยพลังของหินเทวะ ต่อมาหินก็กำเนิดเป็นลิงนามหงอคง สวรรค์เห็นว่าหงอคงเป็นปีศาจไม่ต่างจากหินเทวะจึงส่งภัยพิบัติมาทำลายจนเหล่าสมุนวานรของหงอคงตายจนสิ้น หลายร้อยปีผ่านไปหงอคงที่ได้รับการสั่งสอนวิชาและสะกดพลังไว้ในร่างมนุษย์โดยเซียนเฒ่า ก็ทะยานขึ้นสู่สำนักวิชาสวรรค์ของเจ้าแม่เทียนจุนเพื่อล้างแค้นให้เหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่ถูกสวรรค์ทำลายทิ้งอย่างไม่เป็นธรรม แต่ก็พลาดท่าถูกเหล่าเทพจับตัวไว้ได้อีกครั้ง ทำให้ได้เจอพบพานตัวละครต่าง ๆ ทั้งลูกสาวเจ้าแม่เทียนจุน องครักษ์ ศิษย์เอกผู้ถูกเนรเทศ นักเรียนวิชาสวรรค์ ก่อเกิดทั้งเรื่องราวสุดฮา ทั้งสุดแสนสะเทือนใจ
ข้อดี
- ชอบตรงหนังมีไอเดียใหม่ ๆ มาเล่น ทั้งเรื่องที่ว่าเทพหรือสวรรค์อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ชะตากรรมของแต่ละตัวละครที่เผชิญอยุติธรรมของสวรรค์เช่นเดียวกัน แต่ก็เลือกผลลัพธ์ต่างกันบ้างยอมรับชะตา บ้างคล้อยตามสวรรค์ บ้างกลายเป็นกบฏต่อชะตาลิขิต คือมีมิติที่น่าสนใจให้ติดตามตลอดเรื่องเลยครับ ชอบการตีความใหม่ ๆ มากทั้งเรื่องมงกุฎ เรื่องรัก เรื่องความแค้น และตัวละครต่าง ๆ ที่มาเชื่อมโยงกัน
- หนังจริงจังจนบางช่วงซีเรียสเลยล่ะ อาจมีเสียน้ำตาง่าย ๆ แต่ก็แซมมุกแบบพอดีคำ ไม่ก๊ากจนพาออกทะเล แล้วก็ไม่ได้แป้กจนรุ้สึกสงสารนักแสดง งานพากย์ของพันธมิตรก็ตลกตามเนื้อหาครับ ตลกแบบพอดี ๆ ไม่ค่อยหลุดนัก เจ๋งเลย
-
- แคสติ้งนักแสดงมาได้เยี่ยมเลย นอกจากเอ็ดดี้ เผิงที่มีเสน่ห์สมบทหงอคงมาก ๆ แล้ว หนังยังรวมดาราหน้าตาสวยหล่อที่เข้ากันกับบทมากมายมาทั้ง หยู เหวินเล่อ หรือ ชอว์น หยู ในบท เอ้อหลาง ครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ก่อนที่จะกลายเป็นเทพสามตาคู่ปรับตลอดกาลของหงอคง ซึ่งเขาก็เป็นที่คุ้นหน้าจากแฟนหนังแก็งสเตอร์ฮ่องกงพอสมควรเลย ส่วนบทองครักษ์เจ้าแม่สวรรค์เทียนเผิง แม้ไม่ค่อยคุ้นตาแต่ก็หล่อใสน่าจดจำ แสดงโดย อู๋ ฮัว ดาราวัยรุ่นที่มีหนังรักใส ๆ มาแล้วหลายเรื่อง อีกหนึ่งที่คงไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือดาราตุ้ยนุ้ยหน้าเป็นอย่าง เฉียวซาน ที่มารับบทนักเรียนวิชาสวรรค์จอมโขมยซีน ซึ่งเดาไม่ยากเลยว่าเขาจะเป็นตือโป๋ยก่ายในอนาคตนั่นเอง
- ฝั่งสาว ๆ ก็สวยแบบยิ่งดูยิ่งชอบไม่ว่าจะนางเอกตัวหลักอย่าง หนีหนี่ ที่เคยเล่นหนังดังร่วมกับ คริสเตียน เบล มาแล้วใน The Flowers of War (2011) ของจางอวี้โหมว คราวนี้มารับบทเจ้าหญิงแห่งสำนักวิชาสวรรค์ที่ได้รับหน้าที่คุมพยศของหงอคง และดาราสาวหน้าหวาน เจิ้ง ส่วง ในบทนางฟ้าตกสวรรค์ และรุ่นใหญ่หน่อยอย่าง หยู เฟยหง ในบทเจ้าแม่สวรรค์ผู้พยายามรักษาสมดุลย์ชะตาลิขิตก็เล่นได้น่าขนลุกเลย
- อ่อนักแสดงเหมาะแล้ว การดีไซน์ตัวละครก็เจ๋งด้วย ยกตัวอย่าง เอ้อหลาง หรือเทพสามตาก็ทำรอยแผลเป็นแบบไฟไหม้ตรงหน้าผากสามรอย และตามตัวตามแขน แบบเท่เลยล่ะ ชุดคอสตูมต่าง ๆ ก็จริงจังสมจริง ไม่เว่อหลุดมาจากแคทวอล์คจนรู้สึกใครจะบ้าใส่
- ซีจีดีงามมากครับ ไม่เหมือนซีจีแบบจีนที่ชอบเล่นใหญ่ ทองระยิบระยับเว่อ ๆ เยอะ ๆ แต่ดูหลอกตาสุด ๆ เรื่องนี้เอฟเฟกต์ต่าง ๆ เคร่งขรึม เท่แบบฮอลลีวู้ดเลยครับ เน้นโทนมืดแบบเท่มากด้วย
ข้อเสีย
- หนังเข้าเรื่องไวมาก ใช้บทเกริ่นเป็นกราฟฟิกเท่ดี แต่อัดรายละเอียดมาเยอะเลย ดีว่าเรื่องไซอิ๋วเราคุ้นชินดีกันอยู่แล้วหลายส่วน ไม่งั้นเก็บไม่ทันเหมือนกัน
- หนังมีปัญหาเรื่องช่วงกลางเรื่องล่ะครับ อืดมาก หาวหลายรอบเลย ดีว่าไม่ทันหลับหนังปรับมู้ดไปได้ไว
- เรื่องราวของตัวละครรอง ๆ มีเยอะ อย่างเอ้อหลางก็มีของตัวเอง เทียนเผิงก็มีของตัวเอง ทำให้ต้องโฟกัสหลายจุด แต่ก็จำเป็นล่ะเพราะมันต้องพาไปจุดที่แต่ละตัวละครเลือกต่างกันในช่วงท้ายด้วย
- การให้เหตุผลต่าง ๆ ในหนัง หลายจุดถึงขั้นฉงนเลย เหมือนข้ามไปเฉย ๆ เลย อย่างเมฆปีศาจที่ไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรเลย แต่เป็นตัวสำคัญหนึ่งของเรื่อง ก็พาให้ช่วงนั้นไม่อินไปได้เหมือนกัน
- เรื่องค่อนข้างหนักมากบางฉาก ใครหวังมาดูเพลิน ๆ อาจตั้งรับไม่ทันครับ
หนังเข้าฉาย 27 กรกฎาคมนี้แล้ว แฟน ๆ หนังจีนกำลังภายในยุคฉีเคอะยุคโจวซิงฉือน่าจะชอบครับ เป็นการสืบสานจิตวิญญาณหนังกำลังภายในแบบเดิม ๆ ผสมซีจียุคใหม่ได้ลงตัวมาก ดาร์คได้ใจดีด้วย ชอบ