หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังวิทยาศาสตร์ Sci-fi , หนังระทึกขวัญ
เรื่องย่อ : Kill Switch วันหายนะพลิกโลก (2017)
IMDB : tt5464234
คะแนน : 4.8
รับชม : 1507 ครั้ง
เล่น : 374 ครั้ง
ถือเป็นโปรเจ็กต์หนังฟอร์มเล็กที่แอบมีคนให้ความสนใจกันอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะคอเกม Half-Life ที่ต่างก็เคยผ่านหูผ่านตากับหนังสั้น What’s in the box ของ ทิม สมิท เมื่อปี 2009 มาแล้ว ก็เลยอยากเห็นทำออกมาเป็นหนังโรงจริง ๆ บ้าง ซึ่งกว่าตาทิมจะได้ฤกษ์สนองนี้ดสาวกเกมเมอร์ก็ต้องรอกันเหงือกแห้งถึง 8 ปี กับ Kill Switch ที่มีชื่อภาษาไทยไม่น่าไว้ใจอย่าง ‘วันหายนะพลิกโลก’
หนังที่สร้างจากเกมส่วนใหญ่พอต้องมาขยายพลอตจับเป็นหนังโรง มันก็มีโจทย์เดียวกันคือต้องขายความเป็นแอ็คชันแฟนตาซีให้ปังเพื่อความอยู่รอด พูดง่าย ๆ ก็คือทำยังไงก็ได้ให้คนที่แค่อยากดูเอามันรู้สึกว่า ‘นั่นไงมันเอากูแล้ว’ ก็พอ แต่ส่วนใหญ่จะมาตกม้าตายเพราะพลอตเรื่องที่โหรงเหรงเกินรับได้ จับซับเจกต์ไม่ถูก ไม่รู้ว่าผู้กำกับมึงต้องการสกัดประเด็นอะไรกันแน่ เอาไปเอามาสุดท้ายก็ต้องพึ่งออร่าขาอ่อนนักแสดงเป็นสูตรบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ทีนี้ Kill Switch มันพูดถึงอะไร มันคือปุ่มสั่งตายหรือเปล่า ก็อาจเรียกแบบนั้นได้ แม้มันเป็นเหมือนปุ่มสั่งตายในสเกลเล่นใหญ่แต่พลอตดูน่าสนุก เพราะมันเล่าเรื่องของโลกอนาคตที่คนเราคิดหาวิธีสร้างพลังงานทดแทนมาใช้บนโลกแทนพลังงานสุริยะที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์อีกต่อไป นั่นคือการทดลองก๊อปปี้โลกและจักรวาลขึ้นมาในอีกมิติหนึ่งจนกลายเป็นโลกคู่ขนาน แล้วดึงพลังงานบริสุทธิ์จากมิตินั้นมาใช้กับโลกมิติเดิม ซึ่ง วิล พอร์เตอร์ (แดน สตีเวน) นักฟิสิกส์ที่มีดีกรีเป็นอดีตนักบินอวกาศนาซา เป็นผู้สร้างหอคอยยักษ์เสียดฟ้าที่ทำหน้าที่กักเก็บพลังงานควอนตัมจากโลกอีกมิติหนึ่ง (หน้าตาเหมือนที่เราเห็นฉากโลกอนาคตในโดราเอมอนแหละ) ทีนี้การรับส่งพลังงานของโลกสองมิตินี้มันมีข้อผิดพลาดขึ้นมา กลายเป็นรูโหว่เบ้อเริ่มปริศนาบนท้องฟ้า หรือ ‘แอคโค่’ เลยเป็นหน้าที่ของวิล ที่จะต้องเดินทางไปแก้ไข ด้วยการเอากล่องดำที่ชื่อว่า ริดิไวเดอร์ ที่เป็นอุปกรณ์พิเศษในการปรับสมดุลสองโลกทั้งสองจักรวาลให้กลับมาเป็นปกติ แต่เจ้าริดิไวเดอร์ (ที่ไม่ใช่ ไวเบรเตอร์) กลับนำความหายนะมาให้ซะอย่างนั้น
ตัวหนังใช้วิธีการเล่าแบบตัดสลับเหตุการณ์ก่อนหลังและโลกทั้ง 2 มิติ โดยใช้วิธีเล่าเรื่องด้วยมุมกล้องแบบเดียวกับเกมแนวยิงทั้งหลาย (FPS) ใช้กัน ให้ฟีลเหมือนสมัยที่ยังเล่นเกม Half-Life ทำนองเดียวกับการจ่ายเงินไปรอเล่นเครื่องซิมูเลเตอร์ตามสวนสนุกที่จำลองคนดูเป็นตัวละครแล้วเอาตัวรอดจากศัตรูตรงหน้า มีเกจวัดค่า HP คำแนะนำการใช้อาวุธหรือคำเตือนที่ปรากฏขึ้นหากตัวละครเสียเลือดมากจากการต่อสู้ ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เมื่อเทียบกับปีหนังสั้นเมื่อปี 2009 อีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็สารภาพว่าช่วงแรกต้องใช้เวลาปรับตัวกับมุมมองของหนังที่ออกแบบมาในมุมมองบุคคลที่ 1 เหมือนกัน เรียกว่าใครที่เคยอ้วกแตกตอนเล่นเกมตระกูล Half-Life หรือ Counter Strike สมัยก่อนก็อาจจะมีพะอืดพะอมบ้างกับ Kill Switch หากไม่ใช่คอเกมเมอร์ที่มีภูมิคุ้มอยู่ในดีเอ็นเอ จากหนัง ‘ปุ่มสั่งตาย’ ก็อาจจะกลายเป็น ‘ปุ่มสั่งอ้วก’ ได้เหมือนกัน (ฮา)
นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่หนังเหมือนจะทำได้พอโอเคคือเรื่องของการดีไซน์เอฟเฟกต์ล้ำ ๆ ให้ได้กลิ่นของความเป็นหนังไซไฟชนิดน่าตื่นตาตื่นใจเกินคาดเลย เพียงแต่จะไปสะดุดกับการเดินเรื่องหลายจุดที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แถมอาจจะเนือยจนแอบง่วงเหงาหาวนอนไปบ้าง ตัวละครแต่ละตัวที่แบนราบเป็นไม้กระดาน การผูกเรื่อง แรงจูงใจของตัวละครที่ขาดน้ำหนัก โดยเฉพาะประเด็นดรามาในเรื่องที่ วิล ต้องการไปเสี่ยงตายช่วยโลกเพราะอะไร หนังไม่ได้ให้น้ำหนักในเรื่องครอบครัวที่เขาต้องปกป้อง ไม่มีแบ็คกราวน์ในส่วนนี้ คนรอบตัวของ วิล อย่างน้องสาว มีอา และหลานชาย ดอนนี ก็เล่นออกมาได้ไม่เหมือนคนในครอบครัวที่มีความผูกพันกันแต่เหมือนคนแปลกหน้า เรียกว่าหากบ้านพระเอกบึ้มกูก็ไม่รู้สึกอะไร องค์ประกอบพวกนี้ที่มันควรจะส่งเสริมหนังฟอร์มเล็กให้แอบน่าเชียร์กว่านี้ โดยเฉพาะพลอตเรื่องที่มันก็มีความน่าสนใจมาตั้งแต่ต้น แต่กลับกลายเป็นว่าหนังไม่สามารถใช้สอยสิ่งที่มีให้เป็นประโยชน์ เรียกว่า ทิม สมิท ทำหนังออกมาให้มันดูเป็นหนังเกรดบีสมกับทุนสร้างที่เขาให้มึงทำจริง ๆ (ฮา)
Kill Switch สำหรับใครที่เป็นคอเกม Half-Life แล้วอยากไปสัมผัสฟีลโรงหนังนอกจอคอมที่บ้านหรือร้านเกมก็ถือว่าเป็นอะไรที่เอนเตอร์เทนได้อยู่ โดยเฉพาะเมื่อตัวหนังไม่ได้ยืดยาวมากนัก เพียงชั่วโมงกว่า ๆ ก็ยังไม่รู้สึกว่าเวลามันเดินช้าเท่าไหร่ และหากมองในแง่ดี หนังฟอร์มเท่านี้ ถ่าย 4 วัน กับรูปแบบที่แปลกตาไปจากหนังบล็อกบัสเตอร์ที่เราคุ้นเคยในโรงที่ไม่ค่อยผ่านมาบ่อย ๆ แถมเห็นหน้าหล่อ ๆ ของ แดน อยู่ไม่กี่ฉากจนนึกว่ามันมาเล่นรับเชิญให้ก็ถือว่ามันพอกล้อมแกล้มกับค่าตั๋วหนังวันพุธได้ไม่เคอะเขิน แต่มีข้อแม้ว่าห้ามคิดเยอะ เออออเข้าไว้ หยวน ๆ กันไป เขาว่าก็ว่างั้น แล้วจะหาความสุขจากหนังเรื่องนี้ได้ (ฮา)