เรื่องย่อ : ดูหนัง A Stranger of Mine เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก 2005 เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ
จะเกิดอะไรขึ้นหากบุคคลเหล่านี้มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย และมี ความรัก แถมด้วยเงินนับล้านเป็นเดิมพัน? พนักงานบริษัทหนุ่มหน้าเด๋อ นิสัยขี้เกรงใจ ซึ่งอกยังกลัดหนองไม่หายหลังจากที่แฟนสาวคนสวยชิ่งหนีทอดทิ้งไปโดยไม่ร่ำลา หญิงสาวที่เพิ่งถูกถอนหมั้นไปสด ๆ ร้อน ๆ และได้ปฏิญาณตนว่า ต่อไปนี้ ฉันจะอยู่คนเดียวให้ได้... ต้องอยู่ให้ได้...
นักสืบหน้าเหี้ยม แต่ฝีมือไม่เห็นจะเยี่ยมตรงไหน เขาฝันว่าจะได้สืบงานชิ้นใหญ่ๆ มีลับลมคมในให้ต้องสะสางเยอะ ๆ แต่เพราะฝีมือมีอยู่แค่นี้ ที่สุดแล้วจึงได้ทำเพียงงานต๊อก ๆ ต๋อย ๆ เท่านั้น สาวเปรี้ยวสวยเอ๊กซ์ ผู้บูชาเงินเหนือสิ่งอื่นใด เจ้าพ่อมาดเฉียบผู้กำลังกลุ้มอกกลุ้มใจ เพราะมีลูกสมุนให้ต้องเลี้ยงดูเยอะเกิน แต่สะตุ้งสตางค์ดันมีน้อยเกิน จะออกปากขอหยิบขอยืมใครก็ไม่ได้ เพราะมันเสียฟอร์มเจ้าพ่อโว้ย!!!
หมวดหมู่ : หนังตลก , หนังดราม่า , หนังอาชญากรรม
IMDB : tt0461857
คะแนน : 7.8
รับชม : 339 ครั้ง
เล่น : 87 ครั้ง
ตอนได้เห็นตัวอย่างหนังครั้งแรก A Stranger of Mine เหมือนจะเป็นหนังที่ไม่ได้มีแรงดึงดูดอะไรเลย ถึงจะนำเอาคำชมของ ทากาชิ มิอิเกะ (ผู้กำกับหนังคัลต์ชื่อดัง) มาขายกันแล้ว ผมก็ยังเฉยๆ
ในยุคที่หนังอเมริกันรกไปด้วยคนทำหนังอินดี้ที่ขาดแคลนเรื่องทุนรอน และพยายามหาลู่ทางใหม่ๆ ในการทำหนัง ตั้งแต่ถ่ายทำกันง่ายๆ ใช้ดารามือสมัครเล่น และฉีกขนบการเล่าเรื่องเดิมๆ ให้ต่างออกไป – มีหนังแบบ A Stranger of Mine ออกมาเยอะมาก
หนังประเภทนี้ใช้การเล่าเรื่องแบบ Criss-Cross กล่าวคือ ใช้เหตุการณ์ซ้ำๆ เล่าย้อนไปย้อนมา เพียงแต่เปลี่ยนมุมมองจากตัวละครหนึ่งไปสู่อีกตัวละครหนึ่ง แรกๆ มันก็ดูน่าตื่นเต้นดี แต่พอเห็นอะไรอย่างนี้เยอะๆ แล้วก็ชักเอียน
คนทำหนังรุ่นใหม่ชาวอังกฤษ -กาย ริชชี- ประสบความสำเร็จมากทีเดียวในการทำหนังด้วยโครงสร้างแบบนี้ งานอย่าง Lock, Stock and Two Smoking Barrels หรือ Snatch เป็นตัวอย่างที่ดี ผู้กำกับอีกคนหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าของทฤษฎีจับฉ่ายนี้ คือ ซาบุ (Postman Blues, Hard Luck Hero) คนทำหนังหน้าเหี้ยมชาวญี่ปุ่นคนนี้คล้ายๆ กับริชชี แต่บทลงเอยในหนังมักแฝงอะไรเศร้าๆ ไว้เสมอ ผมจึงชอบซาบุมากกว่าคนแรกตรงนี้เอง
ถ้ามองอย่างเผินๆ A Stranger of Mine คล้ายคลึงกับงานของซาบุมากทีเดียว ตัวละครประมาณ 4-5 ตัว เหตุการณ์ผิดที่ผิดเวลาเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ พื้นที่การเล่าเรื่องไม่ได้กินอาณาเขตกว้างขวาง หนำซ้ำเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวพันกับแก๊งมิจฉาชีพและเงินจำนวนมหาศาล
หนังเปิดเรื่องด้วยการแนะนำตัวละครตัวแรก มากิ สาวผู้ที่ใบหน้ากักเก็บความเศร้าไว้ตลอดเวลา เธอถูกแฟนทิ้งและพยายามจะตั้งต้นชีวิตใหม่เพียงลำพัง ตัวละครตัวที่สองเป็นหนุ่มออฟฟิศที่ดูขี้แพ้เอามากๆ เขาชื่อ ทาเกชิ หมอนี่ก็ถูกแฟนทิ้งไปหาคนใหม่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เขาอุตส่าห์เอาเงินเก็บทั้งหมด มาซื้ออพาร์ตเมนต์สุดหรู ตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอ
ยูสุเกะ ตัวละครคนที่สาม เป็นนักสืบกระจอกๆ เพื่อนสนิทของทาเกชิ, คนถัดมา อายูมิ คนที่หักหลังทาเกชิ เพราะคิดว่าเขาบ่อจี๊ ส่วนคนสุดท้ายเป็นยากูซ่า ชายคนใหม่ที่อายูมิพยายามจะเกาะ
ผู้กำกับ เคนจิ อูจิดะ ไม่ได้แค่ “สร้าง” ตัวละครเหล่านี้ขึ้นมาเป็นตุ๊กตาเพื่อเชิดไปตามสถานการณ์ที่เขาขีดขึ้น –ตรงนี้เองที่ผมเห็นว่าน่าสนใจ- แต่อูจิดะกลับสร้างเลือดเนื้อและหัวใจให้กับพวกเขาด้วย
มากิคิดว่าตัวเองหมดสิ้นแล้ว เมื่อคนรักเธอจากไปชีวิตเกือบทั้งหมดก็หายไปด้วย, ทาเกชิ อาจไม่คิดอะไร เนื่องด้วยไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไรอยู่แล้ว แต่การผิดหวังจากความรัก ทำให้เขาไม่กล้าจะวางใจให้ใครอีก, ยูสุเกะ อาจดูกะล่อนเห็นแก่เงิน แต่คำพูดที่ว่า “ผมกับทาเกชิเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ ม.ต้น ผมไม่ยอมให้ใครมารังแกมันหรอก” ทำให้เราอดที่จะปลื้มเขาไม่ได้
อายูมิ คล้ายๆ กับเป็นนางร้ายของเรื่อง เธอคบกับผู้ชายเพื่อ “เงิน” แต่นั่นเพราะหญิงสาวได้เรียนรู้มามากพอแล้วว่า หัวใจของผู้ชายไม่ได้ให้ความมั่นคงกับตัวเธอเท่ากับมัน, เจ้าพ่อใหญ่คนสุดท้ายนั้นน่าสงสารและชวนหัวไปพร้อมๆ กัน ธุรกิจผิดกฎหมายไปไม่รอดแล้ว แต่ก็ต้องหาเลี้ยงลูกน้องและประกาศบารมีอย่างจำใจทำ
ฉะนั้นทุกครั้งที่ไม่ว่าตัวละครตัวไหนเผชิญหน้ากัน สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่พวกเขาจะทำอะไรกันอย่างเดียว แต่สิ่งที่ชวนให้ขบคิดอยู่ตรงการถ่ายทอด-ส่งรับ ความอ่อนไหวและอ่อนแอของกันและกันออกมา
มนุษย์มักคิดว่า ไม่มีใครดูแลตัวเราดีได้เท่ากับตัวเราเอง คนอื่นก็แค่คนแปลกหน้า หนังเรื่องนี้บอกให้รู้ว่านั่นไม่จริงเลย เราต้องการใครสักคนเสมอ ใครที่เต็มใจพร้อมจะรับความรู้สึกของเราได้ เห็นอกเห็นใจ เอื้อมมากุมมือ และยิ้มให้กับเรา
ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบ Criss-Cross ที่ว่านั้น อาจทำให้เคนจิ อูจิดะ เหมือนเด็กนักเรียนจอมซนร้อนวิชา ที่อยากจะโชว์เทคนิคการเล่าเรื่องที่ตัวเองมั่นใจว่าคิดมาแล้วอย่างดี หนังมีสิทธิเหลวได้ง่ายๆ ด้วยอะไรแบบนี้ แต่ A Stranger of Mine ดูมีวุฒิภาวะเหลือเกินในการสร้างตัวละคร มันไม่ได้ออกแบบมาอย่างลวกๆ แต่แทบจะเป็นการกลั่นออกมาจากจิตใจและประสบการณ์เลยทีเดียว
ผมชอบ A Stranger of Mine มากด้วยสาเหตุนี้ การสร้างตัวละครไม่ใช่เรื่องที่ทำกันง่ายๆ ตัวเดียวก็ว่ายากแล้ว นี่อูจิดะมีถึง 5 ตัว และดูจบแล้วก็อดหลงรักทั้ง 5 ตัวนั้นไม่ได้
เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด อูจิดะ ลอยตัวจากข้อกล่าวหาเรื่องการใช้พิมพ์เขียวของคนอื่นๆ มาทำได้อย่างปลอดภัยตรงที่ สุดท้ายแล้วเรื่องก็ไม่ได้รับการคลี่คลายอย่างชัดเจน (ถ้าเป็นซาบุหรือกาย ริชชี จะอลหม่านวุ่นวายก่อนการปิดม่านอย่างสวยงาม)
มีหลายเรื่องยังคงถูกคาไว้อย่างนั้น คนดูคอยลุ้นว่าตกลงแล้วทาเกชิจะลงเอยอย่างไร และมากิจะจมอยู่กับความเศร้าไปตลอดหรือไม่ ทุกคำถามถูกวางทิ้งไว้กับคนดู แต่อูจิดะบอกกลายๆ ว่า มันมีแนวโน้มที่จะดำเนินไปในทางที่ดี
มันคงไม่แย่หรอก ตราบเท่าที่เรายังมีใครอีกคนข้างๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรัก ไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อน เพราะแม้แต่ศัตรูที่เราเหม็นขี้หน้าที่สุด ก็ทำให้เราไม่เหงาจนเกินไปนัก บนโลกที่ดูอ้างว้างใบนี้