หมวดหมู่ : หนังดราม่า
เรื่องย่อ : ดูหนัง The Wrestler (2008) เพื่อเธอขอสู้ยิบตา เต็มเรื่อง
IMDB : tt1125849
คะแนน : 7.9
รับชม : 459 ครั้ง
เล่น : 106 ครั้ง
อาจจะบ่งบอกตั้งแต่ชื่อเรื่อง ว่าเรากำลังจะดูได้หนังของใคร? ..แต่อันที่จริงแล้ว ลึกไปกว่าชื่อที่เห็นนั้น มันก็ยังมีความลับที่แอบแฝงปกคลุมอยู่ ในสาระของมัน
เพราะในมุมมองความคิดของผม นี่ไม่ได้เป็นแค่หนังที่ว่า ด้วยการตามติด ‘การแสดง’ มวยปล้ำ เพียงอย่างเดียว ...หากนี่คือ หนังที่พูดถึงคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่อยากจะมีชีวิตจริงที่สวยงาม เหมือนเช่นในละคร(กรณีนี้อยู่บนสังเวียน)ที่เขาเคยเล่น แต่เอาเข้าจริง มันไม่ใช่ซะทั้งหมดอย่างที่เขาต้องการ
เรียกว่า ถ้าเรื่องนี้ เปลี่ยนพลอตจากการแสดงมวยปล้ำ ไปพูดถึงหนัง ละคร หรือว่าการแสดงใดๆ ..ก็จะไม่ทำให้สาส์นที่ต้องการสื่อผิดเพี้ยนไปได้เลย ...มันคาบเกี่ยวความเป็นไปได้ทั้งหมด โดยที่ขึ้นอยู่กับบทบาทและหน้าที่ที่แตกต่าง ตามเวลา และสถานการณ์ที่เขาต้องเจอ แทบทั้งนั้น
“ดาร์เรน อะโรนอฟสกี้” ทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจพอสมควร เมื่อตอนที่ได้ทราบว่าเขากำลังทำหนังเรื่องที่ว่าด้วย มวยปล้ำ เรื่องนี้ ...เพราะคิดไม่ออกถึงความเป็นไปได้ จากที่เราเห็นเขาเคยมักจะทำหนังอาร์ตๆ ยากๆ ฟุ้งๆ กระทั่งงานหนังที่ว่าด้วยปรัชญาหลากศาสนา ชิ้นล่าสุด อย่าง “The Founain” ก็ล้นเหลือ ความเวิ่นเว้อเกิน จนเป็นที่ผิดคาด และไม่ปลาบปลื้มของนักวิจารณ์ อย่างที่คาดหมายไว้ซะงั้น
แต่ที่ไม่น่าแปลกใจ เมื่อได้ดูผลงานชิ้นล่าสุดของเขาแล้ว... ก็ยังคงเป็นเรื่องของฝีมือการกำกับ ที่ยังไว้ลายเซ็นของตัวเองเอาไว้ได้แบบแยบยล บนการนำเสนอหนังในรูปแบบคล้ายสารคดี ตามติดชีวิตคนๆหนึ่ง ที่ทำทุกอย่างให้ดูดิบ เป็นธรรมชาติเข้าว่า
แต่ในส่วนที่ต้องการขายเนื้อหา The Wrestler ก็ยังคงความเป็นหนังของดาร์เรน ที่เข้มข้น และหนักแน่น ทั้งพรั่งพร้อมไปด้วยการวิพากษ์สังคมได้คมคาย ..โดยที่ในคราวนี้ก็คือการโฟกัส ไปยังสังคมของคนที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของสาธารณชน แต่เอาเข้าจริง เขาก็ยังคงเป็นคนเดินดินธรรมดาๆอีกคน ที่มีปัญหากับการใช้ชีวิตในโลกภายนอก
และปัญหาที่ว่า ไม่ใช่การต้องโดนรุมล้อมจากแฟนๆ จนเสียความเป็นส่วนตัว ..หากเป็นปัญหากับคนที่รู้จัก สนิทสนมด้วยกัน หรือกระทั่งครอบครัวของตัวเอง ที่ไม่ยินดียินร้ายในความดังของคนที่เป็นผู้นำครอบครัว
หนังสามารถนำเสนอความเจ็บปวดของตัวละครหลักๆ 3 คน ผ่านการเดินเรื่องที่เคลื่อนตัวไปแบบเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบในตัวเอง เพื่อหวังจะสะกดคนดูให้เข้าอกเข้าใจในชะตากรรม และซาบซึ้ง ปนอึ้งไปกับผลลัพธ์ทางความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละคร ที่ชี้ชัดให้เห็นปมในใจของแต่ละคน ซึ่งยากจะเยียวยาให้หายดี
เมื่อให้ผมต้องนึกถึงว่าส่วนไหนเป็นส่วนที่ดีที่สุดของ The Wrestler ..แน่นอนว่าที่ผมจะต้องนึกชื่นชม ให้กับ การแสดงระดับคุณภาพ ล่ารางวัลของ สอง(อดีต)หนุ่มสาว กับหนึ่งสาวหน้าใส ที่กำลังคืบหน้าเข้าใกล้เวทีรางวัลไปเรื่อยๆ
อันดับแรก ที่ยอดเยี่ยมจนยากจะปฏิเสธได้จริงๆ ก็คือ การกลับมาบนจอเงิน ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของ “มิกกี้ รู้ค” ..ผู้ที่เคยเป็นพระเอกหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ชวนให้สาวหลง และยังเป็นกระทั่ง นักแสดงจอมเรื่องเยอะ ปัญหาแยะ ที่ก่อให้เกิดมรสุมชีวิตอันหนักหน่วง จนถึงคราตกอับ ต้องไปรับบทตัวประกอบกระจอกๆ ในหนังเกรดบีอยู่นาน
แม้การแสดงที่ได้เห็นของลุงมิคกี้ ใน The Wrestler จะดูเหมือนไม่ต้องแสดงอะไรมาก แค่เอาเป็นตัวของตัวเอง(บวกความหลังอันขื่นขม)เข้าข่ม ก็นับว่ามีแต้มต่อที่จะอินเนอร์ได้ถึงแล้ว ..แต่เอาเข้าจริง การแสดงแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เหมือนกัน ที่จะทำให้คนดูเข้าถึง และลึกซึ้งไปพร้อมๆกับสถานการณ์ที่ “เดอะ แรม” ต้องเผชิญ
เพราะถ้าเอาแค่ให้ลองนึกถึง ภาพลักษณ์ของ นักมวยปล้ำ ที่เคยเป็นที่ติดตาในเรื่องของการสร้างความสะใจ ทำลายทำล้างอย่างไม่ยี่หระ มาสวมทับกับภาพของ เดอะ แรม ผู้นี้ ..หากจะให้เราต้องเข้าใจปมที่ฝังรากลึกของผู้ชายคนหนึ่งที่มีร่างกายบึกบึน แต่จิตใจพึงถูกเรื่องร้ายๆมากระทบจนกลายเป็นคนเซนซิทีฟ ...นักแสดงคนนั้น ต้องใช้ความพยายามที่สูงมาก ที่จะต้องแบกหนังแทบทั้งเรื่องเอาไว้บนบ่า ..แม้อาจจะมีคนมาช่วยแบ่งเบาได้เรื่อยๆ แต่หลักใหญ่ใจความที่เป็นหนังทั้งเรื่อง ก็ย่อมต้องตกเป็นที่นั่งลำบากของ ลุงมิคกี้ ที่จะต้องสื่อสารกับคนดูให้เชื่อในตัวเขาให้ได้
ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเพราะชีวิตของลุงผู้นี้ ไม่เหลืออะไรที่ดีงาม จนไม่มีอะไรจะเสีย หรือจะมีสาเหตุ(อาจเหมือนเห็นแก่ตัว) ที่อยากกลับมาดังจริงๆจังๆอีกสักที ..นี่คือ คาแรกเตอร์ที่คุ้มค่าต่อการลงทุนทุกเม็ดทุกหน่วย ที่คืนมาด้วยผลตอบรับอันเป็นเอกฉันท์ ในเสียงสรรเสริญ
แม้ในครานี้ ลุงอาจจะต้องอกหัก ฟกช้ำสักหน่อยที่ พลาดท่า ออสการ์ตัวแรก ให้หลุดจากการเงื้อมไปวางอยู่บนมือของคู่แข่งที่สูสี (แต่มันก็น่ายกออกสาร์อีกสักตัว ให้ “ฌอน เพนน์” อย่างสมควรถึงที่สุดจริงๆ) ..แต่ก็เชื่อได้เลยว่า การกลับมาเกิดใหม่อีกหน จะชุบชีวิตให้นักแสดงอาวุโสผู้นี้ ยังมีสิทธิ์จะกลับมานั่งเก้าอี้ 1 ใน 5 ผู้เข้าชิงออสการ์ได้อีกเป็นแน่