ดูหนัง The Taking of Pelham 123 ปล้นนรก รถด่วนขบวน 123 (2009) เต็มเรื่อง

ไม่นานมานี้มีข่าวธนาคารอาคารสงเคราะห์เกิดการโกงโดยพนักงานของธนาคารเอง โดยอาศัยช่องว่างของระบบในการโอนเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด ในระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยตั้งแต่มีระบบอิเลคทรอนิคส์อันทันสมัยก็เกิดการทุจริตอยู่อย่างต่อเนื่องมูลค่ามากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่กรณี เป็นข่าวบ้างไม่เป็นข่าวบ้าง โดยเฉพาะก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในปี 2540 นั่นแสดงให้เห็นว่าแม้จะมีระบบที่ดี มากน้อยเพียงใดหรือเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยขนาดไหน การโกงก็เกิดขึ้นได้เสมอและอาจจะเก่งขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและความซับซ้อนของระบบ เราจึงมักจะอึ้งเสมอเมื่อมีข่าวทุจริตใหม่และอุทานว่า “มันทำได้อย่างไร” ในโลกภาพยนตร์ก็เช่นกัน เรามักจะเห็นการเปิดเผยช่องว่างของระบบให้เห็นอยู่เสมอ พร้อมกับการมาของอาชญากรที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมและอาชญากรก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่หาอาวุธและเดินไปปล้นเช่นในอดีตอีกต่อไป

The Taking of Pelham 123 เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่ชี้ให้เห็นว่าระบบที่มีช่องว่างและเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมแม้ว่าคนทำจะร่ำรวยหรือยากจนมากน้อยแค่ไหนก็ตามก็พร้อมที่จะเข้ามาสู่วังวนนี้เสมอ โทนี่ สก็อต ผู้กำกับชื่อดังมาพร้อมกับนักแสดงคู่บุญและมากฝีมืออย่าง เดนเซล วอชิงตัน ที่ร่วมงานกันมาก่อนหน้าอย่างน้อยๆก็ 3 เรื่อง จาก Déjà vu, Crimson Tide และ Man on Fire ซึ่งแต่ละเรื่องก็เป็นบทภาพยนตร์ที่เน้นความกดดันให้กับตัวละครทุกเรื่อง แถมยังได้อีกหนึ่งดารารุ่นเก๋าที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับเดนเซลก็คือ จอห์น ทราโวลต้ามาเชือดเฉือนบทกัน และก็ไม่ผิดหวังเพราะตลอดทั้งเรื่องที่ทั้งสองฟาดฟันกันไม่ต่างจากดู The Negotiator ที่มี เควิน สเปซี่ กับ แซมมวล แอล แจ๊คสันต่อรองกันแข่งกับเวลา

ภาพยนตร์เปิดเรื่องกับภาพของไรเดอร์ (จอห์น ทราโวลต้า) โผล่มาที่สถานีรถไฟใต้ดินกลางกรุงนิวยอร์คพร้อมกับลูกสมุน และยึดขบวนรถไฟสายเพลแฮม 123 พร้อมกับตัวประกัน โดยได้สื่อสารกับผู้ดูแลสถานีในช่วงนั้น วอลเตอร์ การ์เบอร์ (เดนเซล วอชิงตัน) ว่าพวกเขาต้องการเงินสดมูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯภายในเวลา 1 ชั่วโมงและก็ตามสูตรถ้าเกินเวลาตัวประกันจะตายทีละคน ในขณะที่วอลเตอร์ การ์เบอร์ที่ต้องแบกรับภาระการสื่อสารกับอาชญากรกลุ่มนี้เพราะไรเดอร์ไม่ต้องการคุยกับใคร แต่โดยความเป็นจริงตัวการ์เบอร์เองเป็นผู้บริหารแต่ถูกดำเนินคดีรับสินบนในการจัดซื้อรถไฟอยู่ (คล้ายๆบางประเทศที่อยากซื้อรถเมล์เลย) โดยตัวเขาเองปฏิเสธตลอดเป็นการปรักปรำ เมื่อไรเดอร์และการ์เบอร์สื่อสารกันไปสักพักก็เข้าใจคู่สนทนาฝ่ายตรงข้าม และพลิกแพงกลยุทธ์ในการชิงไหวชิงพริบกันตลอด และผู้ชมก็ลุ้นเอาใจช่วยการ์เบอร์เพื่อช่วยตัวประกันในขณะเดียวกันก็หวังลุ้นไรเดอร์ด้วยแม้จะรู้ว่าอาชญากรมีจุดจบที่เลวร้ายเสมอในโลกภาพยนตร์ก็ตาม

ภาพยนตร์แม้จะเดาไม่ยากแต่ก็ยังคงน่าติดตามและลุ้นกับเหตุการณ์ที่กดดัน เวลาที่บีบคั้นลงมาเรื่อยๆ แต่ประเด็นที่แฝงไว้ในการเชือดเฉือนของ 2 ตัวละครก็คือระบบที่ถูกออกแบบมาป้องกันการทุจริตมักมีช่องโหว่เสมอ และช่องที่ว่าก็เป็นการมูลค่าของเงินที่สูงทำให้แม้แต่คนดีก็หวั่นไหวและชั่งน้ำหนักในการโกงระหว่างความดีของตนที่สะสมมากับเงินที่จะมอบกับความสุขสบายได้ทั้งตัวเองและครอบครัว แม้ภาพยนตร์จะมีไฮไลท์อยู่ที่ตอนท้าย แต่ประเด็นความดีงามของคนและจุดสำคัญของเรื่องนั้นอยู่ตอนที่ ไรเดอร์ พูดคุยกับกาเบอร์แล้วถามว่ากรณีทุจริตของกาเบอร์เป็นจริงหรือเปล่าถ้าไม่ตอบตามความเป็นจริงตัวประกันจะถูกยิงตาย 1 คน คำตอบของกาเบอร์จึงแสดงตัวตนของเขาออกมาได้อย่างชัดเจน ส่วนจะตอบว่าอะไรนั้นต้องไปหาชมกันเอง ในขณะเดียวกันด้วยบุคลิกช่างสังเกตและละเอียดลออของเขาก็มีส่วนทำให้กาเบอร์รู้ตัวตนของไรเดอร์จากการสื่อสารกันและเป็นแต้มต่อที่ทำให้ทีมเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายยังตามอาชาญกรกลุ่มนี้ทันอยู่เสมอ

The Taking of Pelham 123 จึงเป็นงานที่บ่งบอกเราว่าแม้เราจะมีระบบที่ยอดเยี่ยมขนาดไหนแต่สิ่งที่ต้องพัฒนาไปคู่กันก็คือมนุษย์ เพราะไม่มีระบบไหนที่ไม่มีมนุษย์เป็นฟันเฟือง ในหลายๆองค์กรมักลงทุนกับระบบมากมายแต่ขาดการพัฒนาคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์จึงประสบความล้มเหลวอย่างไม่คาดคิด เปรียบเหมือนคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งต้องมีคุณภาพทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ รวมทั้งคุณภาพของคนใช้ด้วย ขาดไปอย่างใดอย่างหนึ่งคอมพิวเตอร์ก็เป็นเหมือนเครื่องไม้เครื่องมือธรรมดาเท่านั้น รวมทั้งระบบที่ป้องกันการโกงหรือคอรัปชั่นทั้งหลายถ้าไม่พัฒนาคนในทุกๆด้านไม่เพียงให้การศึกษาแต่ต้องดูแลถึงชีวิตความเป็นอยู่ต่างๆด้วยไม่ แม้จะมีระบบดีแค่ไหน แต่ช่องโหว่ก็มีเสมอ และอาชญากรก็งอกเงยตามช่องว่างของการละเลยนั้นๆ และไม่หลักปรักันว่าจะไม่มีอาชญากรรมแม้คนๆนั้นจำร่ำรวยสักเพียงใดก็็ตาม ดังนั้นการตรวจสอบเหล่าบรรดาการป้องกันการโกงต้องดีด้วยเช่นกัน