ไปดูมาแล้ว...
ประเด็นหลักของหนังน่าสนใจมาก ตีแผ่แนวคิดและความรู้สึกลึกๆ ของสาวญี่ปุ่นได้สุดโต่ง โดนเทแล้วไงใครแคร์ !! Japanese Girls Never Die โมเอะ ไม่เคยตาย (ให้ 6.5/10)
*****ไม่สปอยล์*****
แฟนหนังหรือซีรี่ส์ญี่ปุ่นตัวยง น่าจะคุ้นชื่อและหน้าของนักแสดงสาวหน้าหวานและมากความสามารถอย่าง ยู อาโออิ ได้ดีจากหนังเรื่องเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น Hula Girls, One Million Yen and the Nigamushi Woman และ Hana and Alice (ทั้งเวอร์ชั่นคนแสดงและแอนิเมชั่น) นอกจากนี้ Japanese Girls Never Die ยังเป็นหนังเรื่องแรกในรอบหลายปีที่ อาโออิ รับบทนำอย่างเต็มตัวอีกด้วย
Japanese Girls Never Die เป็นหนังวัยรุ่น หรือ Young Adult สีสันหวานแหววตามสไตล์ ไดโกะ มัทสึอิ ผู้กำกับหนุ่มดาวรุ่งไฟแรงของญี่ปุ่น ว่าด้วยเรื่องราวของ ฮารุโกะ อาซุมิ (ยู อาโออิ ) พนักงานออฟฟิศสาวโสดวัย 27 ปี วันหนึ่งเธอหายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ การหายไปของคนธรรมดาหนึ่งกลับกลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา เมื่อมีวัยรุ่นคึกคะนองกลุ่มหนึ่ง พ่นสีใบประกาศคนหายของ ฮารูโกะ ไปทั่วเมือง ก่อให้เกิดเรื่องราววุ่นๆ ตามมาว่าแต่สุดท้ายแล้ว ฮารูโกะ อาซูมิ หายไปไหน และทำไมเธอจึงหายไป นี่เป็นคำถามที่ต้องไปหาคำตอบกันในหนัง
แม้จะเป็นผลงานของผู้กำกับเพศชาย แต่ Japanese Girls Never Die กลับมีธีมหลักที่เอนเอียงไปหาแนวคิดแบบ “Feminist” ผ่านการพูดถึงตัวละครผู้หญิงสองคนหนึ่งกลุ่ม (สาวออฟฟิศที่หายตัวไป-เด็กผู้หญิงวัยรุ่นชอบซั่ม-เกิร์ลแก๊งค์ใช้ความรุนแรง) เชื่อมโยงกันผ่านตัวละครผู้ชายที่ถูกทำร้าย ที่จริงประเด็นหลักของเรื่องนั้นน่าสนใจมาก ตีแผ่แนวคิดและความรู้สึกลึกๆ ของผู้หญิงญี่ปุ่นที่โดนกดขี่อยู่ในสังคมได้สุดโต่ง เสียดายที่หนังเล่าเรื่องได้ไม่ลึกและไม่ได้จับประเด็นนี้ให้คมมากพอ หากตัดการเล่าเรื่องผ่าน Timeline อันน่าฉงนออกไปก็อาจจะกลายเป็นหนังวางยาเบื่อชั้นดีให้กับคนดูได้อย่างง่ายดาย
ด้วยความที่ Japanese Girls Never Die เล่าเรื่องของตัวละครหลายช่วงอายุวัย และหลายช่วงเวลา ผู้กำกับจึงเลือกที่จะเล่าหนังโดยตัดสลับเส้นเรื่องของตัวละครแต่ละตัว ส่วนตัวมองว่าเหมือนดาบสองคม ส่วนดีคือทำให้หนังเหมือนมีของ ต้องใช้สมาธิในการดูเพื่อเชื่อมโยงเรื่องราว ในทางกลับกันก็ไปลดทอนน้ำหนักและเสน่ห์ของตัวละครออกไป พอดูจบทั้งเรื่องก็พบว่าบางจุดขาดการเชื่อมโยงขาดเหตุผลรองรับในการกระทำ ตัวอย่างเช่น ทำไมเกิร์ลแก๊งค์ต้องทำร้ายผู้ชาย? หนังไม่ระบุไว้ เพียงแต่ถ้ามองภาพรวมของหนังก็จะมโนได้เองว่า “อ๋อ ผู้ชายมันเลวไง”
สำหรับนักแสดง ไม่ผิดหวังแน่นอนหากต้องการเสพความน่ารักและความเป็นธรรมชาติของสาว ยู อาโออิ แต่หากจะถามหาความน่าสนใจของตัวละครฮารุโกะ อาจจะต้องคิดหนักสักหน่อย เพราะตัวละครตัวนี้ขาดมิติและเสน่ห์ไปอย่างน่าใจหาย
นอกจากนี้หนังยังมีประเด็นเล็กๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโลกโซเชียลที่พอจะจับต้องได้เกี่ยวกับการโปรโมทผ่าน Viral ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารที่ไวและทำให้เกิดกระแสทั้งบวกและลบ เพราะฉะนั้นควรคำนึงถึงผลที่จะตามมาเยอะๆ และใช้มันให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
น่าเสียดายที่ Japanese Girls Never Die พยายามจะ Connect สภาพสังคมร่วมสมัยจนมิอาจสนทนากับประเด็นปัญหาของโลกยุคปัจจุบันได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย บวกกับบทสรุปของหนังที่พอจะคลี่ปมทั้งหมดออกก็ดันตัดจบไปอย่างน่าเสียดาย