มีใครกลัวว่าโลกจะแตกบ้าง หรือหลายคนอาจจะคิดว่าคงเกิดขึ้นสักวัน แต่ไม่ใช่ในยุคที่เราอยู่หรอก และจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อโลกกำลังจะย่อยยับในยุคที่เรายังมีชีวิตอยู่ จะหนีไปทางไหนได้นะ
2012 หนังเล่าเรื่องถึง แจ็คสัน (John Cusack) กำลังพาลูกชาย โนอาห์ (Liam James) และลูกสาว ลิลลี่ (Morgan Lily) ไปเที่ยวแคมป์ปิคนิคที่อุทยานแห่งชาติ Yellow Stone และพบว่าน้ำในทะเลสาบมันแห้งเหือดไปหมด และเค้าก็ได้พบกับ ชาร์ลีส์ ฟอรสต์ (Woody Harrelson) นัดจัดรายการวิทยุสติเฟื่องที่พยายามเตือนแจ็คสันว่าให้รีบออกจากพื้นที่เพราะโลกกำลังจะเละ แต่แจ็คสันไม่เชื่อและมองว่าไร้สาระ ตอนเช้าแจ็คจึงพาลูกมาส่งปกติ และไปทำงานต่อ จึงพบว่ามีเหตการณ์ผิดปกติจึงรีบขับรถไปรับลูกทั้งสอง รวมถึง เคท (Amanda Peet) อดีตภรรยาและ กอร์ดอน (Tom McCarthy) แฟนใหม่ของเคท เพื่อหนีจากเหตุวิกฤตการณ์อันเลวร้าย และไปให้ถึงเรือลำยักษ์ที่จีนสร้างไว้เพื่อหนีจากเหตุน้ำท่วมโลก
หนังสร้างจากการอิงเหตุการณ์ภาวะโลกร้อน และเมื่อแกนโลกร้อนขึ้น แผ่นดินก็เริ่มปริ เริ่มมีการปะทุจากผืนดิน แผ่นดินเริ่มแตกลุกเป็นไฟ แผ่นดินไหว เกิดสึนามิ ไปทั่วโลก
ถ้าพูดถึงหนังหายนะของโลก ผู้กำกับที่ผมนึกชื่อออกก็เป็น Roland Emmerich เพราะผมชอบตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง The Day After Tomorrow ครับ บวกกับผมที่สนใจในเรื่องของวันโลกแตก หายนะของโลกมาตลอด เมื่อมีหนังเรื่องนี้มา ผมก็ค่อนข้างคาดหวังกับหนังเรื่องนี้สุด ๆ เลย เพราะค่อนข้างกลัวว่าจะเกิดขึ้นในตอนที่ผมยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่รู้จะมีคนกลัวและกังวลแบบผมมั้ย คงน้อยคนนะครับที่จะตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึง
หนังมีความยาว 2 ชั่วโมงกว่า ๆ แต่ผมให้ความสนใจกับทุกนาทีเลยครับ เพราะหนังค่อยๆ ปล่อยให้คนดูรู้ทีละสเตป ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อแกนโลกร้อน เมื่อแกนโลกร้อน แผ่นดินจะเริ่มปริ จนเกิดการลุกไหม้ใต้ผืนดิน จากนั้นก็ค่อย ๆ เกิดแผ่นดินไหว และเกิดสึนามิในที่สุด
คะแนนสำหรับเอฟเฟคต์ 10/10 สร้างมาอลังการขนาดนี้ จะไม่ให้ถูกใจได้ไงละครับ ต้องบอกว่ายกนิ้วให้ฝ่ายวิชวลเอฟเฟคค์ของหนังเรื่องนี้ครับ เอฟเฟคต์ที่หนังพยายามถ่ายทอดให้คนดูถึงเอฟเฟคต์ที่สวยงาม ซึ่งสอดแทรกความหายนะให้คนดูได้เห็น
ข้อคิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้
1. ความรักของครอบครัว ความรักที่ยิ่งใหญ่คือความรักที่พ่อแม่มีให้กับลูก เสียสละให้ลูกได้รอดชีวิต ซึ่งในหนังเรื่องนี้เราจะได้เห็นกันในหลายครอบครัวเลยครับ
2. ได้รู้ถึงลำดับของหายนะของโลก ได้รู้ว่า ความหายนะ จะเกิดอะไรก่อนหลังตามลำดับที่ควรจะเป็น ถามว่ารู้แล้วเตรียมตัวทันไหม ก็ไม่หรอกครับ แต่มันทำให้เรารู้ว่า ถ้าเกิดขึ้นมาจริง ๆ ผมคงได้ตายก่อนจะได้คิดหนี
3. ไม่มีคำพยากรณ์ล่วงหน้าคำใดที่แม่นยำ 100% แม้แต่ผู้ที่เชี่ยวชาญ หรือนักฟิสิกส์ที่เก่งที่สุดก็ยังพลาดพลั้งกันได้ ดูตัวอย่างในเรื่องนี้ครับ ที่ดร. เฮล์มลีย์ ทำนายวันที่จะเกิดหายนะ แต่กลับคลาดเคลื่อน เกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม ทำให้การเตรียมตัวเพื่อรับมือทำแทบไม่ทัน อย่างเช่น การสร้างเรือขนาดยักษ์เพื่อหลบภัย
อาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเรื่องจริง แต่ก็มีโอกาสที่จะเจอเหตุการณ์แบบนี้จริง ๆ ยังไงแล้วเราก็ยังมีโอกาสจะยับยั้งมันได้ โดยช่วยกันทำให้โลกร้อนน้อยลง ปลูกต้นไม้และดูแลโลกเรากันมากขึ้นเถอะครับ อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ในยุคของเราหรือยุคหลานของเราเลย