ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

ดูหนัง Beauty and the Beast (2017) โฉมงามกับเจ้าชายอสูร เต็มเรื่อง

ดูหนัง Beauty and the Beast (2017) โฉมงามกับเจ้าชายอสูร เต็มเรื่อง - เว็บดูหนังดีดี ดูหนังออนไลน์ 2020 หนังใหม่ชนโรง
Youtube Video

หมวดหมู่ :

เรื่องย่อ : ดูหนัง Beauty and the Beast (2017) โฉมงามกับเจ้าชายอสูร เต็มเรื่อง

ดูหนัง Beauty and the Beast (2017) โฉมงามกับเจ้าชายอสูร เต็มเรื่อง

 

 

เรื่องย่อ

จากเรื่องราวและตัวละครที่ผู้ชมรักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี สู่อลังการภาพยนตร์ไลฟ์แอ็คชั่น (คนแสดง) ที่ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นสุดคลาสสิคของดิสนีย์ "บิวตี้ แอนด์ เดอะ บีสท์ - โฉมงามกับเจ้าชายอสูร" ภาพยนตร์สุดตื่นตาตื่นใจ เวอร์วังมลังมเลือง เฉลิมฉลองสุดยอดเทพนิยายอันเป็นที่รักที่เคยเล่าขาน "บิวตี้ แอนด์ เดอะ บีสท์ - โฉมงามกับเจ้าชายอสูร" คือการผจญภัยอันน่ามหัศจรรย์ของ เบลล์ หญิงสาวแสนสวย สดใส และเด็ดเดี่ยว ผู้ที่ถูกกักขังอยู่ในปราสาทของ บีสท์ แม้จะตกอยู่ในความกลัว เธอได้ผูกมิตรกับเหล่าชาวปราสาทผู้ต้องมนต์ และเรียนรู้ที่จะมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกอันน่าหวาดกลัวของบีสท์เพื่อให้เห็นถึงความอ่อนโยนของเจ้าชายที่แท้จริงที่อยู่ภายใน

IMDB : tt2771200

คะแนน : 7.1

รับชม : 22459 ครั้ง

เล่น : 8074 ครั้ง



Beauty and the Beast (2017) โฉมงามกับเจ้าชายอสูร

หลังจากจบการศึกษาจาก Hogwarts ดูเหมือน Emma Watson จะไปโดดเด่นเอาดีทางด้านการศึกษา ทางด้านสังคม และเพื่อสตรี กล่าวคือ เธอก็ตั้งอกตั้งใจจนเรียนจบ Brown University สมกับเป็น Hermione Granger ต่อมาเธอได้รับเลือกให้เป็น UN Women goodwill ambassador อีกทั้งยังขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 100 ของผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ซึ่งจัดอันดับโดย Time

ส่วนทางด้านการแสดงนั้น ก็ต้องยอมรับว่าภาพยนตร์แต่ละเรื่องที่เธอเล่นนั้นไม่ค่อยปังสักเท่าไหร่ แต่แฟน ๆ ของ Emma Watson ก็ยังติดตามดูผลงานของเธออย่างต่อเนื่องอยู่ดี โดยเฉพาะเรื่องล่าสุดอย่าง Beauty and the Beast ซึ่งเป็นหนังใหญ่จากเทพนิยายชื่อดัง ณ ดิสนีย์แลนด์

โดยส่วนตัวเราก็ไม่เคยคาดหวังว่าหนังที่ Emma Watson จะเป็นหนังดี เพราะอย่างที่รู้กัน เธอไม่เน้นเล่นหนังดีหนังรางวัล (มิเช่นนั้นเธอไม่ปฏิเสธบท Mia ใน La La Land หรอก) แต่เธอเน้นรับบทตัวละครที่ถ่ายทอดความเป็นเธอ หรือไม่ก็ empower women

เราชอบตัวละคร Belle เป็นทุนเดิม Belle เป็นหนึ่งในนางเอกดิสนีย์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงโดยกำเนิด ยิ่งพอเป็น Belle เวอร์ชั่น Emma Watson ที่มีความสวย ฉลาด และสตรอง คือฉันจะอ่านหนังสือ ฉันจะขี่ม้า ฉันจะคิดค้นนวัตกรรมเครื่องซักผ้า ฉันจะมีปากมีเสียง ฉันไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิตที่จะมีผัวหล่อรวย ฉันไม่กลัวสิ่งใด ฯลฯ เราก็ยิ่งชอบ ช่วงซีนเปิดเรื่องที่ Belle ยังอยู่ในหมู่บ้านนี่ชอบเลยแหละ

อีกอย่าง Belle มันเหมือนตัว Emma เองจริง ๆ ไม่ได้แสดง เช่น ฉากที่ Emma Watson ตาลุกวาวเป็นประกายที่เห็นห้องสมุดและชั้นหนังสือมากมาย นี่ Emma ชัด ๆ (แฟน ๆ คงทราบกันดีว่า Emma ชอบอ่านหนังสือมาก เหมือน Hermione เด๊ะ แถมยังชอบเอาหนังสือไปร่อนวางแจกจ่ายไปทั่วรถไฟฟ้าลอนดอน) พูดนัยนึงคือ Emma เหมือนเกิดมาเพื่อเป็น Belle และในขณะเดียวกันก็ใส่ความเป็นตัวเธอเองและความเป็น feminist ลงไปในตัว Belle ด้วย

แต่ถ้าไม่นับ Emma หรือตัวละครเฟมินิสต์อย่าง Belle ใน Beauty and the Beast ฉบับนี้แล้ว เราก็แทบหาสิ่งอื่น ๆ ที่เราชอบในหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยเจอนัก ที่นึกออกตอนนี้คือเหล่าถ้วยโถโอชามหรือบริวารทั้งหลายเหล่านี้ของเจ้าชายอสูรที่น่ารัก พากย์สนุก เป็นสีสันให้กับเรื่อง โดยเฉพาะฉากสู้รบปรบมือกับพวกมนุษย์นี่มันส์พ่ะย่ะค่ะดี ส่วนเรื่องภาพนี่ก็สวยงามตามท้องเรื่อง เรื่องสามมิติก็พุ่งจริงหลายฉากอยู่ เรื่อง CG นี่ก็เนียนกริบตามมาตรฐานดิสนีย์อยู่แล้ว ไม่แปลกใจอะไร

แต่นอกเหนือจากที่กล่าวมา โดยรวมเราค่อนข้างเฉย ๆ กับหนังเรื่องนี้ เราว่าหนังดำเนินเรื่องไม่ค่อยสนุก ช่วงร้องเพลงหลายเพลงก็น่าเบื่อ ฉากเต้นรำก็ไม่ได้ว้าว (หรือเพราะเราเพิ่งดู La La Land มา?) เคมีระหว่างโฉมงามกับเจ้าชายอสูรเราก็ไม่ค่อยอิน (ยังงงอยู่ว่า Belle ไปรักอสูรตอนไหน ใช่ตอนที่เห็นหนังสือเป็นล้านเล่มในห้องสมุดแล้วตาลุกวาวเหมือนผู้หญิงทั่วไปเห็นเงินเห็นทองหรือเปล่า) ตัวร้ายนี่ก็ร้ายแบบไร้มิติไม่มีเปลี่ยนแปลง

ส่วนหนึ่งเราก็ผิดเองที่เราคาดหวังไว้มาก ก่อนเข้าไปดู เราคาดหวังการตีความใหม่หรือเล่าเรื่องมุมมองใหม่ไม่มากก็น้อยอย่างที่ดิสนีย์เคยทำได้ดีใน Cinderella กับ Maleficent แต่พอเอาเข้าจริง Beauty and the Beast เขาไปทางเคารพต้นฉบับการ์ตูน 1991 (มาก) เพิ่มเติมแค่ประเด็นเกย์​นิดหน่อย (หน่อยแบบหน่อยมาก หน่อยแบบกลัวคนดูหัวโบราณบางกลุ่มจะด่าว่าหนังครอบครัวมีตัวละครเกย์ได้ไง) และเพิ่มปูมหลังครอบครัวของโฉมงามกับเจ้าชายอสูรนิดหน่อย (นี่ก็นิดหน่อยชนิดไม่ต้องมีมาก็ได้ ไม่ค่อยมีความสำคัญกับเส้นเรื่องมากมายอะไรเลย)

เราว่าตัวละคร Belle มีความกล้า มีความ fearless นะ แต่คนทำหนังเรื่องนี้เองมากกว่าที่ยังไม่กล้ามากพอที่จะขยี้ประเด็นที่เขาเองก็อยากเล่น

ย้ำอีกครั้งว่าเราผิดเองที่คาดหวัง เราผิดเองที่คิดมากไป เพราะสำหรับเรา เรื่อง Beauty and the Beast ก็สัญลักษณ์ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เช่น กุหลาบในเรื่อง แต่ละบริบทก็มีความหมายต่าง ๆ นานา บ้างก็หมายถึงความรัก บ้างก็หมายถึงภัยอันตรายจากความรัก หรือกระจกวิเศษ ที่สะท้อนถึงความอ่อนแอหรือจุดอ่อนของผู้ใช้ แต่สุดท้ายหนังเขาไม่ขยี้ บางจุดก็แทบไม่ให้ความสำคัญไปเลย ก็เป็นพร็อพ ๆ หนึ่งของเรื่องไป

นอกจากนี้ หนังยังมีประเด็นมากมายที่น่าเล่น แต่เขาไม่ค่อยเล่น สงสัยมัวแต่ไปใส่ความเป็นเฟมินิสต์และเน้นความแตกต่างกับชาวบ้านให้บท Belle จนไม่ได้เน้นประเด็น identity ของพวกข้าทาสบริวารที่ถูก tranform เป็นสิ่งของเครื่องใช้ แต่ตรงนี้ก็ยังดีนะที่หนังพยายามใส่ความเป็นมนุษย์ให้ตัวละครเหล่านี้มากขึ้น แต่ส่วนหนึ่ง ณ ตรงนี้ก็ขอชื่นชมคนพากย์ด้วย

ส่วนประเด็น “อย่าตัดสินใครที่ภายนอก / อย่ารักใครที่รูปร่างหน้าตา” ที่เหมือนจะเป็นประเด็นที่เด่นที่สุดอันหนึ่งของเรื่อง หนังก็ทำออกมาได้คงมาตรฐานทั่วไป ซึ่งอันนี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไร คิดซะว่าอย่างน้อยก็ยังเอาไปดูไปด้วยสอนเด็กไปด้วยได้อะไรได้

โดยสรุป ถ้าไปดู Beauty and the Beast เพลิน ๆ ชนิดไม่คาดหวังว่ามันจะต้องตีความใหม่หรือถ่ายทอดอะไรที่โตไปกว่าการ์ตูน มันก็ดูได้เพลิน ๆ ไม่แย่ ภาพสวย เพลงเพราะ (แม้จะน่าเบื่อบางเพลง) ดูสนุกได้ตามมาตรฐานดิสนีย์ คือเหมาะเป็นหนังครอบครัวหรรษาทั่วไป (ถ้าครอบครัวนั้นไม่ซีเรียสเรื่องมีตัวละครเกย์ในการ์ตูนอ่านะ) ที่แน่ ๆ ผู้หญิงแนวฟรุ้งฟริ้งยูนิคอร์น ใครที่ชอบดูอะไรสไตล์ดิสนีย์ออริจินัลหรือเป็นติ่ง Emma Watson น่าจะชอบถึงขั้นชอบมาก

แต่สำหรับเรา นอกจาก Belle หรือ Emma Watson แล้ว เราบอกตรง ๆ เลยว่า หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แนวของเรา คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7/10 (รวมคะแนนพิศวาสในตัวนางเอกและความหล่อของพระเอกหลังถอดรูปแล้วอะไรแล้ว)