หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังดราม่า , หนังระทึกขวัญ
เรื่องย่อ : ดูหนัง Dragon Tiger Gate (2006) ปะฉะดะ คนเหนือยุทธ เต็มเรื่อง
ดูหนัง Dragon Tiger Gate (2006) ปะ ฉะ ดะ คนเหนือยุทธ
สามสหายมากฝีมือถนัดมวยคนละแนว “ไทเกอร์ หว่อง” (เซียะถิงฟง) ถนัดมวยหมัดประทุเพลิง, “ดราก้อน วู” (ดอนนี่ เยน) ถนัดมวยเตะ เหินหาว และ “เทอร์โบ” (หวี๋เหวินเล่อ) ใช้พลองเทอร์โบได้อย่างคล่อง แคล่ว
พวกเขามีเรื่องขัดแย้งกับสำนักลั่วชาซึ่งมีชิบิมิจอมอำมหิตซึ่งส่งคนไปสังหารคนทั้งครอบครัวของหม่าซิงหลินลูกสาวของหม่าคุนซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่ชาวบ้านนับถือทั้งสามจึงตกลงกันที่จะร่วมมือล้างแค้นแต่ทว่าฝีมือของทั้งสามยังมิอาจคิดการใหญ่บุกไปคว่ำคนของสำนักลั่วชาได้จึงตัดสินใจเดินทางไปฝึกเคล็ดลับสุดยอดวิชายุทธที่สำนักมวยเพิ่มเติมก่อนจะนัดวันถล่มสำนักลั่วชาให้ราบ
IMDB : tt0482930
คะแนน : 6.2
รับชม : 3241 ครั้ง
เล่น : 955 ครั้ง
Dragon Tiger Gate เป็นเรื่องราวของพี่น้องต่างมารดา หวังเสี่ยวหลง(ดอนนี่ เยน) ผู้พี่ และ หวังเสียวหู่(เซียะถิงฟง) ผู้น้อง ซึ่งเป็นลูกชายของเจ้าสำนักพยัคฆ์มังกร เสี่ยวหลงในวัยเด็กและแม่ได้ไปจากสำนักพยัคฆ์มังกร เพื่อไม่ให้มีปัญหากับแม่ของเสียวหู่ หลังจากเจ้าสำนักเสียชีวิต ได้ให้ญาติชื่อ หวังเจี้ยนหลง(หยวนหัว) เป็นเจ้าสำนักสืบทอดรุ่นต่อไป แต่ถึงกระนั้นเสี่ยวหลงและเสียวหู่ก็ยังคงติดต่อกันอยู่ ต่อมาได้เกิดเหตุไฟไหม้บ้านที่เสี่ยวหลงและแม่อาศัยอยู่ เสี่ยวหลงรอดมาได้ ส่วนแม่ตายในกองไฟ หม่าคุน(เฉินกวนไ่ท่) หัวหน้าแก๊งมาเฟียจึงรับเสี่ยวหลงมาเลี้ยงเหมือนลูกบุญธรรม และให้ฝึกวิชาการต่อสู้เพื่อเป็นบอดี้การ์ดให้กับเขาและ หม่าเสี่ยวหลิง(ต่งเจี๋ย) ลูกสาวของเขา เสี่ยวหลงและเสียวหู่จึงไม่ได้เจอกันอีก
ต่อมาพี่น้องทั้งสองเติบโตขึ้น หม่าคุนนั้นทำการค้าอยู่กับ พรรคโรซา ซึ่งมีหัวหน้าคือ ชิมิ ชิมิ เอ๊ย! ชิบูมิ(ใครเล่นก็ไม่รู้ เพราะพี่แกใส่หน้ากากทั้งเรื่อง) ชิืบูมิได้ฝากให้ ลั่วซา (หลี่เสี่ยวหยัน) สมุนสาวนำเอาป้ายทองมาให้หม่าคุนเป็นการแสดงว่าทั้งคู่ทำการค้าร่วมกัน ทว่าด้วยความที่สมุนของหม่าคุนดันไปก่อเรื่องในภัตตาคารแห่งหนึ่งที่เสียวหู่และเพื่อนๆมาเที่ยว ทำให้เสียวหู่ต้องแสดงฝีมือกำราบพวกมัน และที่นี่ทำให้เขาได้พบกับเสี่ยวหลง พี่ชายที่พลัดพรากจากกันไปอีกครั้ง เสียวหู่รู้ตัวว่าได้ก่อเรื่องไม่ดีขี้น เพราะหม่าคุนกับพรรคโรซาเป็นพวกเดียวกัน โชคดีที่ได้เจอกับ สือเฮยหลง(ชอวน์ หยู) ชายหนุ่มผู้มีฝีมือในการใ้ช้กระบองสองท่อนมาช่วยเหลือไว้ โดยที่เฮยหลงเองก็ต้องการที่จะเข้าเรียนเป็นศิษย์สำนักพยัคฆ์มังกรด้วยเช่นกัน
หวังเสี่ยวหลง (ดอนนี่ เยน) ลูกชายคนโตของเจ้าสำนักพยัคฆ์มังกรซึ่งพลัดพรากจากน้องชายตั้งแต่เด็กๆ เติบโตในแก๊งมาเฟีย เป็นคนใจเย็น ขรึมๆ พูดน้อย ต่อยหนัก ถนัดการใช้ฝ่ามือพิชิตมังกร
หวังเสียวหู่ (เซียะถิงฟง) ลูกชายคนเล็กของเจ้าสำนักพยัคฆ์มังกร เบื้องหน้าเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นทั่วไป แต่เบื้องหลังเ็ป็นยอดฝีมือ เป็นคนใจร้อน วู่วาม แต่รักพวกพ้อง หลงรักหม่าเสี่ยวหลิง ถนัดเพลงเตะพิชิตมังกร
สือเฮยหลง (ชอว์น หยู) ชายหนุ่มผู้มีความสามารถในการใช้กระบองสองท่อน ซึ่งหมายมั่นจะฝากตัวเป็นศิษย์สำนักพยัคฆ์มังกร เป็นคนโลกส่วนตัวสูง และทะนงตน คอยช่วยเหลือเสียวหู่รับมือกับพวกของพรรคโรซา
หม่าเสี่ยวหลิง (ต่งเจี๋ย) ลูกสาวของหม่าคุน เจ้าพ่อแก๊งมาเฟีย ต้องการให้พ่อล้างมือจากวงการ นับถือเสี่ยวหลงเป็นพี่ชายคนหนึ่ง ต่อมาไ้ด้รู้จักกับเสียวหู่และสานต่อความสัมพันธ์กัน
ชิบูมิ (ใครก็ไม่รู้) จอมมารผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง เป็นประมุขพรรคโรซา และเป็นพันธมิตรคู่ค้ากับหม่าคุน ต่อมาป้ายพรรคโรซาตกไปอยู่ในมือของหวังเสียวหู่ มันจึงทำทุกวิถีทางเพื่อนำป้ายกลับคืนมา ต่อให้ต้องถล่มสำนักก็ตาม
แนวทางของ Dragon Tiger Gate เป็นไปในแบบของหนังกำลังภายใน ทั้งที่เป็นโลกปัจจุบันแต่ก็ยังมีเนื้อหาบางส่วนที่คล้ายคลึงกับจอมยุทธ์ในยุคเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นการพลัดพรากจากกันของพี่น้องแล้วมาเผชิญหน้ากันในสถานะของศัตรู(พล็อตสุดคลาสสิค) การเปิดสำนักมวย หรือแม้กระทั่งพระเอกนางเอกอยู่คนละฝ่ายกัน เป็นเนื้อหาที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่ความแปลกใหม่อย่างหนึ่งที่หนังเรื่องนี้ได้นำเสนอก็คือ คิวบู๊ ที่ถือว่าแปลก แหวกแนว และชวนสะดุดตาพอสมควร
ด้วยความที่ Dragon Tiger Gate สร้างจากการ์ตูน ทั้งยังเป็นแนวกำลังภายใน ทำให้บรรดาผู้สร้างสามารถสอดแทรกจินตนาการได้อย่างเต็มที่ หากคิดในแง่ของความเป็นจริงก็อาจจะดูเว่อร์เกินไปสักหน่อย แต่หากคิดในแง่ของหนังที่สร้างจากการ์ตูนนั้น การเคารพบทประพันธ์ดูจะเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ทำให้ Dragon Tiger Gate กลายเป็นหนังแอ็คชั่นกำลังภายในหลุดโลกที่ดูสนุกอย่างน่าประหลาดเรื่องหนึ่ง
ความบกพร่องของหนังก็มีอยู่หลายประการด้วยกัน ทั้งในเรื่องของบทและเรื่องของนักแสดงนำ โดยเฉพาะดอนนี่ เยน ที่อายุอานามของเขาในขณะที่เล่นเรื่องนี้อยู่นั้นก็ปาเข้าไป 40 ต้นๆแล้ว แต่ก็ต้องมารับบทเป็นเด็กอายุ 20 เศษๆ ทีมงานเลยจัดการเซ็ทบ็อบเทให้พ่อหนุ่มดอนนี่ของเราดูเป็นเด็กโมเดิร์น และใช้ปลายผมบังตีนกาไปด้วยในตัว 555 แต่ก็ใช่ว่าดอนนี่จะไม่เข้ากับบท เพราะความสามารถทางด้านคิวบู๊ของเขานั้นไม่ต้องพูดถึง เสี่ยวหลงจึงเป็นตัวละครที่ดูมีเสน่ห์ที่สุดในเรื่ิอง อันเกิดมาจากความสามารถด้านสตั๊นท์และการแสดงออกทางสีหน้าล้วนๆ
ในขณะที่เซียะถิงฟงและชอวน์ก็เอาตัวรอดไปกับบทของพวกเขาได้ แต่ด้วยความที่หลายสิ่งหลายอย่างสอดแทรกเข้ามาตามเนื้อเรื่องที่ดำเนินไป บทของหวังเสียวหู่ที่เล่นโดยเซียะถิงฟง กลับกลายเป็นเพียงตัวประกอบอดทนตัวหนึ่ง ที่ถึงแม้จะได้ออกมาโลดแล่นบนจอมากกว่าใครเพื่อน แต่ด้วยความที่เป็นตัวละครที่มีมิติน้อยที่สุด ทำให้หวังเสียวหู่ดูขาดเสน่ห์ไปไม่น้อย เทียบกับเรื่องก่อนหน้าของเขาอย่าง New Police Story (วิ่งสู้ฟัดภาค 5) แล้ว ในเรื่องนั้นเขาได้บทที่มีที่มาที่ไป และมีความลึกล้ำ จนสามารถเลื่อนสถานะจากตัวขโมยซีนมาเป็นพระเอกรองได้อย่างสวยงาม ยิ่งกับต่งเจี๋ยในบทหม่าเสี่ยวหลิง นางเอกของเรื่องยิ่งไม่ต้องพูดถึง นอกจากบทจะน้อยและไร้มิติด้วยแล้ว ยังถูกกลบรัศมีโดยดาราดังๆจนแทบไม่เหลือพื้นที่ให้ตนเองได้โชว์ฝีมือ นอกจากบทกุ๊กกิ๊กและดราม่าบางส่วนที่พอจะทำให้ผู้ชมเห็นความสำคัญของตัวละครตัวนี้ได้
แต่ตัวละครที่ดูน่าสนใจอีกตัวหนึ่งเห็นจะเป็น สือเฮยหลง ที่รับบทโดย ชอวน์ หยู เฮยหลงเป็นเด็กหนุ่มที่ทะนงตัว และชอบเอาชนะ แต่เมื่อเขาได้มาเจอกับหวังเจี้ยนหลง เจ้าสำนักคนปัจจุบัน เขาก็ได้เข้าใจและปรับเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ ให้เป็นสือเฮยหลงคนใหม่ที่ไม่ขี้โอ่ บ้าพลังเหมือนแต่ก่อน ทั้งในแง่ของความเป็นมาและนิสัยส่วนตัวของเฮยหลง ช่วยสร้างสีสันให้กับหนังขึ้นอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
ความบกพร่องของหนังในหลายประการ ทั้งในแง่ของมิติของตัวละคร เนื้อเรื่องที่เป็นไปอย่างทื่อๆ ไม่มีพลิกล็อคหรือหักมุมใดๆ ทั้งการแบ่งฉากบู๊และฉากดำเนินเรื่องที่ยังไม่ลงตัวเท่าไรนัก ทำให้หนังดูค่อนข้างจะอืดไปบ้าง โดยเฉพาะตอนกลางเรื่องที่เป็นช่วงสานสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว ไม่ว่าจะเป็นพี่กับน้อง คนรัก หรือเพื่อนกับเพื่ีอน ดูเป็นช่วงที่น่าเบื่อที่สุดของหนัง ดูเป็นไปอย่างเนิบๆ แต่บางช่วงก็กระชับจนน่าใจหาย ไหนจะฉากแฟลชแบ็คในวัยเด็กของบรรดาตัวละครหลัก แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เนื้อเรื่องดูสมบูรณ์ขึ้น และใช่ว่าจะเป็นส่วนเกินเสียทีเดียว หากผู้กำกับ วิลสัน ยิป รู้จังหวะในการนำเสนอที่ลงล็อคขึ้นกว่านี้ คงจะช่วยให้หนังดูน่าสนใจขึ้นอีกมาก แต่ถึงแม้ในเรื่องนี้เขาจะทำไม่สำเร็จ แต่ผลงานต่อๆมาของเขาอย่าง Flash Point และ Ip Man ทั้ง 2 ภาค ก็เป็นเครื่องการันตีถึงฝีมือของเขาที่พัฒนาขึ้นได้เป็นอย่างดี
แม้ในด้านเนื้อเรื่องจะยังบกพร่องอยู่บ้าง แต่ในส่วนของคิวบู๊นั้น จัดว่ากระหน่ำกันเต็มที่ไม่มียั้ง ความหลุดโลก และเว่อร์ ยังคงขายได้ในหนังแอ็คชั่น ซึ่งคิวบู๊ในเรื่องนั้นก็เป็นหน้าี่ที่ของ ดอนนี่ เยน อีกเช่นกันที่ได้ช่วยกันสร้างสรรค์จนเกิดความมันส์แบบประหลาดๆ ที่ดูสนุกและดุเดือด ทั้งยังน่าชื่นชมในส่วนของการตัดต่อภาพที่กระชับ ฉับไว ให้ความรู้สึกสนุกตาม รวมไปถึงการกำกับภาพอันสวยงาม แสงสีที่สะท้อนตัดกันได้อย่างมีศิลป์ และโลเกชั่นบู๊ที่เราๆท่านๆอาจยังไม่เคยเห็น เช่น ฉากบู๊ในภัตตาคารจีนที่ทำออกมาได้ต่างจากฉากบู๊ในโรงเตี๊ยมทั่วๆไป หรือจะเป็นฉากบู๊ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ทำออกมาแบบเขาวงกต และที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ ฉากบู๊ในสนามเบสบอลยามราตรี ที่มีการจัดแสงสีอันสวยงามด้วยสปอตไลท์ ทั้งยังคิวบู๊และการตัดต่ออันเหมาะเจาะ ทำให้เป็นฉากบู๊แปลกตาอีกฉากที่ดูเพลินและน่าจดจำไม่น้อย
แม้ว่า Dragon Tiger Gate จะยังเป็นหนังบู๊ที่ดูมีกลิ่นอายเชยๆอยู่บ้าง แต่ความแปลกใหม่ที่ทีมผู้สร้างได้พยายามสอดแทรกเข้าไปให้มีความแหวกแนวไปด้วยในตัว ก็ทำให้นี่เป็นหนังบู๊ที่ดูสนุกได้ไม่ยาก แม้บางส่วนอาจยังไม่เข้าที่เข้าทางก็ตามที(โดยเฉพาะในด้านเนื้อหา) แต่ในแง่ของความมันส์และในฐานะของหนังแอ็คชั่นแล้ว นี่คือหนังแอ็คชั่นกำลังภายในยุคใหม่อีกเรื่อง ที่คอกังฟูไม่ควรมองข้าม อย่างน้อยที่สุดคือการได้เห็นพัฒนาการอีกขั้นของคนทำหนังที่ชื่อ วิลสัน ยิป ก่อนหน้าที่เขาจะสร้างสรรค์หนังระดับตำนานอย่าง Ip Man