Inception อินเซ็ปชั่น จิตพิฆาตโลก ( 2010 )
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากโลกแห่งความจริงและความฝันเชื่อมโยงกัน? มีใครเคยตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเองไหมครับ วันนี้ผมจะมาเสนอภาพยนตร์ที่อาจเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคำถามนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่าเนื้อหาภายในบางส่วนอาจมีการสปอยล์ภาพยนตร์ สำหรับเรื่องที่ผมจะนำมารีวิววันนี้เป็นภาพยนตร์ที่เป็นที่1ในใจผมมานาน นั่นก็คือ “Inception” หรือ “จิตพิฆาตโลก” ซึ่งเป็นภาพยนตร์นวนิยายแนววิทยาศาสตร์ ชื่อดังในปี 2010 ของ Christopher Nolan ผู้กำกับที่เมื่อพูดชื่อของเค้า ก็ต้องนึกถึงไอเดียการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ที่เน้นความแหวกแนว สร้างสรรค์ และที่สำคัญ เค้ามักทิ้งคำถามให้กับคนดูอยู่เสมอ อย่างเช่นในเรื่อง Inception นี้ที่เขาเป็นทั้งผู้กับกำและผู้เขียนบทในเรื่อง
ถ้าหากจะพูดถึงเรื่องนักแสดงในเรื่อง ต้องบอกเลยว่าเป็นภาพยนตร์ที่ใช้นักแสดงชื่อดังค่อนข้างเยอะ อาทิเช่น Leonardo DiCaprio รับบท Dom Cobb หัวหน้ากลุ่มอาชญากรทางความฝัน , Joseph Gordon-Levitt รับบท Arthur ผู้ช่วย Dom , Tom Hardy รับบท Eames ผู้ช่วย Cobb ทำหน้าที่ปลอมแปลงเอกสารและปลอมแปลงตัวตน , Ellen Page รับบท Ariadne นักศึกษาสถาปนิกหัวดีที่เข้ามาร่วมกับกลุ่มอาชญากรรม , Michael Caine รับบทศาสตราจารย์ของ Ariadne , Cillian Murphy รับบท Robert Fischer นักธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ถือเป็นโจทย์ที่ทีมอาชญากรรมทางความคิดต้องจัดการให้ได้ และยังมีนักแสดงอีกมากมายที่ยังไม่ได้พูดถึง
สำหรับเนื้อหาหนัง Inception เป็นหนังแนววิทยาศาสตร์ที่ผสมความแฟนตาซี ความบู้แอคชั่น ความดราม่า และการผจญภัย ผสมรวมกันไว้อย่างลงตัว โดยหนังจะเล่าถึงกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า “อาชญากรทางความคิด” ที่ทำหน้าที่ขโมยข้อมูลในความคิดของคนใดคนหนึ่ง โดยเชื่อมโยงความฝันของคนๆนั้นเข้ากับกลุ่มอาชญากร เพื่อเข้าไปยังฝันชั้นต่างๆที่ถูกสร้างขึ้นมาจนลึกพอที่จะสามารถหาคำตอบนั้นภายใต้โลกความฝันนั้นได้ ซึ่งในภาพยนตร์ภารกิจสำคัญของพวกเขาก็คือการบิดเบือนความคิดของ Robert Fischer เพื่อให้เขาตัดสินใจล้มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเขา แต่ปัญหาก็คือ Fischer เคยถูกฝึกให้มีระบบการป้องกันการโจรกรรมทางความคิดอยู่ในฝันของเขา ดังนั้นสิ่งที่ Cobb ตัดสินใจทำคือการสร้างแผนผังความฝันให้มีความลึกถึง 4 ชั้น โดยมีกฎของเวลาที่ในหนังได้กล่าวถึงคือ การลงไปในฝันเวลาจะยาวนานกว่าชั้นบน 5 เท่า ซึ่งมีความเสี่ยงมากเนื่องจากว่า ถ้าเราตายในความฝันก่อนที่ยาสลบจะหมดฤทธิ์ จะทำให้เราตกลงไปในลิมโบ หรือฝันชั้นที่ลึกมาก และเราจะต้องติดอยู่ในนั้น นานแสนนาน และถ้าหากไม่มีใครลงไปปลุกให้ตื่นก็อาจทำให้เราเป็นเจ้าชายนิทราไปเลย ที่สุดแล้วนั้นภารกิจของพวกเขาจะสำเร็จเป็นไปตามสูตร จะหักมุม หรือจะต้องผิดหวัง ขอบอกว่าต้องลองไปติดตามกันครับ
ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนั้น เป็นเพียงส่วนเล็กๆของหนังเรื่องนี้ ซึ่งมีรายละเอียดอีกมากมาย และฉากจบที่เป็นที่ถกเถียงกันเมื่อหนังเพิ่งเริ่มฉายไม่นาน เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยคำตอบ แต่ในท้ายที่สุดก็มีการเฉลยว่าผู้กำกับนั้นได้ซ่อนคำตอบของมันไว้อย่างแนบเนียบในหนังไว้อยู่แล้ว เหมือนกับคำกล่าวประจำของภาพยนตร์เรื่อง Prestige ของ Nolan ที่ถามว่า Are you watching closely? หรือ คุณมองใกล้แล้วหรือยัง? ถือเป็นหนึ่งในเทคนิคที่มีเสน่ห์ของผู้กำกับคนนี้เลยครับ
สำหรับสิ่งที่ผมชอบในเรื่องนี้คือ ทั้งตัวเรื่องที่เป็นการตั้งคำถาม what if ...? หรือ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหาก… สำหรับผมคือ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากโลกแห่งความจริงและความฝันเชื่อมโยงกัน ซึ่งตัวหนังได้ตอบคำถามนี้อย่างน่าประทับใจ และน่าจดจำ ในเวลาเพียง 2ชั่วโมง 30นาที สำหรับผมถือว่าน้อยมากสำหรับคำตอบที่ได้ และอีกส่วนคือตัวผู้กำกับ ที่เขียนเนื้อหา พลอตเรื่อง ผังความฝัน และสามารถเรียงร้อยเรื่องทั้งหมดได้อย่างลงตัว
สำหรับรีวิวนี้เป็นรีวิวแรกอย่างเป็นทางการในชีวิตผม หวังว่าผู้อ่านทุกคนจะได้อะไรจากมันไป และเป็นการขอบคุณหนังเรื่องนี้อีกทางหนึ่งด้วย ยังไงก็ฝาก Inception ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจผู้อ่านทุกท่านด้วยนะครับ ส่วนสำหรับใครที่เคยชมมาแล้วก็ถือว่ามาปัดฝุ่นกับตำนานที่น่าจดจำเรื่องนี้กันครับ