หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังผจญภัย , หนังดราม่า
เรื่องย่อ : ดูหนัง A Knight's Tale (2001) อัศวินพันธุ์ร็อค เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ
"ถ้ามีความศรัทธา มนุษย์สามารถทำได้ทุกอย่าง" จอห์น แธตเชอร์ (คริสโตเฟอร์ คาเซโนฟ) ผู้ยากจน กล่าวกับบุตรชายเอาไว้เช่นนั้น "มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้" แต่ในยุโรป ยุคศตวรรษที่ 14 ชะตากรรมมิอาจกำหนด เพราะชะตากรรมมนุษย์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว...
สำหรับ วิลเลี่ยม แธตเชอร์ (ฮีธ เลดเจอร์) บุตรชายของจอห์น แธตเชอร์ ผู้ยากไร้ และมีชาติกำเนิดแสนต่ำต้อย มันดูเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ ที่เขาจะทำใจรับได้ว่า ความฝันที่จะได้เป็นอิศวินนั้น เป็นเพียงความฝันล้ม ๆ แล้ง ๆ ในวัยเด็ก ในยุคสมัยที่การเลื่อนสถานะ ยังไม่ใช่แนวคิดที่ผู้คนยอมรับได้ ชะตากรรมจึงมิอาจเปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืน ผู้คนต้องตายไปในสถานะเดิมกับเมื่อถือกำเนิดมา นั่นคือข้อกำหนดแห่งธรรมชาติ
แต่แล้ววันหนึ่ง ในการแข่งขันต่อสู้ด้วยทวน ที่เหล่าอัศวินต้องควบม้าโรมรันเข้าหากัน เพื่อทดสอบทักษะ ประสาทรับรู้ และเสียงเพลง "We Will Rock You" ของวง Queen ได้กระตุ้นความเร้าใจของการแข่งขันด้วยเนื้อร้องดลใจที่ว่า "สักวัน จะต้องยิ่งใหญ่" โชคชะตาได้เปิดโอกาสให้วิลเลี่ยมได้ลงสนาม เขาได้แปลงสภาพตัวเอง ให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ตระกูลสูง อัลริช วอน ลิชเทนสตีน แห่งเจลเดอร์แลนด์ ผู้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเสียงควบของฝีเท้าม้า ที่ดังราวอัสนี เสียงร้องกึกก้องของเหล่าประชา และความร้อนแรงของดนตรีร่วมสมัย
ศัตรูของวิลเลี่ยม ก็คือแชมเปี้ยนที่มีฝีมืออำมหิตที่ชื่อ เคานต์แอ็ดฮีมาร์ (รูฟัส ซีเวลล์) ผู้มุ่งมั่นจะทำลายความฝันของวิลเลี่ยมให้จงได้ และแน่นอน ยังมี โจเซลีน (แชนนีน โซสซามอน) หญิงสาวสูงศักดิ์ ที่บรรดาอัศวินหนุ่มจากทั่วยุโรปต่างหมายตาเอาไว้ สำหรับบุตรชายที่ยากจนของตระกูลแธ็ตเชอร์แล้ว โจเซลีน คือสิ่งที่อยู่เกินเอื้อม ไม่ต่างจากการที่เขามีโอกาส ได้เข้าแข่งขันประลองทวนครั้งนี้
IMDB : tt0183790
คะแนน : 6.9
รับชม : 4712 ครั้ง
เล่น : 1851 ครั้ง
“ถ้ามีความศรัทธา มนุษย์สามารถทำได้ทุกอย่าง” จอห์น แธ็ตเชอร์ (เจมส์ เพียร์ฟอย) ผู้ยากจน กล่าวกับบุตรชายเอาไว้เช่นนั้น “มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้” แต่ในยุโรป ยุคศตวรรษที่ 14 ชะตากรรมมิอาจกำหนดได้ เพราะชะตากรรมมนุษย์ได้ถูกกำหนดไว้แล้วตามสถานภาพที่ตนเกิดมา
สำหรับ วิลเลี่ยม แธ็ตเชอร์ (ฮีธ เล็ดเจอร์) บุตรชายของ จอห์น แธ็ตเชอร์ ผู้ยากไร้ และมีชาติกำเนิดแสนต่ำต้อย มันดูเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ ที่เขาจะทำใจรับได้ว่า ความฝันที่จะได้เป็นอิศวินนั้น เป็นเพียงความฝันล้ม ๆ แล้ง ๆ ในวัยเด็ก ในยุคสมัยที่การเลื่อนสถานะ ยังไม่ใช่แนวคิดที่ผู้คนยอมรับได้
แต่แล้ววันหนึ่ง ในการแข่งขันต่อสู้ด้วยทวน ที่เหล่าอัศวินต้องควบม้าโรมรันเข้าหากัน เพื่อทดสอบทักษะ โชคชะตาได้เปิดโอกาสให้วิลเลี่ยมได้ลงสนาม เขาได้แปลงสภาพตัวเอง ให้กลายเป็นอัศวันตระกูลสูง อัลริค วอน ลิชเทนสไตน์ แห่งเกลเดอร์แลนด์ ผู้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเสียงควบของฝีเท้าม้า ที่ดังราวอัสนี เสียงร้องกึกก้องของเหล่าประชา และความร้อนแรงของดนตรีร่วมสมัย
ศัตรูของวิลเลี่ยม ก็คือแชมเปี้ยนที่มีฝีมืออำมหิตที่ชื่อ เคานต์แอ็ดฮีมาร์ (รูฟัส ซีเวลล์) ผู้มุ่งมั่นจะทำลายความฝันของวิลเลี่ยมให้จงได้ และแน่นอน ยังมี โจเซลีน (แชนนิน ซอสซามอน) หญิงสาวสูงศักดิ์ ที่บรรดาอัศวินหนุ่มจากทั่วยุโรปต่างหมายตาเอาไว้ สำหรับบุตรชายที่ยากจนของตระกูลแธ็ตเชอร์แล้ว โจเซลีนคือสิ่งที่อยู่เกินเอื้อม ไม่ต่างจากการที่เขามีโอกาส ได้เข้าแข่งขันประลองทวนครั้งนี้
วิลเลี่ยมได้เพื่อนใหม่ เข้ามาร่วมแก๊งค์เพื่อนสนิทด้วยอีกสองคน คือ นักเขียนอายุ 29 ปีที่ชื่อ เจฟฟ์ เชาเซอร์ (พอล เบ็ตตานีย์) นักเขียนตกงาน ผู้มีฝีปากเป็นเอก กับ เคต (ลอร่า เฟรเซอร์) ช่างตีเหล็กหญิงที่รักอิสระ และมีฝีมือด้านการตีเหล็ก รวมกับผองเพื่อนเก่าผู้มีนิสัยประหลาด อันได้แก่ โรแลนด์ (มาร์ก แอ็ดดี้) ผู้ดูจริงจังแต่กลับมีหัวใจอ่อนโยน, วัต (อลัน ทูดิ๊ก) หนุ่มเลือดร้อน
นี่คือเรื่องราวไร้กาลเวลาของวิลเลี่ยม ชายหนุ่มผู้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง เอาชนะหัวใจของหญิงสาวแสนสวย และจัดการเขย่าโลกยุคกลางของเหล่าอัศวิน
คุณธรรม และ ข้อคิดจากภาพยนตร์
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มีฉากต่างๆที่สะท้อนถึงคุณธรรม และ คุณค่าที่ตัวละครเอกได้แสดงให้ผู้ที่ได้รับชมเห็นเป็นที่เข้าใจว่าคุณธรรมดังกล่าวมีความสำคัญ และตัดสินว่าผู้ที่มีและไม่มีคุณธรรมดังกล่าวนี้ เป็นคนเช่นไร ยกตัวอย่างจากฉากในภาพยนตร์ ฉากที่วิลเลี่ยมแข่งขันการประลองด้วยทวนกับอัศวินท่านหนึ่งที่ใช้นามแฝงว่า คอลวิลล์ ซึ่ง วิลเลี่ยมได้ใช้ทวนพุ่งเข้าชนคอลวิลล์จนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นที่ไม่สามารถดำเนินการประลองต่อได้โดยที่การแข่งขันยังไม่เสร็จสิ้น คอลวิลล์จึงไปบอกกับวิลเลี่ยมว่าตนไม่สามารถแข่งขันได้อีกต่อไปในการประลองครั้งนี้ และบอกกับวิเลี่ยมว่าตนไม่เคยถอนตัวออกจากการประลอง แต่ยังปรารถนาที่จะรักษาเกียรติของตนอยู่ วิลเลี่ยมจึงตัดสินใจที่จะให้การประลองมีผลออกมาแบบไม่มีผู้ชนะและผู้แพ้ นั่นคือ เสมอกัน จะเห็นได้ว่า ในฉากนี้วิลเลี่ยมได้แสดงความเมตตากรุณา และ ความเห็นอกเห็นใจแก่คอลวิลล์ซึ่งจริงๆแล้วเป็น เจ้าชาย หรือ ทายาทของราชวงศ์อังกฤษ ในขณะที่เคานต์แอดฮีมาร์ เห็นความเมตตาที่วิลเลี่ยมได้แสดงให้แก่คอลวิลล์เป็นความอ่อนแอมากกว่าคุณธรรม หรือไม่ว่าจะเป็นฉากที่วิลเลี่ยมได้ช่วยชีวิตเจฟจากการถูกฆ่าโดยผู้ที่เจฟติดเหนี้จากการแพ้พนัน วิลเลี่ยมสัญญากับผู้ที่จะฆ่าเจฟว่าจะไถ่หนี้ให้เจฟ เจฟจึงรอดตัวออกมา ในทั้งสองกรณีดังกล่าว ทั้งคอลวิลล์และเจฟได้ตอบแทนวิลเลี่ยมด้วยการช่วยเหลือวิลเลี่ยมในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือ
คุณธรรมหรือข้อคิดสำคัญอีกประการหนึ่งที่ผมอยากจะนำเสนอ คือ ความเชื่อมั่นในตัวเอง ความมุ่งมั่น และ การไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆในชีวิต เพื่อที่จะบรรลุความฝันของตนให้ได้ เป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้เป็นที่น่าชมและติดตามอยู่เรื่อยๆ ตัวอย่างของคุณธรรมดังกล่าวอยู่ในฉากที่วิลเลี่ยมได้รับเงินจากการชนะการแข่งขันการประลองด้วยทวนครั้งแรก ด้วยการที่แอบแฝงเป็นอัศวินท่านอื่น เมื่อได้รับเงินก้อนนั้นมา สหายของวิลเลี่ยมอีกสองคนบอกกับวิลเลี่ยมว่าให้แบ่งเงินก้อนนั้นเพื่อที่ต่างคนจะได้กลับบ้านไปหาอาหารเข้าท้อง แต่วิลเลี่ยมมองการไกลกว่านั้น วิลเลี่ยมกลับพลิกเหตุการณ์นี้ให้เป็นโอกาสที่จะนำไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าที่ตนและสหายมีอยู่ในขณะนั้น เขาตัดสินใจจะตามล่าฝันของตนที่จะเป็นอัศวินอย่างไร้ความกลัวและความท้อแท้
โดยสรุปแล้ว ข้อคิดที่เห็นได้อย่างชัดเจนและมีคุณค่า คือ ความเมตตากรุณาของวิลเลี่ยมที่มีให้แก่ผู้นั้นได้ให้คุณแก่ตัวเขาเป็นผลตอบแทน โดยเฉพาะในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือ เขาได้รับการตอบแทนด้วยความรัก การดูแล และ ความเป็นห่วงเป็นใยจากเพื่อนๆ และคุณธรรมอีกประการหนึ่ง คือ ความกล้าหาญที่วิลเลี่ยมมีในการตามล่าความฝันของตน และ ความกล้าหาญในการช่วยเหลือผู้อื่นโดยที่ตนต้องเป็นผู้สรรหาความสุขมาให้ กล่าวคือ กล้าที่จะเป็นผู้รับผิดชอบ คุณธรรมที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้คนๆหนึ่งสูงส่ง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่แท้จริงของความเป็นอัศวินนั่นเอง