ดูหนัง Jimi All Is By My Side จิมมี่ เฮนดริกซ์ ตำนานร็อคไม่มีวันตาย เต็มเรื่อง

Jimi All Is By My Side จิมมี่ เฮนดริกซ์ ตำนานร็อคไม่มีวันตาย

สารคดีชีวประวัติมือกีตาร์ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งตลอดกาลฝีมือเขียนบทและกำกับของ John Ridley ผู้มีเครดิตจากงานเขียนบทหนัง 12 Years a Slave และวรรณกรรมอีกหลายเรื่อง ครอบคลุมเรื่องราวของจิมีตั้งแต่ถูกค้นพบโดย Linda Keith แฟนของ Keith Richard แห่ง The Rolling Stones ในขณะนั้น จนถึงช่วงก่อนจะไปแสดงที่ Monterey ซึ่งฉากปิดท้ายคือโชว์ที่ Saville Theatre ซึ่งจิมี "บังอาจ" เล่นเพลง Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band ต่อหน้าผู้ชมกิติมศักดิ์อย่าง Paul McCartney แต่กลายเป็นว่าพอลภูมิอกภูมิใจกับเหตุการณ์นั้นมากจนทุกวันนี้ยังต้องเล่นเพลงทริบิวท์ให้จิมีในทุกโชว์


 

Shade of Likes

1. Andre Benjamin จากวง Outkast ผู้แสดงเป็น Jimi Hendrix ปกติการนำเอาเรื่องราวของบุคคลที่เป็นระดับ Icon มาขึ้นจอ โดยเฉพาะชีวิตของเขาแวดล้อมไปด้วยเหล่าเซเลปที่ใครๆ ก็คุ้นหน้าค่าตาเป็นอย่างดี ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก แต่ต้องถือว่าทีมจัดหานักแสดงทำได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะ Jimi ซึ่งแรกๆ อาจดูไม่ชินตาเพราะทรงผมยังไม่ใช่แบบที่เราคุ้นเคย แต่หลังผ่านไปสักระยะ ทั้งหน้าตา ท่าทาง การพูดจา ยิ่งน่าเชื่อถือราวกับชมฟุตเตจชีวิตของตัวจริงเสียงจริง แถมแกยังโชว์การเล่นกีตาร์ด้วยมือซ้ายอย่างสมจริงอีกด้วย แม้ว่าเสียงกีตาร์ที่ได้ยินจริงๆ จะเป็นฝีมือของคนอื่นก็ตาม

2. ฉากเด็ดๆ จำลองเหตุการณ์จริงที่คอร๊อคต้องร้องซี๊ด อย่างเช่นเมื่อจิมีขอร้องให้ Chas ผู้จัดการไปบอกเอริค แคลปตัน ที่เพิ่งได้ฉายา "พระเจ้า" หมาดๆ ว่าขอแจมด้วย เอริคซึ่งกำลังจะขึ้นเวทีในนาม Cream ใจดีอนุญาติ จิมีขึ้นไปก็บอกทุกคนว่าจะเล่น Killing Floor แถมยังพูดอย่างโอหังว่า "เดี๋ยวสอนให้นะ" ว่าแล้วก็เริ่มบรรเลง ซึ่งเอริคแค่ได้ฟังโน้ตไม่กี่ตัวถึงกับถอดปลั๊กเดินลงจากเวทีเลย เรื่องจริงที่เคยอ่านคงไม่ต่างจากนี้มาก แต่มองย้อนกลับไป ผู้ชมจำนวนน้อยนิดที่อยู่ในนั้นช่างเป็นผู้โชคดีเหลือเกินที่ได้เป็นประจักษ์พยานต่่อเหตุการณ์ "พระเจ้ากลัวซาตาน" ครั้งนั้น

3. Imogen Poots ผู้แสดงเป็น Linda Keith แค่เห็นก็เพลินแล้ว แต่ความจริงเธอก็แสดงได้ดีมาก

Shade of Unlikes

1. เนื้อหา เอาเข้าจริงๆ กลับมีเรื่องเกี่ยวกับดนตรีไม่มากนัก เราไม่ได้ฟังเพลงอะไรของจิมีเลย แม้กระทั่งฉากบันทึกเสียงเพลง Hey Joe ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรก ก็ไม่มีเสียงเพลงให้ได้ยิน หนังบอกเราแค่จิมีเป็นมือกีตาร์ชั้นเซียนที่ขนาดเอริคยังยอมถอย แต่ด้านการเขียนเพลง หากไม่ทราบประวัติมาก่อนเราจะนึกไม่ออกเลยว่าจิมียิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร แม้กระทั่งลีลาบนเวทีก็แค่หอมปากหอมคอ เรื่องจริงคือเขาเผากีตาร์ตั้งแต่ก่อนไป Monterey แล้ว แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้สะท้อนมุมนั้น เราแค่ได้เห็นจิมีใช้ฟันกับเล่นไพล่หลังในฉากสุดท้าย แต่นั่นไม่น่าจะทำให้คนทั้งฮอลล์ต้อง stand up ovation ถ้าเราเคยเห็นการแสดงของ The Who มาก่อน

2. นิสัยของจิมีในภาพยนตร์ที่ทั้งโหดร้าย (ลงมือทำร้ายแฟนของตัวเองอย่างสาหัส) และเห็นแก่ตัว (ลินดาพยายามช่วยเหลือเขาทุกอย่าง แต่วันแรกที่เขาเดินทางไปถึงลอนดอนเขาก็พาผู้หญิงอื่นไปนอนโดยไม่แคร์ลินดาแม้แต่น้อย) ซึ่งไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง (แต่อาจจะจริงก็ได้) หนังอาจพยายามโยงว่ามันเป็นที่มาของการแสดงออกบนเวทีอันดุเดือด และเมื่อเขาลงไม้ลงมือกับแฟนที่ลอนดอน สาวอีกคนได้เตือนสติเธอว่าจิมีไม่รักใครนอกจากรักตัวเอง

Shade of Conclusion

Jimi: All Is by My Side จึงเป็นหนังที่ตอบโจทย์ในการจำลองเรื่องราวที่เราเคยอ่านเกี่ยวกับวงการเพลงในยุค 1966-67 แต่สะท้อนเพียงซีกหนึ่งในเรื่องราวของจิมี และอาจเป็นการสะท้อนที่บิดพริ้วไปบ้างตามจินตนาการของผู้กำกับ