หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น , หนังผจญภัย , หนังวิทยาศาสตร์ Sci-fi
เรื่องย่อ : ดูหนัง Max Steel (2016) คนเหล็กคนใหม่ เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ
Max Steel เป็นการพูดถึงเรื่องราวเหลือเชื่อของ แม็กซ์ แมคเกรธ (Max McGrath) เด็กหนุ่มวัย 16 ปี ที่ค้นพบพลังพิเศษที่หลับไหลในตนเอง จนได้พบกับ สตีล (Steel) เพื่อนเอเลี่ยนตัวจ้อยบินได้ ซึ่งอ้างว่าตัวเองถูกส่งมา เพื่อช่วยดูแลและสอนเขาควบคุมพลังที่พ่อของเขาเป็นผู้สร้างขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยร้ายบางอย่าง
แม็กซ์ค่อยๆ ฝึกฝนเตรียมความพร้อมตัวเอง จนสามารถใช้งานเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างชุดเกราะเทอร์โบ (Turbo) ที่มาพร้อมความแข็งแกร่งและพลังมหาศาลไม่เหมือนใคร ขณะที่ N-Tex หน่วยงานลับเกี่ยวกับการควบคุมพลังงาน โดยอาของแม็กซ์ได้ยื่นมือเข้ามา แต่นั่นก็มาพร้อมการปรากฏตัวของ The Ultralink ศัตรูร้ายที่ปรากฏตัวขึั้น เพื่อทำลายโลกใบนี้
IMDB : tt1472584
คะแนน : 4.6
รับชม : 4354 ครั้ง
เล่น : 1554 ครั้ง
เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนแอนิเมชันที่ชื่อชั้นไม่ธรรมดาเมื่อครั้งยังเป็นการ์ตูนแนว superhero ทางช่อง Cartoon Network และซีรีย์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งแฟนการ์ตูนบ้านเราคงได้เคยเห็นหน้าค่าตากันไปบ้าง (โดยเฉพาะคนสะสมฟิกเกอร์) จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่ Max Steel (คนเหล็ก คนใหม่) จะถูกจับมาทำเป็นภาพยนตร์คนแสดงกันเสียที หลังจากที่โปรเจ็กต์ภาพยนตร์เรื่องนี้ตกเป็นข่าวว่าจะสร้างออกมาตั้งแต่ปี 2009 โน่นแล้ว
ตัวหนังเป็นเรื่องราวของ แม็กซ์ แมคเกรธ เด็กหนุ่มวัย 16 ที่อาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพัง ได้ย้ายที่อยู่กลับมายังเมืองเล็กๆ โดยวันหนึ่งเขาก็ค้นพบพลังงานวิเศษที่ซ่อนเร้นในตัว ก่อนจะได้พบกับหุ่นยนต์เอเลี่ยนลึกลับจากนอกโลกที่ชื่อ ‘สตีล’ ซึ่งอ้างว่าถูกส่งมาเพื่อสอนการควบคุมพลังมหาศาลในตัวของแม็กซ์ที่พ่อของเขาได้ถ่ายทอดทิ้งไว้ให้เพื่อใช้รับมือกับเอเลี่ยนตัวฉกาจนามว่า ‘อัลตราลิงค์’ ซึ่งมีเป้าหมายจะยึดครองโลก ทำให้ แม็กซ์ และ สตีล ได้ผนึกกำลังกันเป็น Max Steel คนเหล็กที่มาพร้อมกับชุดเกราะเทอร์โบอันเต็มไปด้วยพลังมหาศาล
Max Steel มีโจทย์สำคัญอยู่ที่การตามหาสาเหตุการตายปริศนาของพ่อของแม็กซ์ ซึ่งคนรอบตัวแม็กซ์รวมทั้งแม่ของเขาก็ไม่เคยบอกความจริงในเรื่องนี้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่เป็นเส้นเรื่องหลักของหนังเรื่องนี้
Max Steel เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย เพราะส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ ตั้งแต่ทีเซอร์ยันชื่อหนังภาษาไทย! ซึ่งภาพรวมของมันก็ดำเนินไปตามแบบสไตล์หนังสเกลเล็กทั่วไป การปะติดปะต่อเรื่องในช่วงแรกๆ ยังเหวอๆ หลวมๆ การปูเรื่องก็เบาบาง รวมทั้งการแสดงของ เบน วินเซล ที่ยังใหม่ด้วยกับแวดวงจอเงิน ในช่วงเริ่มต้นมันเลยยังดูแล้วไม่ไหลลื่น อันนี้ที่สังเกตชัดๆ หน่อยคือจะเป็นเรื่องแววตาและการเค้นอารมณ์ยังส่งไปไม่ถึง อย่างการพบกับ สตีล หุ่นยนต์เอเลียนครั้งแรกในฐานะเด็กหนุ่ม แต่เขาถ่ายทอดความตื่นเต้นตกใจออกมาแล้วมันไม่ให้เรารู้สึกเชื่อว่าเขากำลังตื่นเต้นตกใจจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น พอถึงคิวหลังๆ ตั้งแต่กลางเรื่องมาก็เหมือนว่าจะเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น แม้ว่าถ้าพูดตามตรงแล้ว เบน อาจไม่ได้มีเสน่ห์ออร่าโดดออกมาแบบเดียวกับ แอนดรูว์ การ์ฟิว หรือ ไชอา เลอบัฟ กับบทบาทคล้ายๆ กันนี้ใน Spider man หรือ Transformer
อย่างไรก็ตาม Max Steel ก็ยังมีจุดน่าสนใจตรงที่มันทำได้ดีในพาร์ทแอ็คชันโดยเฉพาะเจ้าหุ่นยนต์ สตีล นี่ผมถือว่ามันเป็นตัวชูโรงชงรสให้หนังน่าดูมากขึ้นเยอะ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือฉากซีจีในเรื่องนี้ทำได้โดดเด่นเนียนตาออกนอกหน้าชนิดที่คุณต้องนึกถึงมันเป็นข้อดีข้อแรกๆ ของหนังเรื่องนี้เลย มันเลยส่งให้ชุดเกราะเทอร์โบอันลือลั่นดูเนี๊ยบและเท่ดึงความเป็น superhero ออกมาได้เยี่ยม และมันก็เป็นจุดสำคัญที่หนังแอ็คชัน-ไซไฟชั้นดีควรมีเสียด้วย ส่วนนี้เรียกคะแนนกลับมาได้พอสมควร
นอกจากนี้ ตั้งแต่กลางเรื่องเป็นต้นไป หนังเริ่มเดินเรื่องได้น่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะปมการตามหาความจริงในการตายของพ่อของแม็กซ์ รวมทั้งการเฉลยศัตรูที่แท้จริงในเรื่องทำได้ดูตื่นเต้น แม้จะมีสะดุดไปบางช่วงที่มีความเนือยเข้ามาเป็นระยะ และแอบเสียดายกับบทของนางเอก โซเฟีย (อนา วิลลาเฟน) ที่แทบจะไม่มีบทบาทสำคัญในเรื่องเลย แต่รวมๆ แล้วหนังเดินเรื่องกระชับ รวดเร็ว พล๊อตหนังอาจจะก๊องแก๊งแต่ดูไปดูมาก็เริ่มสนุกเกินคาด ไม่ต้องง่วงเหงาหาวนอน คล้ายกับว่าผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โยสท์ (Thor: The Dark World) เองก็อยากให้ถึงช่วงบู๊เร็วๆ กันเสียทีเหมือนกันแหละ
จากช่วงท้ายของ Max Steel พอจะเดาได้ว่าอาจมีภาคต่อ ถ้าหากมองมันเป็นสินค้า มันก็ยังมีความเท่ของชุดเกราะเทอร์โบ และเจ้าหุ่นยนต์ สตีล ให้ขายต่อเป็นแฟรนไชส์ได้ไม่เคอะเขิน สรุปว่ามันเป็นหนังแอ็คชันไซไฟที่เด็กดูง่าย ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ถ้าเป็นผู้ใหญ่โตมาหน่อยก็ดูแก้เซ็งครั้งเดียวจบ แยกย้ายกลับบ้านนอน เป็นหนังสนุกๆ เรื่องหนึ่งที่มอบความสุขให้วันนี้ แล้วอีกไม่กี่เดือนคุณก็ลืม