หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังสยองขวัญ
เรื่องย่อ : ดูหนัง Arbat (2015) อาบัติ เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ อาบัติ ภาพยนตร์ผีระทึกขวัญ ผลงานสร้างเรื่องล่าสุดของ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” เขียนบทและกำกับโดยผู้กำกับหญิงหน้าใหม่น่าจับตามอง “ฝน-ขนิษฐา ขวัญอยู่” (หนังสั้นเรื่อง “เวลา…รัก” ของเธอเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่อง “ความจำสั้น แต่รักฉันยาว”) “ซัน” เด็กหนุ่มวัย 19 ปีผู้เอาแต่ใจตนเอง ไม่สนใจใคร และใช้ชีวิตคึกคะนองอย่างสุดขั้ว เขาจึงถูกพ่อบังคับให้มาบวชเณรเพื่อดัดนิสัย การบวชอย่างไม่เต็มใจ ไร้ศรัทธา และด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจว่าตนเองทำผิดอะไรนักหนา จึงทำให้ซันยังคงใช้ชีวิตเหมือนปกติทั่วไปแม้จะอยู่ในผ้าเหลืองแล้วก็ตาม รวมถึงการแอบคบหากับ “ฝ้าย” สาววัยรุ่นท้องถิ่นผู้โหยหาในความรักซึ่งเหมือนเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวที่ทั้งคู่มีให้แก่กันและเชื่อมั่นว่าไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด ทุกการกระทำที่ท้าทายการอาบัตินี้ Arbat อาบัติ ทำให้เณรซันต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ลึกลับชวนขนหัวลุกที่ถูกปกปิดไว้ภายในวัด ทั้งเรื่องราวความสัมพันธ์ของสีกากับพระ, การเผชิญหน้ากับผีเปรตที่ตามมาขอส่วนบุญและทวงคืนชีวิตที่ต่างเชื่อมโยงกันอย่างคาดไม่ถึง รวมทั้งความผิดที่เขากำลังวิ่งหนี ก็เข้ามาตอกย้ำให้เขาต้องชดใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นตามสยอง…
IMDB : tt5365042
คะแนน : 6.9
รับชม : 25032 ครั้ง
เล่น : 10719 ครั้ง
เป็นที่ถกเถียงมานมนานตั้งแต่เทรลเลอร์ “อาบัติ” ถูกปล่อยออกมาใหม่ๆ ว่าบังควรหรือไม่บังควร ดูหมิ่นหรือทำลายศาสนาหรือไม่ อย่างไร แล้วมิหนำซ้ำ ต่อมา ก่อนการฉายรอบสื่อมวลชนเพียงหนึ่งวัน หนังก็ถูกกระทรวงไดโนเสาร์ถอดออกจากโปรแกรมฉายอย่างกะทันหันสายฟ้าแล่บ จนเป็นกระแสโจษจันกันทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามทางค่าย “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” ซึ่งเป็นผู้ผลิต ก็ต่อสู้ใจขาดดิ้น จนในที่สุด “อาบัติ” ก็ได้กลับมาฉายตามปกติ รอบแรกคือรอบ 20.30 น. ของคืนวันที่ 16 ต.ค. (จากกำหนดการเดิมคือ 15 ต.ค.) โดยเนื้อหาล่อแหลมถูกตัดออกไปนิดหน่อย (แค่ 2-3 นาที และไม่ใข่เนื้อหาสำคัญต่อเส้นเรื่องมากนัก) เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “อาปัติ” และตั้งเรท 18+
ซัน (ชาลี ไตรรัตน์ หรือ แน็ค แฟนฉัน) เด็กหนุ่มเกเรวัย 19 ปี ถูกพ่อบังคับให้มาบวชเณรที่วัดต่างจังหวัดอย่างไม่เต็มใจ โดยมีหลวงพี่ทิน (กิก ดนัย จารุจินดา) เป็นเสมือนพระพี่เลี้ยงที่คอยดูแลเขาตั้งแต่วันแรก
ซันไม่อยากสุงสิงกับเณรรูปอื่น จึงขอพระอาจารย์ (หนุ่ม อรรถพร ธีมากร) ไปจำวัดอยู่กุฎิร้างท้ายวัด ที่นั่นห่างไกลจากผู้คน ไม่มีคนอยู่มานานแล้ว จะมีก็แต่คนบ้าประจำหมู่บ้าน (เอก สรพงษ์ ชาตรี) ที่แอบมานอนอยู่ใต้ถุนกุฏิและขโมยข้าววัดกิน
ต่อมา ซันได้รู้จักกับ ฝ้าย (พลอย ศรนรินทร์) เด็กสาวชาวบ้านที่อาศัยอยู่กับยาย ทั้งสองตกหลุมรักกัน ซึ่งนำพาพวกเขาไปสู่การพัวพันกับเหตุการณ์ลึกลับที่ถูกปกปิดไว้ภายในวัดมานานนับปี ทั้งเรื่องราวความสัมพันธ์ของสีกาพิน (พิม พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) กับพระภิกษุในวัด, การเผชิญหน้ากับผีเปรตที่ตามมาขอส่วนบุญ, รวมถึง “กรรม” ที่พวกเขากระทำกันขึ้นมาเอง
เราเป็นชาวพุทธโดยกำเนิด แต่ก็ไม่ได้เคร่งครัดอะไรกับศาสนามาก เพราะเกิดมาก็มีคนระบุศาสนาให้ทันทีในใบแจ้งเกิดนั่นแหละ แล้วแต่เล็กจนโต ไลฟ์สไตล์เราก็ไม่ค่อยจะผูกพันกับวัดสักเท่าไหร่ ในส่วนของหลักธรรมคำสอนต่างๆ ก็ได้เรียนครั้งสุดท้ายในสมัยมัธยมตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ พอขึ้นมหา’ลัยแล้ว เราก็แทบไม่มีโอกาสได้สัมผัสหรือทบทวนอะไรพุทธๆ อีกเลย ดังนั้นสื่อต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้คนอย่างเราได้เข้าใกล้ศาสนาของตนเองบ้างนะ ไม่มากก็น้อย อืม เราคิดว่าอย่างนั้น…
เราก็เหมือนกับเด็กฝ้ายในเรื่องนะ ที่ลึกๆ แล้วก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีเปรตหรือบาปกรรมสักเท่าไหร่เพราะเราไม่เคยเห็นผีเปรตและไม่เคยเห็นบาปกรรม พอไม่เคยเห็น เราก็เลยยังไม่เชื่อ 100% แต่ถามว่า แล้วกลัวรึเปล่า… อืม ก็กลัวนะ… มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่เรามักจะกลัวในสิ่งที่เรามองไม่เห็น จริงมั้ย?
โดยรวมแล้ว เราคิดว่าหนังอาปัติสอนเรื่อง “กรรม” ทั้งรูปธรรมและนามธรรมให้ทั้งตัวละครและคนดูอย่างเราได้รู้แจ้งเห็นจริงในระดับหนึ่ง แถมยังดูเพลินๆ อีกต่างหาก ถือเป็นหนังไทยเรื่องหนึ่งที่บทดีเลยทีเดียว เรื่องราวปะติดปะต่อผูกกันโอเค ไม่มีช่องโหว่หรือจุดที่ไม่สมเหตุสมผลเลย ที่สำคัญเรื่องราวยังชวนคิดติดตามตลอดเรื่อง
ตามมาตรฐานหนังผีไทย พาร์ทผีในอาปัติจัดว่าน่ากลัวใช่หยอก ผีเปรตขอส่วนบุญออกไม่เยอะอย่างที่คิด แต่ผีอื่นๆ ที่ไม่รู้มาเพื่ออะไรนี่สิน่ากลัวและมาหาบ๊อยบ่อย สะดุ้งหลายช็อตเลย คืออาจจะด้วยซาวนด์ประกอบด้วยส่วนหนึ่งที่ชวนเราหลอนไปก่อนภาพ แต่ที่สนุกจริงๆ คือ เราสนุกที่ถูกหนังหลอก เดาเรื่องกันแทบไม่ถูกจนเลิกเดา หนังมันหลอกคนดูแล้วหลอกคนดูอีก บางฉากนี่สะดุ้งเป็นคลื่นอาฟเตอร์ช็อค
ส่วนที่เขาว่าตัดต่อใหม่ เราก็ไม่รู้นะว่าเขาตัดอะไรออก คาดว่าคงเป็นฉากล่อแหลมเกินงามระหว่างสีกากับชายผู้ห่มผ้าเหลือง อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูมาจนจบเรื่อง เราก็ไม่ติดขัดหรือรู้สึกว่ามีอะไรขาดหายไป มีแต่ความรู้สึกเล็กๆ ว่า เรื่องยังเบาไปหน่อย ไม่หนักอย่างที่คาดสักเท่าไหร่
คือเราดูหนังฝรั่งมาก็หลายเรื่อง อาปัติจัดว่ามีความรุนแรงหรือความล่อแหลมน้อยมาก นี่ยังไม่เข้าใจเลยว่าจุดไหนที่มันร้ายแรงมากถึงขั้นต้องจ้องจะแบนกันท่าเดียวแต่ทีแรกเชียวหรือ แต่เอาจริงๆ นะ ไดโนเสาร์ควรให้ประชาขนได้รับข้อมูลต่างๆ หลายๆ ด้าน หรือหลายๆ มุมมองบ้าง ไม่จำเป็นต้องป้อนแต่อะไรสวยๆ ปลอมๆ ให้พวกเราเสมอไปก็ได้ นี่มันยุค 2015 แล้ว
อย่างที่เข้าใจได้ ด้วยปัจจัยภายนอกที่มาจำกัดศักยภาพของหนัง #คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ทำให้หนังยังไม่สามารถนำเสนอเรื่องราวทางศาสนาได้เต็มที่ กล่าวคือโชว์ process ณ ขณะกระทำผิดไม่ได้ โชว์ได้แต่ผลลัพธ์หรือ negative effects ที่เกิดจากการกระทำนั้นๆ ผลออกมามันเลยยังพีคได้ไม่ค่อยสุด คนดูก็ยังอินได้ไม่มากเท่าที่ควร บอกเลยว่า น่าเสียดายบทดีๆ นักแสดงดีๆ และภาพสวยๆ ในหนังแทนจริงๆ
โดยสรุป ความรู้สึกส่วนตัว ณ ขณะที่ดูและหลังดูอาปัติจบแล้ว เราว่านี่เป็นหนังไทยคุณภาพเรื่องหนึ่งที่คนไทยหรือชาวพุทธทุกคนควรดูเลยแหละ ถ้าไม่สนับสนุนหนังแบบอาปัติแล้วล่ะก็ ประเทศไทยคงมีแต่หนังรักกุ๊กกิ๊กหรือหนังแต๋วแตกแหกนะยะผลิตออกมาให้คนไทยบริโภคเพื่อความบันเทิงไปวันๆ อย่างเดียวจนเอียนไส้
เราคิดว่าอาปัติจัดว่าโอเคเลยสำหรับหนังไทยที่ถูกจำกัด creativity นี่นั่นโน่นโดยชมรมไดโนเสาร์ขนาดนี้ ควรสนับสนุนให้มีหนังแนวสะท้อนความจริงของสังคมแบบนี้ออกมาอีกเรื่อยๆ จรรโลงสังคมดี ไม่ทำลายสักกะนิด ไปดูเถอะไปดู
สำหรับเรื่องนี้ คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7/10