ต้องยอมรับเลยว่าส่วนตัวค่อนข้างตื่นเต้นตอนที่เห็นทาง สหมงคล ได้ประกาศสร้าง ต้มยำกุ้ง 2 เพราะส่วนตัวเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังคุณ ปรัญชา และชื่นชอบในภาคแรกมากพอสมควร ถึงแม้ว่าตัวบทหนังจะจบลงแค่เพียงในเรื่องเดียวแล้วก็ตาม แต่ว่าก็ยังคาดหวังที่จะได้เห็นอะไรที่เป็นแนวเล่นเกมส์ตะลุยด่าน + ความมันส์ในสไตล์มวยไทยอยู่เช่นเคย และวันนี้หนังเรื่องนั้นก็เข้าฉายแล้วเรียบร้อย
เมื่อสาเหตุการฆาตกรรมของเสี่ยสุชาติเจ้าของ ปางช้างผู้กว้างขวาง คือการถูกกระแทกเข้าอย่างจังในจุดตาย 3 แห่งโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้มัดตัว ไอ้ขาม (จาพนม ยีรัมย์) เนื่องจากเขาเป็นคนสุดท้ายที่ถูกพบอยู่ในที่เกิดเหตุกับผู้ตาย เขาจึงต้องหลบหนีจากการจับกุม และการตามล่าเพื่อทวงแค้นจากหลานสาวฝาแฝดของเสี่ยสุชาติ (จีจ้าญาณิน วิสมิตะนันทน์ และธีรดา กิตติศิริประเสริฐ ) แต่โชคยังเข้าข้างเมื่อระหว่างการหลบหนี ขามได้รับการช่วยเหลือจากจ่ามาร์ค(หม่ำ จ๊กม๊ก) ตำรวจสากลที่ถูกส่งมาจากซิดนีย์เพื่อจัดการภารกิจบางอย่างเกี่ยวกับนักฆ่าปริศนานามว่า นัมเบอร์ซีโร่
ในตัวหนังภาคต่อนี้ยังคงกำกับโดย ปรัญชา ปิ่นแก้ว พร้อมด้วยการร่วมกันออกแบบคิวบู๊จากคุณ พันนา ฤทธิไกร แถมยังมีคุณ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ มารับหน้าที่เขียนบทหนังให้กับเรื่องนี้ด้วย โดยตัวหนังนั้นมาพร้อมกับบทพื้นฐานดาดๆแบบที่หนังแอ็คชั่นเรื่องนึงจะมี และขายความมันส์เป็นหลักคล้ายกับหนังเรื่อง The Raid จากทางอินโดนีเซีย ซึ่งตัวหนังตัดเรื่องความสมเหตุสมผลของปมปัญหาที่สร้างขึ้น พร้อมรีบเร่งเข้าเรื่องให้เร็วที่สุดไม่ต่างอะไรจากภาคแรก เพียงแต่ว่าที่น่าเสียดายในครั้งนี้มันไม่ได้มีความสนุกร่วมไปกับการตามหาช้างของ ไอ้ขาม อีกต่อไปแล้ว
เพราะในส่วนนึงนอกจากการที่ตัวหนังพยายามจะขยายเรื่องราวตัวบทที่ไม่มีอะไร ให้ดูมีอะไรขึ้นมา จนทำให้เสียเวลาไปมากพอสมควร มันยังกลายเป็นว่าการผจญภัยครั้งนี้ของไอ้ขาม ไม่ได้มีความน่าโดดเด่น หรือมีเอกลักษณ์ของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่ภาคแรกตัวหนังยังสร้างอารมณ์ให้ความอารมณ์เหมือนคนดูกำลังเล่นวีดีโอเกมส์ พร้อมกับเจอนักสู้เก่งๆ ที่มีลักษณะเท่ๆ ทั้งนักดาบ กังฟู แต่ใน ต้มยำกุ้ง ภาคนี้กลับมีแค่ คนธรรมดา ที่เตะต่อยเก่งจนขาดความน่าสนใจในด้านนี้ไป แถมหนำซ้ำทุกฉากแอ็คชั่นยังรู้สึกเหมือนว่าตัวหนังพยายามจะยัดทุกอย่างเข้ามาเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นมันจะไม่มีเหตุผลมารองรับเท่าไหนก็ตาม เช่นตัวอย่างฉากสู้ฉากนึง ที่อยู่ๆก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล
ซึ่งในขณะเดียวกันด้านของฉากแอ็คชั่นเรื่องนี้ ที่เต็มไปด้วยลีลาเสี่ยงตายเช่นเคย ก็ถือว่าพอออกแบบมาได้ไม่น่าเกลียด ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ จา พนม ต้องสู้กับแก๊งค์เด็กแว๊น หรือแม้แต่ฉากเจอกับ มาร์รีส ครัม ก็สามารถออกแบบคิวบู๊ได้สด และ น่าสนใจ ถึงแม้จังหวะที่ตัวหนังเลือกจะใส่เข้ามาอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร
ส่วนในด้านระบบ 3D ที่เป็นลูกเล่นใหม่ของตัวหนังนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นความน่าสนใจอย่างนึงของตัวหนัง ที่มันสามารถถ่ายทอดออกมาในระบบนี้อย่างดีพอสมควร มีความตื้น ลึก หนา บาง อย่างชัดเจน ถ้าหากมองข้ามด้านของระบบ CG ที่อาจจะทำให้ขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่วิธีมุมมองการถ่ายภาพในแต่ละฉากแอ็คชั่น ที่เล่นกับสายตาคนดู ก็สามารถเล่นได้อย่างไม่มากจนเกินไป แต่ก็ไม่น้อยจนเกินไปด้วย โดยเฉพาะฉากสู้บนดาดฟ้ากับเด็กแว๊น ที่มุมกล้องโชว์ระบบ 3D วางโชว์ประสิทธิภาพของตัวหนังได้กำลังดีสำหรับฉากเปิดตัว
โดยในด้านนักแสดง และ บทพูด ของภาคนี้ ที่หลายคนบอกว่า จา พนม ในภาคแรกไม่ค่อยได้บทพูดนั้น เขาก็จัดมาให้เต็มที่ แต่ในขณะเดียวกันตัวละครใหม่ของเรื่องอย่างตัวละครของ จีจ้า กลับได้บทพูดน้อยๆไปแทน และเน้นลีลาการต่อยอย่างเดียวซะอย่างงั้น ซึ่งโดยสรุปแล้วถ้าหากถามว่าดู ต้มยำกุ้ง 2 เอามันส์ได้ไหม มันก็น่าจะดูเอามันส์ได้ในระดับนึงทีเดียว ซึ่งมันก็ยังไม่แย่เท่ากับ องค์บาก 2 และ 3 แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ดีเท่าภาคแรกครับ