หมวดหมู่ : หนังแอคชั่น
เรื่องย่อ : ดูหนัง ตำนานสมเด็จพระนเรศวร มหาราช 5 เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ
ในปีพ.ศ.2129 พระเจ้านันทบุเรงทรงแค้นเคืองที่ต้องปราชัยต่อสมเด็จพระนเรศฯอย่างย่อยยับ ทั้งต้องเสียไพร่พลและพระสิริโฉม จึงระบายความแค้นนั้นไปที่องค์พระสุพรรณกัลยา เมื่อสมเด็จพระมหาธรรมราชาพระราชบิดาทราบความก็ให้โทมนัสด้วยสำนึกว่าชะตากรรมของพระราชธิดาและแผ่นดินอยุธยาที่ถูกกระทำการย่ำยีก็ด้วยเพราะพระองค์ทรงแปรพักตร์ไปเข้าข้างศัตรู จนตรอมพระทัยเสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศฯจึงเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติครองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อจากพระราชบิด
ข่าวการผลัดแผ่นดินของอยุธยารู้ไปถึงพระเจ้านันทบุเรง พระองค์สำคัญว่าราชอาณาจักรสยามจะไม่เป็นปกติสุขเป็นช่องชวนชิงเชิงจึงโปรดให้มังสามเกียดอุปราชเจ้าวังหน้ากรีฑาทัพไปตีกรุงศรีอยุธยาอีกคำรบ ข้างสมเด็จพระนเรศฯทรงโปรดให้พระราชมนูแต่งพลเป็นทัพหน้าขึ้นไปดูกำลังข้าศึกถึงหนองสาหร่าย ทัพหน้าพระราชมนูปะทะเข้ากับทัพพม่าถึงขั้นตะลุมบอน แต่กำลังข้างพระราชมนูน้อยกว่าจึงแตกพ่ายถอยลงมาเป็นอลหม่าน สมเด็จพระนเรศฯทราบความจึงออกอุบายให้ทัพข้าศึกไล่เตลิดลงมาจนเสียกระบวนแล้วจึงทรงนำกำลังออกยอทัพข้าศึก ครั้งนั้นช้างทรงของสมเด็จพระนเรศฯ นามเจ้าพระยาไชยานุภาพ และช้างทรงของสมเด็จพระเอกาทศรถคือเจ้าพระยาปราบไตรจักรต่างตกน้ำมัน วิ่งร่าเบกพลฝ่าเข้าไปในทัพพม่ารามัญกลางวงล้อมข้าศึกและหยุดอยู่หน้าช้างพระมหาอุปราชา สมเด็จพระนเรศฯ จึงประกาศท้าพระมหาอุปราชแห่งหงสาให้ออกกระทำยุทธหัตถีเป็นพระเกียรติยศแก่แผ่นดิน ด้วยขัตติยมานะพระมหาอุปราชาก็ไสพระคชาธารออกทำคชยุทธด้วยสมเด็จพระนเรศฯ ขณะที่มังจาปะโร พระพี่เลี้ยงองค์สมเด็จพระมหาอุปราชได้ออกทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระเอกาทศรถสัประยุทธ์กันเป็นสองคู่ สู่มหาศึกคชยุทธ์ที่มีแผ่นดินเป็นเดิมพัน
IMDB : tt3175452
คะแนน : 5.8
รับชม : 15875 ครั้ง
เล่น : 5793 ครั้ง
สวัสดีครับ เมื่อวานนี้ ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทยเรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยุทธหัตถี" ในรอบสื่อมวลชน ก็ต้องขอขอบคุณทาง สหมงคลฟิล์ม และพร้อมมิตรโปรดักชั่น มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
หนังไทยเรื่องนี้ น่าจะเป็น 1 ในหนังภาคต่อที่คนไทยรู้จักดีมากที่สุด เพราะตั้งแต่ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช องค์ ประกันหงสา เริ่มออกฉายในปี 2550 หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้ว หนังเรื่องนี้ก็ยังมีภาคต่อ (ที่หลายคนมักจะถามกันว่า จะจบหรือยัง) คือ ประกาศอิสรภาพ(2550) ยุทธนาวี(2554) ศึกนันทบุเรง(2554) และจนถึงภาคล่าสุด ยุทธหัตถี(2557) และเป็นภาคที่ถูกเลื่อนการฉายมามากที่สุด จนจะเข้าฉายจริงวันที่ 29 พฤษภาคม 2557 นี้
จากตัวอย่างหนังที่ออกมา ขอบอกตามตรงว่า ดูไม่น่าตื่นเต้นเท่าที่ควร (หรืออาจจะชินไปแล้ว) กับหนังแนวสงครามประวัติศาตร์ชาติไทย ที่มีมาจนถึงภาคที่ 5 และ ฉากยุทธหัตถี ที่ปรากฏมาในตัวอย่างนั้น ดูหลอกตาแปลกๆ ก็ยิ่งให้น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่งว่า ในยุคนี้ (2557) ถ้ายังมี CG ที่ดูด้อยในคุณภาพหลุดออกมา ก็คงจะดูแย่หนักกว่าในปีที่หนังเข้าฉายปีแรก (2550) ไปมากเลยทีเดียว
ช่วงแรก หนังย้อนเรื่องราวของภาคที่แล้วให้เราได้รับรู้นิดหน่อย ซึ่งช่วยได้เยอะพอสมควร แต่ตัวหนังก็ดูเรื่อยๆ ออกแนวดราม่า จนพอถึงฉากรบในช่วงแรก ค่อยดูตื่นตาตื่นใจขึ้นมาบ้าง
ช่วงกลาง ช่วงนี้จะเน้นไปทางดราม่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก คู่รัก สัตว์เลี้ยง เนื้อเรื่องเดินไปเรื่อยๆตามประวัติศาตร์ ก็พอดูได้ไม่ถึงกับเบื่อ มีหลายฉากที่ดูน่าสนใจในแง่มุมของประวัติศาสตร์ ว่าสมัยก่อนเขาทำกันแบบนี้หรือ ถ้าใครชอบประวัติศาสตร์ คงจะถูกใจ
ช่วงท้าย ฉากรบและยุทธหัตถี ต้องบอกก่อนเลยครับว่าผมรอฉากนี้มาตั้งแต่ดูภาคแรก และเชื่อว่าหลายๆคนก็คงรอดูเหมือนกัน ที่สำคัญ ฉากนี้ในตัวอย่างหนังดูไม่ค่อย OK แต่พอมาอยู่ในหนังจริง บอกเลยครับว่า ทั้งที่รู้ว่าจะจบอย่างไร แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ และความกลัวว่าฉากนี้จะไม่สมจริงนั้นหมดไปเลยเมื่อได้ดู ผมรู้ว่าฉากนี้มีการใช้เทคนิค Motion Capture กับช้าง (เทคนิคเดียวกับที่ Avatar ใช้) เพื่อให้ช้างชนกัน สู้กัน ได้เต็มที่และสมจริง แต่ขอบอกเลยว่าสำหรับผม มันเนียนตาและผ่านได้สบายเลยครับ
ช่วงจบ เชื่อว่าทุกคนคงจะมีคำถามว่า ลืมอะไรไปหรือเปล่า ตรงนี้มีข่าวลือมาว่าจะมี ภาค SPIN-OFF ของบางตัวละครสำคัญ แต่สำหรับผม การได้ดูฉากยุทธหัตถีนั้นก็เพียงพอแล้ว
เรื่องเทคนิคการถ่ายทำ ดูเหมือนจะมีผลจากการที่โรงถ่ายและห้องทำ CG โดนไฟไหม้ และการนำฟิล์มที่ถ่ายทำไว้ตั้งแต่ในช่วงภาคแรกมาผสมกับการถ่ายทำด้วยกล้องดิจิตอลในยุคหลัง ทำให้หลายอย่างดูแปลกๆ โดยเฉพาะโทนของสีภาพ แต่โดยรวมก็ไม่ได้สะดุดอะไร ส่วนระบบเสียงเป็นที่น่าเสียดายว่าผมไม่ได้ดูในโรงที่ฉายในระบบ Dolby ATMOS ซึ่งมีหนังเรื่องนี้ฉายด้วย และน่าจะเป็นหนังไทย Dolby ATMOS เรื่องแรก แต่ดูแปลกที่เสียงพูดในหลายฉาก ฟังไม่ชัดเจน แต่เสียง Effect ชัดเจนดี อาจเป็นผลจากการต้องนำเสียงในฟิล์มยุคเก่ามาผสานกับเสียงดิจิตอลยุคใหม่ รวมถึงการพากย์ทับบางส่วน
ด้านการแสดง มาถึงภาค 5 แล้ว การแสดงของทุกคนอยู่ในระดับที่ผ่านสบายๆ ทั้งหมด ที่โดดเด่นคงจะเป็นคุณจักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ ที่ต้องแสดงผ่านหน้ากากที่ไม่เห็นสีหน้า แต่เชื่อหรือไม่ว่าสามารถรับรู้ถึงอารมณ์ผ่านจากท่าทางและน้ำเสียงได้เลย ขอชื่นชมจริงๆครับ
สรุป - หนังเรื่องนี้ โดยรวมก็ยังสนุกสู้ภาค 1 และ 2 ไม่ได้ แต่มีฉากสำคัญคือฉากยุทธหัตถีที่ทำออกมาได้ดีและตื่นเต้น แค่ฉากนี้ฉากเดียว สำหรับผมหนังเรื่องนี้มีคุณค่าเพียงพอที่จะไปดู คนที่ศึกษาประวัติศาสตร์ช่วงนี้มา คงจะจินตนาการฉากยุทธหัตถีไว้แตกต่างกันไป ซึ่งหนังก็ทำออกมาได้ครบถ้วน สำหรับผม หนังเรื่องนี้เหมือนสารคดีประวัติศาสตร์ไทยที่เล่าเรื่องโดยใช้การแสดงมากกว่าจะเป็นหนังในรูปแบบที่ทั่วไปที่เราคุ้นเคย แนะนำง่ายๆครับ ถ้าอยากดูหนังที่มีองค์ประกอบโดยรวมสมบูรณ์ เรื่องนี้คงยังไม่ใช่ แต่ถ้าอยากดูยุทธหัตถี หรืออยากดูหนังประวัติศาสตร์ชาติไทย (ที่ไม่น่าจะมีการสร้างในทุนสร้างระดับนี้อีกแล้ว) ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง