หมวดหมู่ : หนังตลก , หนังดราม่า
เรื่องย่อ : ดูหนัง 50/50 (2011) ฟิฟตี้ ฟิฟตี้ ไม่ตายก็รอดวะ เต็มเรื่อง
อดัม (โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์) ชายหนุ่มที่ชีวิตเพียบพร้อมไปทุกอย่าง เขามี เรเชล (ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด) แฟนสาวที่เขารักมี ไคล์ (เซธ โรเกน) เพื่อนซี้จอมแสบที่เขาไว้ใจ อย่างไรก็ตาม อดัม ก็พบกับข่าวร้ายเมื่อตัวเองป่วยเป็นมะเร็ง ถึงแม้ว่าเขาจะอายุน้อยและรักษาสุขภาพเป็นอย่างดี ระหว่างการรักษา อดัม ก็ได้พบกับ เคธี่ (แอนนา เคนดริก) จิตแพทย์ที่ช่วยเขารับมือกับชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนแอ แต่ อดัม และ ไคล์ ก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยลองในชีวิต ซึ่งทำให้เขาเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เขามองข้ามมาโดยตลอด
IMDB : tt1306980
คะแนน : 7.6
รับชม : 1818 ครั้ง
เล่น : 539 ครั้ง
อดัม(Joseph Gordon-Levitt) คือชายหนุ่มที่รักษาเนื้อรักษาตัวอย่างดี แต่วันหนึ่งกลับพบว่าตัวเอง เป็นมะเร็งไขสันหลังซะงั้น และมีโอกาสรอดแค่ 50-50
ซึ่งพล็อตเรื่อง แบบนี้ผู้ชม อาจจะเดาได้ว่า คงเป็นหนังดราม่าเข้มข้น พาไปตรวจสอบสภาวะจิตใจและการดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งของตัวละคร
แต่ เรื่องนี้ ไม่ได้เป็นเช่นนั้น อาจจะจริงที่ประเด็นหลักของเรื่องคือการ ใช้ชีวิตอยู่อย่างไรถ้าเรารู้ว่าโอกาสรอดมีแค่ 50%
แต่หนังกลับนำเสนอแบบ คอเมดี้-ดราม่า สลับกันไป ความดราม่านั้นมีอยู่แล้วในตัวของมันเอง เพราะ การที่เราต้องใช้ชีวิิตอยู่ในสภาวการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ มันมีความดราม่าของมันอยู่แล้ว
แต่ความคอเมดี้ น่ะสิ ที่ถูกใส่เข้ามาพร้อมกับตัวละคร Kyle(Seth Rogen) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของอดัม แม้ดูอย่างผิวเผิน ความตายกับความตลก มันจะดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่
แต่คงไม่ใช่กับเรื่องนี้ เพราะมันกลับ สร้างความเฮฮา ขึ้นมาสลับ กับความดราม่า ของอดัมอยู่ตลอดเวลา และนี่คือจุดเด่นอย่างมาก เพราะความคอเมดี้ที่มาพร้อมกับ Kyle นี่แหละ ที่มันทำให้อดัม หรือผู้ชม ไม่รู้สึกดมดิ่งลงไปกับโรคมะเร็งจนเกินไป
และความคอเมดี้ ที่ถูกใส่มานี่แหละ มันก็ไม่ต่างกับพลังบางอย่าง ที่ทำให่อดัม รู้สึกอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป แม้ฉาบหน้าที่แสดงออกของเพื่อน อาจจะ มีแต่เรื่อง เที่ยว ดื่ม เสพกัญญา และเซ็กซ์ ที่หยิบยื่นให้กับอดัม ก่อนตาย
แต่เบื้องลึกๆจิตใจ ของ Kyle ก็มีความปราถนาดีกับอดัมอยู่เสมอ และความรู้สึกลึกๆ ทั้งหลายเหล่านี้นี่แหละ ที่หนังกำลังนำเสนอส่งเข้าไปในจิตใจของผู้ชม โดยไม่รู้ตัว ผ่านตัวละครหลากหลายทั้งครอบครัว และความรัก
แต่ใช่ว่าจะหนังจะละเลยความดราม่าส่วนที่หนังควรเป็น เพราะเชื่อเหลือเกินว่า ผู้ชมจะรู้สึก อินไปกับความเป็นความตาย ของอดัม ไม่มากก็น้อย (บางคนอาจซึ้งจนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว)
รีวิวนี้อาจจะเ้ข้าไปสำรวจ ทุกสิ่งทุกอย่างและตัวละคร ทั้งหมดไม่ได้ เพราะอยากเหลือพื้นที่ไว้ให้กับ ผู้ชมที่ยังไม่ได้ดู ภาพยนตร์เรื่องนี้
แต่อยากสรรสเสริญหนังเล็กๆ เรื่องนี้ว่า ความรู้สึกกลมกล่อมของความดราม่า และ คอเมดี้ ช่างผสมกันได้อย่างลงตัว จนเกิดอาการ ฟีล กู๊ด ทันทีที่ดูหนังจบ
เชื่อเหลือเกินว่า ผู้ชมจะได้รับแรงบันดาลใจบางอย่างที่ส่งมาจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ทำให้ชีวิตก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์และมีความหมาย
เป็นภาพยนตร์ที่น่ายกย่อง กินใจ และน่าซมซะเหลือเกินครับ