หมวดหมู่ : หนังดราม่า
เรื่องย่อ : ดูหนัง Pay It Forward (2000) หากใจเราพร้อมจะให้(ใจ) เราจะได้มากกว่าหนึ่ง เต็มเรื่อง
เป็นเรื่องราวของเทรเวอร์ แมคเคนนี่ (Haley Joel Osment) เด็กชายวัยสิบสองขวบที่อาศัยอยู่กับแม่ (Helen Hunt) ที่ติดเหล้าและไม่มีเวลาให้เขา
วันหนึ่ง..ในชั้นเรียนวิชาสังคมศึกษาของเด็กมัธยมต้น มิสเตอร์ยูจีน ซิมโมเน็ต (Kevin Spacey) ครูสอนวิชาสังคมศึกษาที่ย้ายมาใหม่ได้ให้การบ้านแก่เด็กๆ โดยให้นักเรียน "คิดวิธีที่จะทำให้โลกดีขึ้น" และให้นำไปปฏิบัติด้วย แล้วเด็กชายที่ชื่อเทรเวอร์ ก็คิดทฤษฎีหนึ่งขึ้นมาเพื่อที่อยากจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งรอบๆ ตัวเขาให้ดีขึ้น คือถ้าเขาช่วยคนสามคนและทั้งสามคนนั้นก็ไปช่วยใครอีกคนละสามคนต่อไปเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ก็จะมีคนทำความดีมากขึ้นเรื่อยๆ ทวีคูณ
IMDB : tt0223897
คะแนน : 7.2
รับชม : 818 ครั้ง
เล่น : 161 ครั้ง
เมื่อหลายปีก่อน ผมได้รับคำแนะนำจากเพื่อนผมคนหนึ่งให้ลองดูหนังเรื่องหนึ่งซึ่งได้รับคำชมในหนังเรื่องนี้ว่า “เป็นหนังที่ดีที่สร้างแรงบันดาลใจมาก” ผมก็รับฟัง แล้วก็ลองหาหนังเรื่องนี้มาดูจนได้ ซึ่งพอดูจนจบก็ได้พบสิ่งต่างๆ พรั่งพรูเข้าสู่สมองและจิตใจ ซึ่งผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังแบบคร่าวๆ แล้วก็สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้คืออะไรบ้าง…
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเด็กชายประถมปลายคนหนึ่งที่ชื่อ Trevor McKinney (Haley Joel Osment) ซึ่งอยู่ในชั้นเรียนของคุณครูที่ชื่อ Eugene Simonet (Kevin Spacey) เป็นคุณครูสอนวิชาสังคมศึกษา โดยทั้งชั้นเรียนรวมถึง Trevor ได้รับการบ้านชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่ง โดยโจทย์ก็คือ “คิดวิธีที่จะทำให้โลกดีขึ้น”…
“คิดวิธีที่จะทำให้โลกดีขึ้น”
เด็กน้อย Trevor นั่งคิดในใจอยู่ตลอดว่า “เด็กอายุ 11 จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร?” แต่เขาก็ได้คิดและทดลองหลายสิ่งหลายอย่างจนได้ทฤษฎีหนึ่งขึ้นมาก็คือ “Pay It Forward” หรือก็คือ “การจ่ายล่วงหน้า” โดยทฤษฎีมีว่า…
“จะต้องทำดีที่ยิ่งใหญ่มากๆ ส่งต่อให้คนอื่นต่อไปอีก 3 คน เป็นสิ่งที่เค้าไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้ แล้วคนที่ได้รับความช่วยเหลือ ก็ให้ส่งต่อความดีต่อไปอีกคนละ 3 คน ในสิ่งที่คนได้รับความช่วยเหลือ มันก็เหมือนการจ่ายล่วงหน้าไปแล้ว…”
แน่นอนว่าเด็กอายุ 11 ทั้งห้องเกิดเสียงหัวเราะ และเกิดเสียงแตกต่างกันในหลายๆ แบบ หลายๆ ความหมาย แต่แล้วหลังจากนั้นเรื่องราวของการส่งต่อก็เกิดขึ้น ความดีถูกส่งต่อ แพร่กระจายไปในคนหลายๆ ชนชั้น หลายๆ รูปแบบ แตกต่างกันออกไป แต่ด้วยจุดประสงค์เดียวคือการ “ทำความดี” จนในตอนสุดท้ายมีคนมากมายทั่วอเมริการู้จักกับเด็กน้อย Trevor คนนี้…
มีเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในเรื่องนี้มากมาย แต่สิ่งที่พุ่งชนจิตใจผมเข้าอย่างแรงสำหรับเรื่องนี้คือ…
ไม่ว่าใครก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ไม่เว้นแต่เด็กอายุ 11
ผมเชื่ออย่างแรงกล้าว่า ความดีสามารถส่งต่อได้ ความดีสามารถปลูกได้ เหมือนการปลูกต้นกล้าความเชื่อและความดีแก่คนคนหนึ่ง แล้วพยายามให้มันเติบโตขึ้นมาเป็นต้นไม้แห่งความเชื่อและความดีที่แข็งแรงในวันหนึ่ง ผมได้พยายามทำและส่งต่อความดีให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ ใครที่ขอความช่วยเหลือจากผม ผมมักจะให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ โดยที่ไม่เคยเรียกร้องและขอผลตอบแทนใดๆ
ในเรื่องงาน ผมพยายามปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ให้กับทีมงานทุกคน ให้ทุกคนรู้จักแบ่งปันโดยไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งในปลายทางแล้ว เราจะได้ผลตอบแทนกลับมาที่มากกว่าตัวเงินซะอีก
“การทำความดีมันยากนะ…”
การทำความดีมันยากนะ ในหนังก็แสดงให้เห็นถึงอุปสรรคมากมายที่เด็กชาย Trevor ได้พบเจอ แต่เราก็ต้องพยายามทำ ทำสิ่งที่ไม่ดีมันง่ายกว่า มันก็เปรียบเหมือนว่า หมึกสีดำได้หยดลงไปในแก้วน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำใสๆ ซึ่งไม่นานเท่าไร น้ำใสนั้นก็เต็มไปด้วยสีดำขุ่นเต็มแก้ว แค่หมึกไม่กี่หยด ก็ทำให้คนเห็นได้ว่าแก้วน้ำนั้นบรรจุไปด้วยน้ำสีดำขุ่นทั้งแก้ว แน่นอนว่าการที่จะทำให้น้ำนั้นใสเหมือนเดิม คือการเดิมน้ำใสเข้าไป เติมเข้าไปให้ล้น เอาให้สีดำที่มีเจือจาง และหายไปในที่สุด ต้องเติมน้ำมากพอดูเลยล่ะ
แต่เราทุกคนก็ต้องอย่าลืมการ “ให้อภัย” มันเปรียบเสมือนยอมมองดูแก้วน้ำนั้นหน่อยว่าใสแล้วหรือยัง แล้วก็ยอมให้การ “ให้อภัย” มันทำให้แก้วน้ำนั้นมีชีวิตที่ดีต่อไป
จุดประสงค์ของชีวิตหนึ่งเดียวที่ผมมีก็คือ ในวันใดวันหนึ่งถ้าผมต้องจากทุกคนไป ก็ขอแค่ให้ทุกคนอยากมาร่วมงานศพสุดท้ายของผมก็ขอ ไม่ได้ขอให้ต้องมาทุกคน แต่รู้สึกอยากมา ผมก็รู้สึกดีมากๆ แล้ว แต่ในเวลานั้นผมก็คงไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกได้อีกแล้ว… แต่นั่นก็คือจุดประสงค์สูงสุดในชีวิตผมแล้วแค่นั้น
ผมแค่หวังว่าบทความนี้จะเป็นหนึ่งในการเริ่ม “Pay It Forward” หรือ “การจ่ายล่วงหน้า” โดยที่อยากให้ทุกคนส่งต่อความดีต่อไปเรื่อยๆ อย่าคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนใดๆ แค่เห็นรอยยิ้ม หรือเห็นความสบายใจของคนที่เราได้ช่วยเหลือแสดงออกมา นั่นก็คือที่สุดของความรู้สึกที่เราได้ส่งต่อแล้วครับ