ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

ดูหนัง Pay It Forward (2000) หากใจเราพร้อมจะให้(ใจ) เราจะได้มากกว่าหนึ่ง เต็มเรื่อง

ดูหนัง Pay It Forward (2000) หากใจเราพร้อมจะให้(ใจ) เราจะได้มากกว่าหนึ่ง เต็มเรื่อง - เว็บดูหนังดีดี ดูหนังออนไลน์ 2020 หนังใหม่ชนโรง
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังดราม่า

เรื่องย่อ : ดูหนัง Pay It Forward (2000) หากใจเราพร้อมจะให้(ใจ) เราจะได้มากกว่าหนึ่ง เต็มเรื่อง

ดูหนัง Pay It Forward (2000) หากใจเราพร้อมจะให้(ใจ) เราจะได้มากกว่าหนึ่ง เต็มเรื่อง

 

 

เป็นเรื่องราวของเทรเวอร์  แมคเคนนี่ (Haley Joel Osment) เด็กชายวัยสิบสองขวบที่อาศัยอยู่กับแม่ (Helen  Hunt) ที่ติดเหล้าและไม่มีเวลาให้เขา   
วันหนึ่ง..ในชั้นเรียนวิชาสังคมศึกษาของเด็กมัธยมต้น   มิสเตอร์ยูจีน  ซิมโมเน็ต (Kevin  Spacey) ครูสอนวิชาสังคมศึกษาที่ย้ายมาใหม่ได้ให้การบ้านแก่เด็กๆ    โดยให้นักเรียน "คิดวิธีที่จะทำให้โลกดีขึ้น" และให้นำไปปฏิบัติด้วย    แล้วเด็กชายที่ชื่อเทรเวอร์ ก็คิดทฤษฎีหนึ่งขึ้นมาเพื่อที่อยากจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งรอบๆ ตัวเขาให้ดีขึ้น   คือถ้าเขาช่วยคนสามคนและทั้งสามคนนั้นก็ไปช่วยใครอีกคนละสามคนต่อไปเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่   ก็จะมีคนทำความดีมากขึ้นเรื่อยๆ ทวีคูณ 

IMDB : tt0223897

คะแนน : 7.2

รับชม : 818 ครั้ง

เล่น : 161 ครั้ง



Pay It Forward (2000) หากใจเราพร้อมจะให้(ใจ) เราจะได้มากกว่าหนึ่ง

เมื่อหลายปีก่อน ผมได้รับคำแนะนำจากเพื่อนผมคนหนึ่งให้ลองดูหนังเรื่องหนึ่งซึ่งได้รับคำชมในหนังเรื่องนี้ว่า “เป็นหนังที่ดีที่สร้างแรงบันดาลใจมาก” ผมก็รับฟัง แล้วก็ลองหาหนังเรื่องนี้มาดูจนได้ ซึ่งพอดูจนจบก็ได้พบสิ่งต่างๆ พรั่งพรูเข้าสู่สมองและจิตใจ ซึ่งผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังแบบคร่าวๆ แล้วก็สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้คืออะไรบ้าง…

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเด็กชายประถมปลายคนหนึ่งที่ชื่อ Trevor McKinney (Haley Joel Osment) ซึ่งอยู่ในชั้นเรียนของคุณครูที่ชื่อ Eugene Simonet (Kevin Spacey) เป็นคุณครูสอนวิชาสังคมศึกษา โดยทั้งชั้นเรียนรวมถึง Trevor ได้รับการบ้านชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่ง โดยโจทย์ก็คือ “คิดวิธีที่จะทำให้โลกดีขึ้น”…


“คิดวิธีที่จะทำให้โลกดีขึ้น”

 

เด็กน้อย Trevor นั่งคิดในใจอยู่ตลอดว่า “เด็กอายุ 11 จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร?” แต่เขาก็ได้คิดและทดลองหลายสิ่งหลายอย่างจนได้ทฤษฎีหนึ่งขึ้นมาก็คือ “Pay It Forward” หรือก็คือ “การจ่ายล่วงหน้า” โดยทฤษฎีมีว่า…

“จะต้องทำดีที่ยิ่งใหญ่มากๆ ส่งต่อให้คนอื่นต่อไปอีก 3 คน เป็นสิ่งที่เค้าไม่สามารถทำด้วยตัวเองได้ แล้วคนที่ได้รับความช่วยเหลือ ก็ให้ส่งต่อความดีต่อไปอีกคนละ 3 คน ในสิ่งที่คนได้รับความช่วยเหลือ มันก็เหมือนการจ่ายล่วงหน้าไปแล้ว…”

แน่นอนว่าเด็กอายุ 11 ทั้งห้องเกิดเสียงหัวเราะ และเกิดเสียงแตกต่างกันในหลายๆ แบบ หลายๆ ความหมาย แต่แล้วหลังจากนั้นเรื่องราวของการส่งต่อก็เกิดขึ้น ความดีถูกส่งต่อ แพร่กระจายไปในคนหลายๆ ชนชั้น หลายๆ รูปแบบ แตกต่างกันออกไป แต่ด้วยจุดประสงค์เดียวคือการ “ทำความดี” จนในตอนสุดท้ายมีคนมากมายทั่วอเมริการู้จักกับเด็กน้อย Trevor คนนี้…


มีเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในเรื่องนี้มากมาย แต่สิ่งที่พุ่งชนจิตใจผมเข้าอย่างแรงสำหรับเรื่องนี้คือ…

ไม่ว่าใครก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ไม่เว้นแต่เด็กอายุ 11

ผมเชื่ออย่างแรงกล้าว่า ความดีสามารถส่งต่อได้ ความดีสามารถปลูกได้ เหมือนการปลูกต้นกล้าความเชื่อและความดีแก่คนคนหนึ่ง แล้วพยายามให้มันเติบโตขึ้นมาเป็นต้นไม้แห่งความเชื่อและความดีที่แข็งแรงในวันหนึ่ง ผมได้พยายามทำและส่งต่อความดีให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ ใครที่ขอความช่วยเหลือจากผม ผมมักจะให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ โดยที่ไม่เคยเรียกร้องและขอผลตอบแทนใดๆ

ในเรื่องงาน ผมพยายามปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ให้กับทีมงานทุกคน ให้ทุกคนรู้จักแบ่งปันโดยไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งในปลายทางแล้ว เราจะได้ผลตอบแทนกลับมาที่มากกว่าตัวเงินซะอีก


การทำความดีมันยากนะ…”

การทำความดีมันยากนะ ในหนังก็แสดงให้เห็นถึงอุปสรรคมากมายที่เด็กชาย Trevor ได้พบเจอ แต่เราก็ต้องพยายามทำ ทำสิ่งที่ไม่ดีมันง่ายกว่า มันก็เปรียบเหมือนว่า หมึกสีดำได้หยดลงไปในแก้วน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำใสๆ ซึ่งไม่นานเท่าไร น้ำใสนั้นก็เต็มไปด้วยสีดำขุ่นเต็มแก้ว แค่หมึกไม่กี่หยด ก็ทำให้คนเห็นได้ว่าแก้วน้ำนั้นบรรจุไปด้วยน้ำสีดำขุ่นทั้งแก้ว แน่นอนว่าการที่จะทำให้น้ำนั้นใสเหมือนเดิม คือการเดิมน้ำใสเข้าไป เติมเข้าไปให้ล้น เอาให้สีดำที่มีเจือจาง และหายไปในที่สุด ต้องเติมน้ำมากพอดูเลยล่ะ

แต่เราทุกคนก็ต้องอย่าลืมการ “ให้อภัย” มันเปรียบเสมือนยอมมองดูแก้วน้ำนั้นหน่อยว่าใสแล้วหรือยัง แล้วก็ยอมให้การ “ให้อภัย” มันทำให้แก้วน้ำนั้นมีชีวิตที่ดีต่อไป


จุดประสงค์ของชีวิตหนึ่งเดียวที่ผมมีก็คือ ในวันใดวันหนึ่งถ้าผมต้องจากทุกคนไป ก็ขอแค่ให้ทุกคนอยากมาร่วมงานศพสุดท้ายของผมก็ขอ ไม่ได้ขอให้ต้องมาทุกคน แต่รู้สึกอยากมา ผมก็รู้สึกดีมากๆ แล้ว แต่ในเวลานั้นผมก็คงไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกได้อีกแล้ว…​ แต่นั่นก็คือจุดประสงค์สูงสุดในชีวิตผมแล้วแค่นั้น

ผมแค่หวังว่าบทความนี้จะเป็นหนึ่งในการเริ่ม “Pay It Forward” หรือ “การจ่ายล่วงหน้า” โดยที่อยากให้ทุกคนส่งต่อความดีต่อไปเรื่อยๆ อย่าคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนใดๆ แค่เห็นรอยยิ้ม หรือเห็นความสบายใจของคนที่เราได้ช่วยเหลือแสดงออกมา นั่นก็คือที่สุดของความรู้สึกที่เราได้ส่งต่อแล้วครับ