ภาพยนตร์เรื่อง There Will Be Blood นั้นอัดแปลงจากนวนิยายเรื่อง Oil ของ Upton Sinclair เกี่ยวกับนักธุรกิจน้ำมัน และศรัทธาของการล้างแค้นเอาคืนส่วนเนื้อหาในเวอร์ชันภาพยนตร์นั้นก็หนักอึ้งตามกับชื่อเรื่องที่หมายความว่า “ต้องนองเลือด” เพียงแค่พลังของนักแสดงเจ้าของงานคุณภาพอย่าง Daniel Day-Lewis ในบทบาทของ Daniel Plainview ชายเลือดเย็น เด็ือดขาดโหดเหี้ยม ผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ดินที่มีน้ำมันในครอบครอง ที่จับพลัดจับผลูเป็นเจ้าของธุรกิจน้ำมันที่ไม่เคยใว้ใจใคร กับการวิ่งหาเครดิตให้แก่ตนเอง ทุกวิถีทางเพื่อผลประโยชน์ของตนเองล้วนๆ
แน่นอนว่า หลักการหนึ่งที่ทำกันอยู่ตลอดกาลนานในโลกนี้ คือการทำ PR หรือปรับภาพลักษณ์ของตัวเองในธุรกิจน้ำมันขนาดกลาง แบบนี้คือการเป็นที่รักต่อผู้อื่น และวิธีการที่ Daniel ทำนั้นก็คือ การบอกแก่ผู้คนทั่วไปว่า บริษัทน้ำมันของเขาดำเนินธุรกิจเป็นครอบครัว และวิธีการที่การันตีต่อผู้อื่นในการดำเนินกิจการครอบครัวนั้นก็คือ การไปหยิบเด็กชายใสซื่อ ซึ่งจะเป็นลูกเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ไปไหนมาไหนตลอดเวลา เพื่อยกยอตัวเองสร้างข้อตกลง ผลประโยชน์
จนกระทั่งชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่า Paul รับบทโดย Paul Dano ได้เดินทางมาจากต่างเมืองติดต่อกับ Daniel เพื่อเสนอพื้นที่ขุดเจาะน้ำมันแห่งใหม่ นั่นคือที่ดินของ Paul นั่นเอง
Daniel ตกลงรับข้อเสนอดังกล่าว และเดินทางไปยังที่ดินผืนนั้น คนที่เขาพบกลับไม่ใช่ Paul แต่เป็นชายที่ชื่อ Eli รับบทโดย Paul Dano อีกนั่นแหละ เมื่อหาข้อสรุปไม่ได้ Eli เลยยื่นข้อเสนอแทน Paul ก่อนโดยมีข้อตกลงว่า Daniel นั้นต้องสร้างโบสถ์ แลกกับที่ดิน ในจุดนี้จะเห็นว่า ทั้ง Daniel และ Eli นั้นมีความเหมือนกันอยู๋อย่างหนึ่งคือการ วางแผนเพื่อประโยชน์ของตนเอง เมื่อ
- จุดประสงค์ของ Daniel คือการขยายธุรกิจให้มากที่สุด โดยไม่แคร์ว่าสิ่งที่ได้มานั้นจะได้มาด้วยวิธีการใด
- จุดประสงค์ของ Paul คือการสร้างโบสถ์เพื่อให้ตัวเองเป็นที่นับถือในฐานะนักเทศน์จากคนในหมู่บ้าน
ในเนื้อเรื่องจะเห็นเรื่องราวที่วิ่งเป็นเส้นขนาน ระหว่างชาย 2 คน Daniel นั้นเป็นคนที่มีสัญชาติญาณดิบที่ทำตามใจตัวเองล้วนๆ ในทุกเรื่องที่ตัดสินใจ การฆ่าคนที่เข้ามาแอบอ้าง ด้วยอาการเลือดเย็น สำหรับ Eli นั้นคือการหยิบเอาความเชื่อ และศาสนาลัทธิมาโยงเข้ากับเหตุการณ์อุบัติเหตุเพื่อบีบคั้น Daniel ผ่านวิธีกรรมชำละล้างมลทิน
แม้กระทั่งในตอนจบ ที่เราจะเห็นว่า สุดท้ายเมื่อลูกชายของ Daniel สูญเสียการได้ยิน จากอุบัติเหตุของบริษัทของเขา สิ่งที่ Daniel สนใจนั้นคือชื่อเสียงและประโยชน์ของบริษัทมากกว่าลูกชาย การแสดงความใจแคบเมื่อลูกชายที่เป็นคนพิการทางการได้ยิน ได้แต่งงานและเปิดบริษัทคู่แข่ง ก็ไล่ตะเพิดลูกชายออกไป
แม้กระทั่งตัวเองแก่ตัวลง บริษัทก็เป็นบริษัทใหญ่แล้ว กับการมาเยือนของ Eli ในสถาพของคนที่ภูมิฐาน ที่ท้ายสุด Daniel ก็ระเบิดความเป็นสัตว์ป่าออกมาตามสัญชาตญาณในการลงโทษ Eli
ทั้งหมดนี้คือการแสดงให้เห็นถึง พลังชั่วช้า แข็งแกร่ง และบรรยากาศที่พาไปของเนื้อเรื่องที่คุมอารมณ์อย่างทรงพลังของ There Will Be Blood นับว่าเป็นอีกผลงานที่น่าจดจำของ Paul Thomas Anderson อีกหนึ่งผลงานที่น่าติดตาม กับเนื้อเรื่องที่อัดเแน่น และบทบาทที่เชือดเฉือนระหว่างนักสแดงทุกคน
นี่แหละ นองเลือดจริงๆ