หมวดหมู่ : หนังผจญภัย , หนังดราม่า
เรื่องย่อ : ดูหนัง Robinson Crusoe (1997) โรบินสัน ครูโซว์ ผจญภัยแดนพิสดาร เต็มเรื่อง
เคยได้ยินชื่อหนังสือโรบินสัน ครูโซมานานแล้ว แต่ไม่เคยหยิบมาอ่านสักที บังเอิญเจอเวอร์ชั่นภาพยนต์ที่สร้างเมื่อปี 1997 แสดงโดย pierce brosnan ประจวบกับช่วงนี้กำลังคลั่งเรื่องแนวโจรสลัด ก็เลยดูเสียหน่อย (ทีแรกนึกว่า long john silver เป็นตัวละครเรื่องนี้, ความจำสับสนกับกับ Treasure Island)
เปรียบเทียบกับเรื่องย่อจากวิกิพีเดีย หนังเวอร์ชั่นนี้ดัดแปลงเนื้อหาไปจากเนื้อเรื่องจริงๆค่อนข้างเยอะ แต่ส่วนตัวคิดว่าเนื้อเรื่องในหนังก็จัดว่าดีมากๆทีเดียว
IMDB : tt0117496
คะแนน : 5.9
รับชม : 1611 ครั้ง
เล่น : 525 ครั้ง
เนื้อเรื่องเริ่มจากการดวลที่ทำให้โรบินสันต้องออกทะเล และเรือแตก ติดอยู่บนเกาะคนเดียวเป็นเวลานาน โดยมีหมาที่รอดมากจากเรือเป็นเพื่อน จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนป่าแล่นเรือเข้ามาที่เกาะเพื่อเอาคนมาบูชายัญ โรบินสันก็ได้ช่วยเหยื่อที่ถูกจับมาบูชายัญไว้
เนื้อเรื่องหลักของหนังนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างโรบินสัน กับ คนป่าที่รอดจากการบูชายัญ
หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเข้าใจว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้ โรบินสันก็นำคนป่านี้มาอยู่ด้วยที่กระท่อมที่เขาสร้างไว้ในตอนแรก โรบินสันปฏิบัติต่ออีกฝ่ายในนาฐานะ นายกับบ่าว โดยตั้งชื่อคนป่านั้นว่า Friday และสอนให้ไฟร์เดย์เรียกเขาว่า เจ้านาย (Master) เพราะยังดูถูกในความเป็นอนารยชนของไฟร์เดย์ เขาจับไฟร์เดย์ใส่โซ่ตรวนและให้นอนนอกกระท่อมเหมือนทาส แต่พอเห็นว่าไฟร์เดย์ซื่อสัตย์ดี และไม่มีอันตราย ก็ปลดโซ่ตรวนออก
โรบินสันสอนให้ไฟร์เดย์พูดภาษาอังกฤษจนสามารถสื่อสารกันได้ วันหนึ่งเขาพยายามจะสอนไฟร์เดย์เกี่ยวกับพระเจ้า โรบินสันบอกไฟร์เดย์ว่าพระเจ้าของเขายิ่งใหญ่กว่า ส่วนพระเจ้าของไฟร์เดย์นั้นไม่ใช่พระเจ้าที่แท้จริง ซึ่งบทสนทนาในส่วนนี้เป็นส่วนที่ผู้เขียนชอบ ไฟร์เดย์บอกว่าพระเจ้าของเขา (ซึ่งหมายถึงธรรมชาติ) อยู่ในทุกที่ เขาเห็นอยู่ตลอดและขอให้โรบินสันแสดงพระเจ้าให้ดูหน่อย ซึ่งโรบินสันตอบว่าเราบอกว่าพระเจ้าไม่สามารถมองเห็นได้ แต่อยู่ในจิตวิญญาณของเขา แล้วก็เอาพระคัมภีร์ให้ดูว่ามีเขียนไว้เป็นหลักฐาน ซ้ำยังโมโหไฟร์เดย์ที่ทำหนังสือขาด จนกลายเป็นผิดใจกันและหันหลังให้กัน ซึ่งในบทบรรยายได้เปรียบเทียบกับสงครามทางศาสนาอันเป็นเรื่องไร้ประโยน์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆในประวัติศาสตร์
แต่เมื่อโรบินสันสำนึกตัวได้และไปขอโทษไฟร์เดย์ ไฟร์เดย์ก็ยอมยกโทษให้อย่างง่ายๆ โดยไม่ต้องวางมาดใส่กันอย่างในสังคมผู้มีวัฒนธรรม ซึ่งผู้เขียนเห็นวา่เป็นการกลับมาคืนดีกันได้อย่างลูกผู้ชายโดยแท้จริง
ไฟร์เดย์เล่าให้โรบินสันฟังว่าเกาะนี้คือเกาะแห่งความตาย ตนถูกคนในเผ่าเลือกและส่งให้อีกเผ่าไปเป็นเครื่องบูชายัญ ดังนั้นเขาจึงอยู่ในฐานะคนที่ตายแล้ว ไม่สามารถกลับไปที่เผ่าได้อีก และเผ่าที่จับเขามาบูชายัญนี้ก็จะจับคนอื่นๆมาบูชายัญอีกในวันพระจันทร์เต็มดวง โรบินสันจึงวางแผนวางระเบิดฆ่าคนของเผ่าที่เข้ามาในเกาะ แต่พล็อดตรงนี้หลวมในตรงที่จะฆ่าไปทำไม? เพราะตอนฆ่าก็ฆ่าระหว่างทำพิธี คนที่ถูกบูชายัญก็ตายด้วย ไม่ได้ช่วยให้รอดมาอย่างไฟร์เดย์ จะว่าฆ่าเพราะกลัวมาบุกรุกที่อยู่ของเขาก็ไม่ใช่ เพราะนี่วางแผนเอาดินปืนไปเทตรงที่ทำพิธีแบบเป็นเรื่องเป็นราวเลย ทั้งๆที่รู้อยู่ว่ายังไงมันก็ต้องกลับมาอีก เหตุผลอย่างเดียวในตรงนี้คือทำให้เนื้อเรื่องตื่นเต้นขึ้น และนำเสนอการตายของเจ้าหมาที่อยุ่กับโรบินสันมาตั้งแต่ต้น (เพราะดันวิ่งเข้าไปในที่ทำพิธีบูชายัญตอนจุดชนวนระเบิดแล้ว)
การตายของหมานี้เป็นส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนบทใส่ประเด็นเรื่องศาสนาและความเท่าเทียมลงไป หลังจากที่โรบินสันทำพิธีฝังให้ ไฟร์เดย์ถามโรบินสันว่าหมาตายแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ไหม? โรบินสันตอบว่าสัตว์ไม่มีจิตวิญญาณ ไฟร์เดย์จึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นเขาจะไปบอกพระเจ้าของเขาให้รับเจ้าหมาน้อยไปอยู่ด้วย ซึ่งแสดงถึงความเท่าเทียมกันของทุกสิ่งในโลก ไม่ใช่แต่เพียงมนุษย์กับมนุษย์เท่านั้น
นอกจากนี้โรบินสันก็ได้ค้นพบว่าจริงๆแล้วไฟร์เดย์รู้จักคนผิวขาว เพราะเคยมีคนผิวขาวมาต้อนเอาคนในเผ่าไปเป็นทาส ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ไฟร์เดย์กลัวโรบินสันในตอนแรก เพราะเขาเคยได้ยินเรื่องคนผิวขาวมาว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัวที่เข้ามาเอาทุกสิ่งทุกอย่างไป และรู้ว่าจากเกาะนี้สามารถล่องเรือไปยังดินแดนอนานิคมของอังกฤษได้
ในช่วงนี้โรบินสันผิดใจกับไฟร์เดย์อีกเพราะ ไฟร์เดย์คิดว่าโรบินสันปฏิบัติต่อเขาในฐานะทาส (ซึ่งเป็นจริงในตอนแรก) แต่ก็สามารถเข้าใจกันได้ง่ายๆ ซึ่งอาจจะดูนิยายไปหน่อย แต่ผู้เขียนคิดว่าการยกโทษให้กันเพื่อรักษามิตรภาพ โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรี หรือเหตุผลอื่นๆเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และควรทำอย่างยิ่งในฐานะลูกผู้ชาย
โรบินสันรู้ตัวว่าเผ่าบูชายัญจะกลับมาอีก เขาเตรียมตัวต่อเรือจะหนีไปจากเกาะ แต่มีพายุเรือจมน้ำไปเสียก่อน จึงต้องสู้กับเผ่าที่เข้ามาบูชายัญ
ฉากหนึ่งที่ผู้เขียนชอบคือตอนก่อนที่จะไปสู้กับเผ่าที่บุกเข้ามา ทั้งสองคนแต่งตัวพรางหน้าแบบนักรบคนป่า โรบินสันคุกเข่าอธิฐาณญาแบบชาวตะวันตก ในขณะที่ไฟร์เดย์พูดกับพระเจ้าของตนแบบคนป่า
ซึ่งหนังสื่อถึงความเชื่อที่ถึงแม้ว่าต่งคนจะมีความเชื่อ และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่เราทั้งทั้งหมดก็อยู่ในโลกใบเดียวกัน อยู่ภายใต้กฏธรรมชาติที่เหมือนกัน และแท้จริงแล้วสิ่งที่ต่างฝ่ายเชื่อนั้นก็คือสิ่งเดียวกัน
หลังจากการต่อสูเโรบินสันบาดเจ็บ ไฟร์เดย์จึงเอาเรือของเผ่าที่บุกเข้ามาล่องกลับไปที่เผ่าของตัวเอง
เมื่อกลับไปที่เผ่า คนที่เผ่าโกรธไฟร์เดย์ที่เอาคนผิวขาวเข้ามาที่เผ่า และแสดงให้เห็นภูมิหลังของไฟร์เดย์ซึ่งลูกชายถูกจับไปเป็นทาส และภรรยาที่คิดว่าเขาตายแล้วได้แต่งงานใหม่ แต่เผ่าก็รักษาโรบินสัน เพราะไม่ฆ่าคนที่ป่วยอยู่
ชาวเผ่าตัดให้ไฟร์เดย์ สู้กับ โรบินสัน ถ้าไฟร์เดย์ชนะ จะให้กลับมาอยู่ในเผ่าได้ แต่ถ้าโรบินสันชนะก็จะปล่อยไป ความจริงฉากต่อสู้แบบนี้ธรรมดามาก และ มีในหนังหลายเรื่อง แต่จากการดำเนินเรื่องซึ่งนำเสนอมิตรภาพระหว่างโรบินสันและไฟร์เดย์มาตั้งแต่ต้นเรื่อง ทำให้ฉากต่อสู้นี้น่าตื่นเต้นและกดดันความรู้สึกมากๆ อีกทั้งยังคาดคะเนไม่ถูกว่าเรื่องจะดำเนินไปอย่างไร หนังทำให้รู้สึกว่าไฟร์เดย์จะต้องถูกโรบินสันฆ่าแน่ๆ เพราะโรบินสันเป็นพระเอก อย่างไรก็ต้องรอดกลับไป แต่ก็อึดอัดใจที่ต้องเห็นเพื่อนฆ่าเพื่อน แต่หนังกลับหักมุมอย่างคาดไม่ถึงตรงที่ไฟร์เดย์ถูกยิงโดยคนผิวขาวที่เข้ามาจับคนในเผ่าไปเป็นทาส ซึ่งพล็อตตรงนี้หลวม เพราะเกิดคำถามที่ว่าทำไมตอ้งยิงไฟร์เดย์? คนอื่นมีตั้งเยอะ (อาจจพเป็นไปได้ว่าเพราะเห็นว่าโรบินสันกำลังตกอยู่ในอันตรายจากคู้ต่อสู้?)
แต่สิ่งที่หนังนำเสนอในตรงนี้ ความรู้สึกดเจ็บๆ ที่พระเอกรอดตายได้ด้วยความช่วยเหลือที่แม้จะมาจากฝ่ายของตัวเอง (คนผิวขาว) แต่ก็ไม่ใช่ฝ่ายดี
สรุปแล้วถึงแม้ว่า Robinson Crusoe 1997 จะมีจุดอ่อนในเนื้อเรื่องบ้างเล็กน้อย แต่ก็นำเสนอออกมาได้อย่างสนุกสนานชวนติดตาม และสามารถนำเสนอแนวคิดหลายๆอย่าง ในแง่คุณค่าของความเป็นมนุษย์ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเจริญทางดานวัตถุ และการเรียนรู้ที่จะยอมรับและเข้าใจผู้อื่นด้วยจิตใจที่ปราศจากอคติ ตลอดจนมิตรภาพที่ไม่มีข้อจำกัดทางด้านวัฒนธรรม และเผ่าพันธุ์ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ