เข้าฉายไปได้ประมาณสัปดาห์นึงแล้วเหมือนกัน แต่เพิ่งได้มีโอกาสไปดูกับหนังดราม่าที่ได้รับคำวิจารณ์ดีทั้งตัวหนัง และ การแสดงอย่าง Take Shelter ที่ก่อนไปดูหนังนั้นก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย เพราะว่าช่วงนี้เริ่มแอบเบื่อหนังดราม่าอยู่เล็กน้อยเหมือนกัน แต่ตัวหนังเป็นอย่างไรนั้นไปอ่านเลยครับ
Take Shelter เล่าถึงเรื่องราวของนักก่อสร้างอย่าง เคอร์ติส ลาฟอร์ช ที่มีครอบครัวที่อบอุ่นกับหญิงเย็บผ้าขายอย่าง ซาแมนธา มีลูกสาวที่พิการทางหูอย่าง ฮันน่าห์ และดูเหมือนกับว่าครอบครัวของ เคอร์ติส จะมีความสุขไปด้วยดี แต่วันนึง เคอร์ติส กลับฝันประหลาดได้ดันเห็นภาพล่วงหน้า ว่าจะมีพายุลูกใหญ่ที่ไม่เคยมีใครรับมือมาก่อนนั้นจะได้พัดเข้ามาในภูมิลำเนาของเขา ทำให้เขาไม่รอช้า ที่จะสร้าง หลุมหลบภัย ทั้งที่เงิน และ ทุกอย่างในฐานะของครอบครัวเขาก็ไม่พร้อม เขาจึงต้องเผชิญทั้งความฝันที่เขาอาจจะคิดไปเอง และ ปัญหาการแตกแยกของความไม่เข้าใจในครอบครัวไปในเวลาเดียวกัน
Take Shelter กำกับการแสดงโดย เจฟฟ์ นิโชวส์ หลังจากเคยประเดิมผลงานการกำกับแรกไปแล้วเมื่อ 4 ปีที่แล้วใน Shotgun Stories ที่ทำงานร่วมกับนักแสดงอย่าง ไมเคิล แชนน่อน เช่นเดียวกัน และในปีนี้เขาได้กลับมาพร้อมกับพล๊อตหนังแนวดราม่า ระทึกขวัญ ในเรื่องนี้ ที่สิ่งแรกที่ต้องบอกว่า โดดเด่น เกินหน้าเกินตา สำหรับ Take Shelter มากๆนั้นคือ การแสดงของ 2 ตัวละครหลักอย่าง ไมเคิล แชนน่อน และ เจสสิก้า เชนสเตน ที่ด้านของ แชนน่อน เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นการแสดงที่ มาสเตอร์พีช ต่อจาก Revolutionary Road เลยก็ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นฉากแสดงสีหน้าความหดหู่ หรือ สติแตก เขาก็สามารถเล่นได้ดีทุกสถานการณ์ คู่กับนักแสดงสาวที่กำลังรุ่งอย่าง เจสสิก้า เชนสเตน ที่เรื่องนี้ และ อีกหลายๆเรื่องนั้น จะส่งผลให้เธอเข้าชิงออสการ์แน่ๆ
เพราะว่าการแสดงที่เป็นธรรมชาติ และ เข้าขากับ แชนน่อน จึงทำให้ผู้ชมรู้สึกทันทีว่า การแสดงของนักแสดงคู่นี้นั้น มีพลัง และ สามารถสื่อถึงคนดูได้ จนโดดเด่นเกินหน้าเกินตาด้านบทหนังเสียอีกครับ ส่วนสิ่งที่โดดเด่นรองลงมาจากการแสดง นั้นคือ บทหนัง และ ประเด็นของหนัง ที่อย่างแรกต้องขอชมหนังดราม่าเล็กๆเรื่องนี้เลยคือ เป็นหนังดราม่า ที่ถูกห่อหุ้มด้วย ความระทึก อย่างลงตัวจริงๆครับ เพราะว่าในฉากไคลแมกซ์ตอนจบของหนัง สามารถสร้างทั้งความกดดัน และ หดหู่ในสไตล์ดราม่า ให้กับคนดูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ และทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องยกความดีความชอบให้กับการแสดงอีกเช่นเคยแหละครับ
พร้อมกับประเด็นแทรกของหนังที่สามารถเล่าถึงเรื่องราวของ ความรัก ความผูกพันธ์ ของหัวหน้าครอบครัวอย่าง พ่อ ที่พร้อมที่จะปกป้องคนในครอบครัวอย่าง แม่ และ ลูก ในทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ออกมาได้ลึกซึ้ง และ แทรกความเป็นจิตวิทยานิดหน่อยในหนัง + ชอบการที่หนังแอบมีการจิดกัดมนุษย์หลายๆคน ที่ไม่ค่อยจะมีความเตรียมพร้อมในหลายๆสิ่งสักเท่าไหร่ ต้องรอให้สิ่งเหล่านั้นเข้ามาประชิดตัวเราเสียก่อน เราถึงจะค่อยมาเตรียมพร้อม เปรียบเสมือนกับพายุยักษ์ลูกนี้ในหนัง ที่สอนประเด็นหลายๆอย่างให้เรารู้ ที่ในท้ายสุดนั้น มันจะมาหรือไม่นั้น สามารถติดตามได้ในหนังเลยครับ
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับหนังดราม่า จิตวิทยา ระทึกขวัญเรื่อง Take Shelter นั้นไม่ใช่หนังที่เหมาะสำหรับทุกคนแน่นอน เพราะอย่างแรกเลยคือ มันเป็นหนังดราม่า ที่ในช่วงแรกของหนังนั้น เล่าเรื่องในสไตล์เรื่อยๆ เอื่อยๆ ที่ถ้าใครเป็นคอหนังดราม่านั้นไม่มีปัญหาแน่นอน (หนำซ้ำ ผมคิดว่าเขาเล่าเรื่องเรื่อยๆ แต่ไม่น่าเบื่อดี) แต่สำหรับใครที่ไม่ใช่คอหนังดราม่านั้น อาจจะหลับได้ แถมในตอนจบของหนังก็อาจจะสร้างความมึนงงให้กับหลายๆคนจนอาจจะอุทานว่า ‘หนังบ้าอะไรว่ะ’ แต่ถ้าหากคุณคิดว่าคุณเป็นคอหนังดราม่า และ ชอบวิเคราะห์หนังแนวจิตวิทยา ระทึกขวัญ เรื่องนี้นั้น หนังเรื่องนี้คุณก้ไม่น่าพลาดครับ
สรุปแล้วนั้น Take Shelter ถือว่าเป็นหนังดราม่า ที่สามารถถ่ายทอดในรูปแบบหนังระทึกขวัญเล็กๆที่สร้างความกดดันได้ดี พร้อมกับการแสดงที่มาสเตอร์พีชของ 2 นักแสดงนำ + ประเด็นเรื่องความรักของคนในครอบครัวของหนังที่กินใจ แต่ใครไม่ใช่คอหนังดราม่านั้นเรื่องนี้ควรผ่านได้เลยนะครับ