ดูหนังออนไลน์
ค้นหาหนัง

Goodbye, Dragon Inn | รูดม่านแดนพยัคฆ์ {不散} (2003)

Goodbye, Dragon Inn | รูดม่านแดนพยัคฆ์ {不散}
Youtube Video

หมวดหมู่ : หนังดราม่า , หนังตลก

เรื่องย่อ : Goodbye, Dragon Inn | รูดม่านแดนพยัคฆ์ {不散} (2003)

ชื่อภาพยนตร์ : Goodbye, Dragon Inn | รูดม่านแดนพยัคฆ์ {不散}
แนว/ประเภท : Comedy, Drama
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Tsai Ming-liang
บทภาพยนตร์ : Sung Hsi, Tsai Ming-liang
นักแสดง : Kang-sheng Lee, Shiang-chyi Chen, Kiyonobu Mitamura
วันที่ออกฉาย : 2003

 

ในไทเป โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งกำลังจะปิดตัวลง แต่ก่อนปิดจะมีการฉายภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายคือ "Dragon Inn" ภาพยนตร์แอ็คชั่นปี 1967 ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของความทรงจำอันแสนคิดถึงสำหรับผู้ชมและพนักงานในอาคารเก่าแก่ทรุดโทรมและอาจมีผีสิง พนักงานประกอบด้วยพนักงานฉายภาพยนตร์สุดประหลาดอย่าง เสี่ยวคัง (ลี คังเซิง) และพนักงานเก็บเงินพิการ (เฉิน เซียงฉี) ส่วนผู้ชมประกอบด้วยนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น (คิโยโนบุ มิตามูระ) และนักแสดงผีสองนักแสดงจากภาพยนตร์ต้นฉบับที่มาเพื่อไว้อาลัยให้กับการจากไปของยุคสมัย

Goodbye, Dragon Inn (2003)

 

IMDB : tt0377556

คะแนน : 6.8

รับชม : 1 ครั้ง

เล่น : 0 ครั้ง

ป้ายกำกับ : หนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์



เรื่องราวเกิดขึ้นในคืนฝนพรำที่โรงหนังเก่าแห่งหนึ่งในไต้หวันเปิดฉายหนังรอบสุดท้าย ก่อนปิดทำการและเปลี่ยนแปลงที่ดินตรงนี้เป็นอย่างอื่น 

 

ณ โมงยามไร้บทสนา ขณะหนังจีนกำลังภายในเรื่องหนึ่งกำลังฉายอยู่บนจอ ทั้งคนดู พนักงานขายตั๋ว คนฉายหนัง และชีวิตเล็กชีวิตน้อยรอบโรงหนังดำเนินไปอย่างเนิบช้าตามสไตล์ไฉ้ หนังพาเราไปสำรวจซอกมุมต่าง ๆ ในโรงหนังสแตนด์อโลนคร่ำครึ ห้องเก็บใบปิดหนังรกรุงรัง ห้องน้ำผนังกระเบื้องแสนโทรม ทางเดินแคบในตัวโรงไปจนห้องฉายหนัง นอกจากพฤติกรรมประหลาดทีเล่นทีจริงของเหล่าคนดูในโรง หนังไม่มีสิ่งใดมากไปกว่าการบันทึกเอาห้วงขณะสุดท้ายของ ‘โรงหนัง’ ที่กำลังจะหายไปเก็บไว้ในภาพยนตร์

 

ตลอดเวลาชั่วโมงกว่าที่แทบไม่มีเหตุการณ์อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หนังให้ความรู้สึกราวกับเราเองเป็นคนดูคนหนึ่งในโรง และร่วมรำลึกความทรงจำคืนสุดท้ายของโรงหนังนี้ไปด้วย จินตนาการว่าหากได้ดู Goodbye Dragon Inn ในโรง หลังหนังจบและลุกเดินออกจากโรง เราคงรู้สึกคล้ายกำลังเดินออกจากโรงหนังในเรื่อง––โรงหนังที่เราจะไม่ได้พบมันอีกแล้ว

 

Review: Goodbye, Dragon Inn (Tsai Ming-liang, 2003)