ภาพยนตร์จีนเรื่อง Hero นี้ เป็นหนังแอ็คชั่นแบบจีนที่มีการแสดงออกแตกต่างจากหนังกำลังภายในโดยทั่วไป ฉากที่แสดงให้เห็นถึงความแฟนตาซีทำให้มองได้ว่าผู้สร้างต้องการเน้นเรื่องของความคิดและอารมณ์ที่ปรากฏในหนังมากกว่าความมันส์เหมือนกับหนังแอ็คชั่นโดยทั่วไป การสื่ออารมณ์ที่ละเมียดละไมนั้นมักจะใช้ประเด็นเรื่องสีเป็นองค์ประกอบหลัก แต่สำหรับหนังเรื่องนี้แล้ว “สี” ไม่ได้สื่อเฉพาะอารมณ์ แต่สียังสื่อถึงความคิดและการใช้ตรรกที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ กลายเป็นว่า “สี” ได้ทำหน้าที่เกินกว่าสิ่งที่มันควรจะเป็น แต่มันก็ไม่ละทิ้งคุณสมบัติดั้งเดิมของตัวมันเอง การที่ Hero วางองค์ประกอบศิลป์มาในแนวทางนี้ สิ่งที่ได้คือความลุ่มลึกทางอารมณ์ที่หนังพยายามสื่อ แต่สิ่งที่อาจสูญเสียไปคือความจริงจังและลักษณะเหมือนจริงที่หนังจีนกำลังภายในหลายเรื่องทำมาเป็นจุดขาย แต่ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะมีการแสดงออกแบบเหนือจริง (โดยใช้สี แสง และองค์ประกอบอื่นเข้าช่วย) ก็ไม่ได้หมายความว่าการแหกขนบครั้งนี้จะลดทอนความสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่กลับขับเน้นให้เกิดการตีความในมุมมองใหม่ทำให้หนังจีนกำลังภายในได้มีโอกาสพลิกโฉมตัวเองอีกครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นครั้งที่น่าสนใจมากทีเดียว
เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้มีอยู่ว่าในยุคที่ชาวจีนแตกแยกและยังไม่สามารถรวมกันเป็นปึกแผ่นได้นั้น อ๋องแห่งแคว้นฉินกลายเป็นผู้มีอำนาจและสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพ และได้แผ่กระจายอำนาจไปยังดินแดนต่าง ๆ แน่นอนว่าการแผ่กระจายอำนาจไปในลักษณะนี้ย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียชีวิตของผู้คนเป็นเรือนหมื่นเรือนแสน ถึงแม้จะมีคนยกย่องแต่ในอีกด้านหนึ่งก็จะมีคนเคียดแค้นและประสงค์ไม่ดีต่อท่านอ๋องแห่งแคว้นฉินจนถึงขั้นคิดที่จะสังหาร การเฟ้นหามือสังหารเป็นยอดฝีมือหรือแผนสังหารอันฉียบคมจึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นตัวนำพาไปสู่แก่นเรื่องได้เป็นอย่างดี
นอกจากการเข้าใจภาพรวมของหนังแล้ว การเข้าถึงตัวละครสำคัญจะทำเราให้เราสามารถเข้าใจในสิ่งที่หนังพยายามจะสื่อได้มากขึ้น ซึ่งตัวละครสำคัญของหนังเรื่องนี้มีดังนี้
1.ท่านอ๋องแห่งแคว้นฉิน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจและสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพ
2."ไร้นาม" เขาเป็นยอดฝีมือที่ได้เข้าเฝ้าท่านอ๋องแห่งแคว้นฉิน และการที่เขาได้เข้าเฝ้านั้นเพราะเขาสามารถกำจัดผู้ร้ายที่ลอบเข้ามาทำลายกองกำลังของแคว้นฉิน
3. "ฟ้าเวิ้ง" เขาเป็นมือทวนที่มีความสามารถสูงมาก และเขาได้สังหารทหารแคว้นฉินนับร้อย เขาเป็นคนที่คิดปฏิปักษ์ต่ออ๋องฉินและคิดที่จะสังหารอ๋องฉินอยู่ตลอดเวลา
4."หิมะเหิน" เธอเป็นมือกระบี่ที่เคียดแค้นท่านอ๋องฉินเป็นอย่างมาก สิ่งที่เธออยากทำมากที่สุดคือการได้สังหารท่านอ๋องฉิน ไม่ว่าจะเป็นการสังหารด้วยตัวเองหรือต้องพึ่งน้ำมือคนอื่นก็ตาม สำหรับเธอ เป้าหมายสำคัญมากกว่าวิธีการ หิมะเหินเป็นคู่รักของ "กระบี่หัก"
5."กระบี่หัก" เขาเป็นมือกระบี่ผู้ซึ่งเคยร่วมฝ่าด่านทหารฉินพร้อมกับหิมะเหิน เขาได้เข้าประชิดตัวอ๋องฉิน แต่เขาก็ไม่ได้สังหารอ๋องฉิน
เหตุการณ์ตามท้องเรื่องเริ่มต้นจาก "ไร้นาม" ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอ๋องฉินเพราะเขาได้กำจัดศัตรูของอ๋องฉินได้ถึงสามคน คือ ฟ้าเวิ้ง หิมะเหินและกระบี่หัก ซึ่งอ๋องฉินเองเคยประกาศไว้ว่าจะให้รางวัลกับผู้ที่สามารถกำจัดศัตรูของเขาได้ รางวัลนั้นนอกจากทองคำและที่ดินแล้ว ยังมีการได้เข้าเฝ้าและร่วมดื่มกับอ๋องฉินในระยะ 10 ก้าว ซึ่งตามปกติแล้วอ๋องฉินจะไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้เกิน 100 ก้าว การให้รางวัลในลักษณะนี้เรามองได้ว่าเป็นการเรียกฝ่ายที่ภักดีกับตนให้เข้ามาใกล้ แต่อีกนัยหนึ่งก็สามารถเรียกศัตรูให้เข้ามาใกล้ได้เหมือนกัน ด้วยความที่คนที่เข้ามาใกล้เป็นได้ทั้งมิตรและศัตรูทำให้อ๋องฉินได้ถามคำถามสำคัญแก่ไร้นามว่าเขากำจัดฟ้าเวิ้ง หิมะเหิน และกระบี่หักได้อย่างไรซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ไร้นามตอบคำถามของอ๋องฉินและภาพเหตุการณ์ในอดีตก็ย้อนกลับมาให้เราเห็นเป็นภาพอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น
ไร้นามเล่าเรื่องให้อ๋องฉินฟังว่า เขาวางแผนกำจัดศัตรูทีละคน คนแรกที่เขากำจัดคือฟ้าเวิ้ง โดยเขาเล่าว่าเขาใช้เพลงกระบี่ของเขาเอาชีวิตฟ้าเวิ้งในการต่อสู้ที่โรงหมากล้อม และสามารถตัดเอาทวนของฟ้าเวิ้งมา ได้ เราสามารถสังเกตได้ว่าการใช้สีในฉากการต่อสู้ของไร้นามและฟ้าเวิ้งเป็นโทนสีที่ใกล้เคียงกับฉากของไร้นามคุยกับท่านอ๋อง การใช้สีเช่นนี้หมายความถึงการไร้การปรุงแต่ง ไร้นามเล่าว่าเขาได้ปลอมตัวเป็นชาวแคว้นจ้าวและได้เดินทางไปยังโรงเรียนประดิษฐ์อักษรซึ่งเป็นที่ๆหิมะเหินและกระบี่หักอาศัยอยู่ ถึงแม้ทั้งคู่จะเป็นคู่รักกัน แต่พวกเขาไม่ได้พูดกันมาสามปี โดยไร้นามอ้างว่าเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ไม่พูดกันคือเหตุการณ์ตอนที่หิมะเหินไปมีอะไรกับฟ้าเวิ้ง ไร้นามเล่าว่าเขาได้ไปขอให้กระบี่หักเขียนอักษรคำว่า "กระบี่" ให้ พร้อมกับยุให้ทั้งสองเกลียดชังกันมากขึ้นจนถึงขั้นที่ว่าหิมะเหินลงมือสังหารกระบี่หัก หลังจากนั้นเธอก็ตามไปสู้กับไร้นามที่ค่ายทหารของฉินตามคำท้าของไร้นาม และในท้ายที่สุดเธอก็พลาดท่าให้กับไร้นามทำให้ ไร้นามชนะทั้งสามและสามารถนำอาวุธประจำกายของพวกเขามาถวายอ๋องฉินได้สำเร็จ
ฉากการเล่าเรื่องของไร้นามนั้นเป็นฉากที่เต็มไปด้วยสีแดง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการที่มี “การปรุงแต่ง” ค่อนข้างสูง นอกจากฉากนี้มีสีสดแล้วยังมีลักษณะเหนือจริงต่างๆมากมาย เช่น การยิงธนู การปกป้องโรงเรียนประดิษฐ์อักษรฯ การใช้สีในฉากนี้บ่งบอกถึงความเคลือบแคลงและการซ่อนเร้น ซึ่งสอดคล้องกับฉากความจริงต่อมาที่อ๋องฉินสงสัยในเรื่องที่ไร้นามเล่าและพยายามถามอย่างมีจุดประสงค์ อ๋องฉินให้ข้อสังเกตว่า หิมะเหินและกระบี่หักเคยบุกมาเพื่อหมายจะสังหารตน ด้วยเหตุการณ์นี้ที่เขาเห็นว่าทั้งสองเชื่อใจกันเกินกว่าที่หิมะเหินจะไปเป็นชู้กับชายอื่นได้แม้จะอยากก็ตามที นอกจากนี้ อ๋องฉินยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ฟ้าเวิ้งต้องรู้จักกับไร้นามและยอมเสียสละตัวเองเพื่อให้แผนการสำเร็จ เมื่อไร้นามได้ทวนของฟ้าเวิ้งแล้ว ก็เดินทางไปแคว้นจ้าว เพื่อขอให้หิมะเหินกับกระบี่หักร่วมมือกับเขาโดยการแสดงเพลงยุทธขั้นสูงสุดที่จะสามารถสังหารคนได้ในระยะ 10 ก้าว จากนั้นก็ขอให้คนใดคนหนึ่งไปต่อสู้กับไร้นามที่ค่ายทหารฉิน หิมะเหินไม่ต้องการให้กระบี่หักเข้าไปต่อสู้ จึงทำร้ายกระบี่หักและตัวเองไปต่อสู้แทนจนถูกไร้นามทำร้ายและสังหารในท้ายที่สุด จากนั้นไร้นามก็ได้ต่อสู้กับกระบี่หักเหนือทะเลสาบ ฉากการตั้งข้อสังเกตของอ๋องฉินนี้เป็นสีฟ้าแสดงให้เห็นถึงการลดทอนการปรุงแต่งและพยายามที่จะหาความเป็นจริงมากขึ้น
เมื่ออ๋องฉินจบการตั้งข้อสังเกตของเขา ไร้นามสงสัยว่าอ๋องฉินรู้แผนการของเขาได้อย่างไร อ๋องฉินกลับบอกว่ารู้จากเปลวไฟตะเกียงที่มีการส่งผ่านพลังความแค้นในจิตใจของไร้นาม ทำให้คนดูคงหายสงสัยว่าทำไมหน้าอ๋องฉินจึงมีตะเกียงวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ทันใดนั้นเองอ๋องฉินสังเกตเห็นเปลวไฟไหวเปลี่ยนทิศจึงถามไร้นามด้วยความสงสัยว่าสิ่งใดที่ไร้นามลังเล ไร้นามตอบกลับไปแค่เพียงว่าอ๋องฉินประเมินกระบี่หักผิดไป และเขาก็เล่าความจริงให้ฟัง การเล่าครั้งนี้ของไร้นามเป็นสีเขียว หมายให้เห็นถึงความจริงที่ลดทอนความลวงลงไปอีกขั้น ไร้นามเล่าถึงตอนที่ไปพบหิมะเหินกับกระบี่หักว่า เมื่อเขาได้แสดงฝีมือเพลงกระบี่ในระยะ 10 ก้าวให้ดูว่ามีความแม่นยำแค่ไหน หิมะเหินตอบรับจะไปสู้กับไร้นามในค่ายทหารของฉิน และเล่าว่าการบุกสังหารอ๋องฉินที่พลาดไปเป็นเพราะกระบี่หักเปลี่ยนใจกะทันหัน หิมะเหินผิดหวังกับการตัดสินใจของกระบี่หักครั้งนี้มาก ก็เลยทำร้ายจนกระบี่หักบาดเจ็บ วันต่อมาหิมะเหินไปต่อสู้กับไร้นามที่ค่ายทหารกองทัพฉิน เธอพลาดท่าจนทหารคิดว่าเธอตาย ไร้นามเดินทางกลับแคว้นฉิน กระบี่หักมาทัดทานไว้ ขอให้ล้มเลิกแผนสังหารอ๋องฉิน แต่ไร้นามยืนยันว่าจะไม่ล้มเลิก กระบี่หักจึงเขียนข้อความ “ใต้หล้า” ให้กับเขา
ไร้นามไตร่ตรองข้อความนั้น ตระหนักว่า กระบี่หักคิดว่าถ้าไม่มีอ๋องฉินรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่ง ความสูญเสียจะมากเป็นทวีคูณ อ๋องฉินฟังไร้นามกล่าวถึงกระบี่หักถึงกับอึ้ง เพราะไม่คิดว่ากระบี่หักจะเข้าใจเขา อ๋องฉินถามว่าไร้นามจะสังหารเขาอย่างไร ในเมื่อเข้าเฝ้าโดยไม่มีอาวุธ ไร้นามบอกว่า จะใช้ดาบของอ๋องฉิน อ๋องฉิน จึงโยนดาบให้ และพูดว่าสุดแท้แต่ว่าไร้นามจะตัดสินใจ แล้วยืนหันหลังให้ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับการที่อ๋องฉินได้เห็นอักษรคำว่า "กระบี่" ที่กระบี่หักเขียน และเกิดความเข้าใจลึกซึ้งในขณะนั้น ไร้นามกำดาบแน่นกระโดดพุ่งเข้าใส่อ๋องฉินแต่ไม่ได้กะฆ่า แต่เขากลับปล่อยให้อ๋องฉินเป็นอิสระ ส่วนเขาเป็นคนที่กลับยอมตายเสียเอง
เราจะสังเกตเห็นว่าการใช้สีและองค์ประกอบศิลป์และการจัดแสงของเรื่องมีผลต่อความเคลือบแคลงและการซ่อนเร้นของเนื้อหา นับได้ว่าหนังเรื่องนี้สามารถใช้จุดเด่นของสีมาทำให้เกิดอารมณ์ดราม่าได้ดีที่สุด แต่ก็ไม่ละทิ้งแก่นแท้ของหนังจีนกำลังภายใน เพียงแต่ว่าแก่นที่ได้รับจะกลายเป็นข้อคิดเชิงปรัชญาของจีนมากกว่าแก่นของการใช้กำลัง
Zhang Yimou