เมื่อเราพูดถึงผู้กำกับหนังไซไฟชื่อดังอย่าง ริดลี่ย์ สก็อตต์ เราก็ต้องนึกถึงเอกลักษณ์ประจำตัวของเขาก็คือการกำกับหนังแนววิทยาศาสตร์ล้ำๆ ที่พูดถึงสิ่งต่างๆ นอกโลกอย่างเอเลี่ยน หรือแม้กระทั่งโลกในยุคอนาคตที่มีการสร้างมนุษย์เทียมเพื่อมาทำงานแทนเราแต่กลับจะมาทำลายมนุษย์แท้ๆ อย่างเราเสียได้อย่างเรื่อง เบลด รันเนอร์ แต่ก็มีหลายๆ ครั้งที่เขาทำหนังแนวอื่นแล้วปัง เช่น Gladiator (2000) หรือ Kingdom of Heaven (2005) รวมไปถึงหนังแนวทริลเลอร์อย่าง Hannibal (2001) เรื่องนี้ก็เช่นกัน American Gangster เป็นหนังแนวชีวประวัติ-อาชญากรรมที่บอกเล่าเรื่องราวของพ่อค้ายาผิวสีในยุค 70s ที่ชื่อแฟรงค์ ลูคัส นำแสดงโดย นักแสดงผิวสีมากความสามารถเล่นได้ทุกบทบาท(แต่มักจะเน้นดราม่าเสียเป็นส่วนใหญ่)อย่าง เดนเซล วอชิงตัน ร่วมด้วย รัสเซล โครว , ชิเวเทล เอจิโอฟอร์ และ จอช โบรลิน
หนังบอกเล่าเรื่องราวของพ่อค้ายาแฟรงค์ ลูคัส(วอชิงตัน) ที่เริ่มต้นด้วยการเป็นคนขับรถของบัมปี้( วิลเลี่ยมส์ ) เจ้าพ่อมาเฟียของคนผิวสีย่านฮาร์เล็มมานานกว่า 15 ปี จนกระทั่งวันนึงบัมปี้ได้เสียชีวิตลง ลูคัสเลยก้าวขึ้นมาแทน เขาได้กำจัดคู่แข่งทุกคนที่เป็นเสี้ยนหนามทางธุรกิจค้ายาของเขาจนหมดสิ้นและก้าวขึ้นสู่ต่ำแหน่งเจ้าพ่อมาเฟียในย่านนี้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เขาใช้วิธีตัดพ่อค้าคนกลางออกและติดต่อกับผู้ผลิตยาโดยตรงที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำตอนเหนือประเทศไทยตามคำแนะนำของเพื่อนทหาร และนำเข้าผ่านทางเครื่องบินกองทัพอเมริกันในช่วงสงครามเวียดนาม ขณะที่กิจการค้ายาของลูคัสกำลังรุ่งเรือง ทางตำรวจนิวยอร์กเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับการที่ยาเสพติดแพร่ระบาดทั่วเมือง กรมตำรวจนิวยอร์กจึงได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษเพื่อจับตาและลากตัวพ่อค้ายาเข้าคุกให้ได้นำทีมโดย นักสืบริทชี่ โรเบิร์ต(โครว) เขาได้สูญเสียคู่หูไปจากการที่เสพยาเกินขนาด และการตายนี้เองก็นำไปสู่ปริศนาที่ริทชี่ต้องการสืบหาความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
การดำเนินเรื่องของหนังจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เราจะค่อยเห็นพัฒนาการของตัวละครจากการที่ตัวเอกเริ่มต้นด้วยการเป็นลูกน้องไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดของอาชีพนั่นก็คือ เจ้าพ่อยาเสพติด ในเรื่องจะไม่มีลักษณะการตัดไปตัดมาของเนื้อเรื่องแต่จะเป็นลักษณะของการย้อนอดีตถึงคำพูดของหัวหน้าเก่าตอนที่มีชีวิตได้เคยสอนอะไรให้ตัวเอกหลายๆ อย่าง ส่วนสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของเรื่องนี้คงจะเป็นในเรื่องของความสมจริงทุกๆ องค์ประกอบไม่ว่าจะเป็นความสมจริงในการถ่ายทำ มันจะมีลักษณะดิบๆ เห็นชัดๆ ว่ายิงจะๆ ไม่มีหมกเม็ด มีเลือดกระเด็นให้เห็นตอนยิงกัน แต่ก็ใช่ว่าฉากยิงกันของเรื่องนี้จะมีเยอะพร่ำเพรื่อมากจนกลายเป็นหนังแอ็คชั่นไป หากแต่การยิงกันแต่ละครั้งของในเรื่องนั้นมีความหมายที่ซ่อนอยู่บ้าง เช่น การยิงเพื่อเป็นการสอนและแสดงให้สมาชิกภายในครอบครัวได้เห็นถึงความเข้มแข็งเด็ดขาดและเป็นการขู่คู่แข่งทางการค้ายาคนอื่นๆ ด้วยว่าอย่ามาแหยมกับข้า รวมไปถึงการถ่ายทำสภาพความเป็นอยู่ของย่านคนดำ ไม่ว่าจะเป็นตามคลับ ตามตึกเช่าที่ใช้เป็นที่บรรจุยาเพื่อนำไปขาย และสถานที่ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพ หรือฉากสมมติว่าเป็นสามเหลี่ยมทองคำ ก็ใส่รายละเอียดได้ค่อนข้างดีทีเดียว ทำให้เราเชื่อว่าที่ต่างๆ ในหนังนั้นเป็นสถานที่จริง อีกทั้งยังมีการสะท้อนให้เราเห็นถึงด้านมืดของยาเสพติดในฉากการเล่นยาที่ทำให้เราได้รับรู้ถึงพิษภัยของยาเสพติดว่าทำลายชีวิตเรามากน้อยเพียงใด คนเล่นยาในเรื่องจะอยู่ในที่โทรมๆ บางคนถึงขั้นเล่นเกินขนาดจนตายคาเข็มก็มี ไม่ได้เหมือนกับหนังเรื่องอื่นที่มักจะสอดแทรกการเล่นยาในแบบคึกคักสนุกสนานตามเพลงที่เร้าอารมณ์ รวมไปถึงในเรื่องของมิติของตัวละครที่ในเรื่องเราจะสามารถเห็นได้จริงๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าพ่อค้ายาที่พยายามทำตัวอู้ฟู่ ตำรวจที่ไม่รู้จะเรียกว่าตำรวจดีหรือไม่เพราะรีดไถยาแล้วเอามาขายเสียเอง และตำรวจน้ำดีที่มีชีวิตคู่ล้มเหลวเพราะไม่มีเวลาให้ครอบครัว
มาพูดถึงบทบาทการแสดงบ้างครับ เริ่มที่พระเอกของเรื่อง ขึ้นชื่อว่าวอชิงตันแล้วการันตีได้เลยว่าการแสดงของแกนั้นต้องยอดเยี่ยมอยู่แล้ว เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน แกเล่นเป็นเจ้าพ่อที่เด็ดขาดเหี้ยมโหดพร้อมที่จะกำจัดเสี้ยนหนามที่มาขัดขวางความสำเร็จและพร้อมที่จะใช้เงินเพื่ออำนวยความสะดวก ทุกๆ ครั้งที่ลูคัสเคลื่อนไหวเขาจะต้องนำหน้าคนอื่นหนึ่งก้าวเสมอ นอกจากจะเป็นผู้นำที่ดีแล้วเขายังแสดงให้เห็นถึงผู้ตามที่ดีอีกด้วย เขามักจะเก็บคำสอนต่างๆ ของลูกพี่ที่เขาติดตามมานานกว่า 15 ปี แล้วนำคำสอนนั้นไปตีความและประยุกต์ใช้เป็นวิถีทางของตัวเอง นอกจากนั้นแล้วเขายังเป็นคนที่กตัญญูและรักครอบครัวมากๆ เมื่อเขาตั้งตัวได้แล้วเขาก็นำเอาแม่มาอยู่ด้วยและเอาญาติพี่น้องมาร่วมทำงานในธุรกิจ (รักครอบครัวใช่มั้ยเนี่ย ฮา) แต่ลูคัสก็มีจุดอ่อนในเรื่องทั่วๆไปของคนเราซึ่งก็คือการที่อารมณ์ร้าย และความโลภ ในส่วนของตัวเอกอีกคนก็คือตำรวจตงฉินอย่างนักสืบริทชี่ที่แสดงโดยดาราฝีมือเยี่ยมอย่างรัสเซล โครว ในเรื่องนี้เขาเล่นเป็นสายสืบที่ดูเซอๆ และไม่น่าเชื่อว่าความเซอจะปกปิดความซื่อตรงต่อหน้าที่อย่างมาก ขนาดเจอของกลางเป็นเงินสดเป็นล้านยังไม่เก็บไว้เลย ทั้งๆ ยังรู้อีกนะว่าเงินจะต้องถูกตำรวจคนอื่นเอาไปใช้เขาก็ไม่คิดที่จะนำไปเพราะยึดถือในหลักการของตัวเองจนไปเข้าตาของหัวหน้า ทำให้เขาได้เป็นหัวหน้าหน่วยปฎิบัติการพิเศษปราบปรามยาเสพติด อย่างไรก็ตามแม้จะซื่อตรงต่อหน้าที่มากขนาดไหนแต่เขาก็ล้มเหลวในหน้าที่ต่อครอบครัว เขาทำงานจนไม่มีเวลาให้ครอบครัวซ้ำร้ายยังเจ้าชู้มีสาวไม่เลือกหน้า สะท้อนให้เราเห็นว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่ดีได้ร้อยเปอร์เซนต์เพราะเราก็เป็นคนธรรมดา มีดีมีเลวปนกันไป อีกคนที่แม้จะโผล่มาไม่มากเท่าไหร่อย่างบทบาทของนักสืบทรูโปมาดเนี้ยบหนวดงาม ที่แสดงโดยจอช โบรลิน ที่แสดงได้ดีเสมือนเป็นตัวแทนของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองสุดโฉด เขากับเพื่อนๆ ได้ร่วมกันยักยอกของกลาง แถมยังทำตัวเป็นโจรเสียเองอีกด้วยการค้ายาที่ยึดมาจากผู้ค้ายา นอกจากนั้นยังไม่พอยังรีดส่วยจากพวกพ่อค้ายาอีกต่างหาก แล้วถ้ายังไม่ยอมจ่ายก็จะก่อกวนและคุกคามไม่ให้อยู่ได้เป็นสุข เรียกว่ารีดไถจนมีบ้านหลังใหญ่โตมโหฬาร โบรลินแสดงบทนี้ได้เนียนตาสุดๆ
เรื่องนี้ใช้ได้ครับ ค่อนข้างสะท้อนความเป็นจริงของโลกใต้ดิน ให้คะแนน 8.5 เต็ม 10 ครับ หักนิดหน่อยครับ ตรงที่นักแสดงชื่อดังหลายคนใช้ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ อย่างเช่น ไอดริส เอลบ้า กับ คิวบา กู๊ดดิ้ง จูเนียร์ โผล่มาแวบๆ แล้วก็ไป โดยเฉพาะคิวบาที่งงๆ ว่าไอ้นี่เป็นใครหว่า ถือหนังสือพิมพ์แล้วก็แต่งตัวเว่อร์ๆ แล้วก็หายไป รวมไปถึงจอช โบรลิน ที่อยากให้มีบทบาทมากกว่านี้อีกหน่อยจะแจ่มมากๆ แต่โดยรวมต้องถือว่าดีมากเรื่องนี้ ยิ่งตอนที่ทั้งสองตัวเอกเผชิญหน้ากันเชือดเฉือนกันด้วยหลักการของตัวเองที่ทั้งคู่ยืนยันว่าตัวเองทำได้ถูกต้องแล้ว เข้มข้นมากๆ ฉากนี้ แนะนำครับลองดูกัน