Beowulf (2007) เบวูล์ฟ ขุนศึกโค่นอสูร
นานเป็นสัปดาห์ๆ แล้วนะ ที่ไม่ได้เดินเข้าโรงหนังเลย วานนี้ก็เลยขอเข้าดูหนังในโรงเสียหน่อย แก้อาการอยากดูหนังในโรงได้ชะงัดเชียว
ตอนแรก เปิดดูตารางฉาย ยังเห็น Stardust ฉายอยู่เลยอยากไปดู แต่อีกคนเขาคงอยากไปดูเรื่องอื่นมากกว่า ทำให้ความฝันอยากดูสะเก็ดดาวต้องเป็นหมัน เอาไว้เช่าดูก็แล้วกันเนอะ วันนี้ไปดูนักรบผู้ปราบอสูรก่อนก็แล้วกัน
Beowulf
ผมรู้สึกเหมือนว่า ไอ้เรื่องนี้เนี่ย มันถูกโปรโมตมาตั้งนานแล้วนะ ไม่ยอมเข้าฉายสักที ก็ให้สงสัยว่า มันถูกกระแสเรื่องอื่นเบียดบังหรือไง แต่ในที่สุด มันก็เข้าจนได้ และกลายเป็นหนังใหญ่ที่สุดในโรงเวลานี้ เรื่องราวของมัน เหมือนกับจะถูกนำมาถ่ายทอดหลายครั้งหลายคราแล้วละ แต่ผมไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักกับมันสักที ไม่เคยรู้ว่ามันเป็นเรื่องอะไร ดูตัวอย่างยังไม่เข้าใจเลยว่างั้นเถอะ วันนี้ จะได้เข้าใจสักทีแล้วนะ
——————————
Beowulf (เบวูล์ฟ) เป็นขุนศึกนักรบที่พิฆาตเหล่าสัตว์อสูรมาแล้วทั่วพิภพ จนวันหนึ่งได้ยินข่าวว่า มีอสูรร้ายอีกตนหนึ่งที่เข้ามาทำร้ายถึงในหอสุราของพระราชาร็อตการ์ (Hrothgar) ในทุกครั้งที่เกิดเหตุร่ำสุราจนเสียงอื้ออึงไปถึงหูของมัน อสูรร้ายตนนั้น ชื่อ เกรนเดล (Grendel)
เบวูล์ฟเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อช่วยเมืองของพระราชา ผู้ซึ่งสัญญาจะยกสเหสีสุดที่รักให้ แล้วเขาก็ทำสำเร็จ ก่อกวนอสูรร้ายแกรนเดลจนมันบุกมาติดกับ เมื่ออสูรร้ายบาดเจ็บและไปตายในอ้อมอกของ… มารดา ผู้ซึ่งกลับมาแก้แค้นภายหลังด้วยวิธีการอันแยบยล
——————————
น่าสงสาร ผู้ชายส่วนใหญ่บนโลก ก็คงมีท่าที่กร้าวแกร่งไม่แพ้เบวูล์ฟ แต่ผู้ชายที่ไหนๆ บนโลกก็คงไม่อาจจะมีชัยเหนืออิสตรีผู้เลอโฉมไปได้ น่าเสียดาย ที่เขากลับไปต้องสเน่ห์สาวงามผู้โหดร้าย ทุกอย่างที่เขาได้มาด้วยสัญญา ทำให้เขาต้องสูญเสียความภาคภูมิไปตลอดชีวิตเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว
Pride is the curse.
เบวูล์ฟเป็นเหมือนนิทาน เป็นเหมือนตำนาน ที่เล่าขานและมีชื่อเป็นที่รู้จักเยี่ยงพระอภัยมณี ที่เป็นรู้จักถ้วนทั่วในบ้านเรา บางคนคงเคยได้อ่าน (แต่ผมไม่เคย) มันอาจยืดยาว น่าเบื่อ น่าหลับ แต่ Robert Zemeckis กลับเล่าเรื่องได้น่าตื่นเต้น เร้าใจ ไม่ง่วง
บางคนอาจนึกเชื่อมโยงไปถึง 300 แต่ผมว่า มันไม่เชื่อมโยงกันสักเท่าไหร่ ภาพอาจจะสวยเหมือนกัน แต่โทนของภาพนั้นสว่างกว่าเยอะ 300 ดูโหดเหี้ยมรุนแรง ทว่า เบวูล์ฟกลับดูเป็นแฟนตาซีกว่า การถ่ายทำก็เป็นอีกเรื่องที่ผมสนใจ ภาพดูเหมือนกับใช้คอมพิวเตอร์สร้างขึ้น แต่กลับเคลื่อนไหวได้แนบเนียนดั่งใช้มนุษย์จริง
เพิ่งมารู้ทีหลังว่า เขาใช้เทคนิค Motion Capture แบบเดียวกับที่ใช้ใน The Polar Express ก็เลยเพิ่งได้ร้องอ๋อ…
แต่ผมว่า ม้าในเรื่องยังวิ่งไม่เนียนเท่าไหร่นะ…
———————————
บทพูดในเรื่องนั้น ดูกร้าวแกร่ง และหม่นหมอง ได้ตามอารมณ์จริง แม้จะเป็นบทกวีที่ใครๆ ในโลกวันนี้จะไม่ใช้พูดกันเลยก็ตาม แต่เนื้อหากลับให้คติสอนใจเราได้อย่างดียิ่ง อำนาจ วาสนา เงินทอง สตรี อยู่กับเราได้ไม่นานหรอก ทั้งหมดเป็นเพราะกิเลส ตัณหา ของเราทั้งนั้น ที่อยากได้มาเป็นของตัวเอง อยากได้มันจนต้องแลกเปลี่ยนกับความชั่วร้าย…
ใครที่ไม่เคยได้อ่านเรื่องนี้ ก็คงจะรู้สึกคล้ายๆ ผมว่า เออ มันมีอะไรที่ปิดบังซ่อนเร้นมาตั้งแต่ต้น และมีบางจุดที่หนังเผยให้รู้แค่เพียงบางส่วน (ให้เราฉงนเล่น ว่างั้นเถอะ) ก่อนที่จะมาเฉลยอีกครั้ง เมื่อใกล้ตอนไคลแมกซ์
มังกรทองในเรื่อง ทำได้สุดยอดมากๆ น่าเสียดาย ตัวโต๊โต .. หัวใจเล็กเท่ามนุษย์
ผมว่า ผู้ชายทุกคนที่ได้เข้าไปดูเรื่องนี้ ก็คงต้องตะลึงตาค้างกับภาพของอสูรร้ายผู้มีส่วนสัดหยุดโลก (ที่แสดงโดย Angelina Jolie) เป็นแน่แท้ อารมณ์ของคุณคงเป็นอารมณ์เดียวกับที่เบวูล์ฟรู้สึกอยู่ คุณหลงไหลในภาพที่เห็น แม้คุณจะรู้ว่าเธอร้ายขนาดไหน แต่ก็ไม่อาจห้ามใจไว้ได้ (ยกเว้น คุณจะเป็นเกย์ กรณีนี้ คุณอาจหลงไหลในเบวูล์ฟแทน)
หนังมีบทสรุปที่ดี และทิ้งท้ายให้คุณได้คิดต่ออีกนิด ว่าอยากให้มันดำเนินเรื่องไปทางไหน…