หนังเล่าถึง แฟรงค์ คาวเซิล(Ray Stevenson) เจ้าหน้าที่FBI เขาเข้าสู่วงการกวาดล้างพวกอาชญากรระดับประเทศและข้ามประเทศ เมื่อแฟรงค์ฆ่าหัวหน้ามาเฟียสำเร็จ รองหัวหน้าคือ บิลลี่ รุสโซ(Dominic West) ก็หวนคืนมายังนิวยอร์คอีกครั้ง และความกระหายอำนาจของเขาที่อยากครอบครองโลกผิดกฎหมายใต้ดิน แฟรงค์จึงต้องพยายามจัดการบิลลี่ให้ได้
เผื่อหลายคนจะยังไม่ทราบนะครับว่า The Punisher คือ 1 ในฮีโร่มาร์เวลครับเพียงแต่ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับฮีโร่ตัวอื่น ๆ เท่านั้นเอง อาจจะเป็นเพราะมาร์เวลเน้นให้ความสำคัญกับฮีโร่ในแบบสีสันสดใสและก็มีหน้าตาของนักแสดงเป็นจุดขาย แต่กับ Punisher เขาเป็นฮีโร่นอกกฎหมายสายดาร์ค ที่คอยจัดการเหล่าวายร้ายแบบไม่ต้องมัวมานั่งตบยุงรอเจ้าหน้าที่ และก็ไม่ได้ออกหน้าออกตาให้เป็นที่รู้จักมากนัก หรือมีชื่อเรียกเท่ ๆ อีกชื่อคือ ตุลาการทมิฬ แม้ว่าภาพยนตร์ชุดนี้จะมีโอกาสได้นำกลับมาทำใหม่หรือต่อยอด มาทำซีรี่ส์หรือทำหนังค่อนข้างหลายต่อหลายหน แต่ก็น่าประหลาดใจที่กลับไม่ประสบความสำเร็จเหมือนฮีโร่มาร์เวลรายอื่นเลย
หนังภาคสองนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับภาคแรกแล้วถือว่ามีความรุนแรงและโหดมากกว่าเก่า แถมการ์ตูนที่เป็นต้นฉบับก่อนที่จะทำหนังเรื่องนี้ก็โหดไม่แพ้กัน และด้วยหลาย ๆ ปัจจัยของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เหมาะกับเยาวชนอย่างแน่นอน และความรุนแรงของหนังที่เพิ่มขึ้น ทั้งความดิบห่ามและความโหดร้ายของเรื่องราวและ ตัวบทหนังกลับทำออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คงเป็นเพราะว่าหนังไม่ได้ให้ความสำคัญใครกับตัวละครตัวใดตัวหนึ่งอยากจริงจัง ไม่ได้เจาะลึกแม้กระทั่งตัวนำอย่างพระเอกเลย และหนังไม่ได้พยายามที่จะเสนอการหักมุมที่น่าสนใจ และค่อนข้างคาดความน่าติดตามไปหน่อย
การนำเสนอตัวหนังยังไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ความน่าตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจยังไม่เพียงพอที่จะเรียกความสนใจได้ ก็เป็นไปได้ว่านักแสดงในเรื่องนี้ไม่ได้เป็นศิลปินที่เป็นที่รู้จักหรือดาราเกรดเออะไรประมาณนั้น เพราะฉะนั้นการไม่มีดาราเกรดเอในเรื่องก็อาจจะทำให้ความน่าสนใจของหนังลดน้อยลงไปอีก
แม้ว่าจะเป็นหนังฮีโร่มาร์เวลแต่กลับไม่ช่วยให้หนังได้รับการตอบรับแต่อย่างใด จริง ๆ แล้วบทหนังก็พอใช้ได้ แต่การนำเสนอที่มันยังไม่ลงลึกไปทางใดทางหนึ่งทำให้หนังไปไม่สุดซักทาง แต่สิ่งที่เป็นข้อแตกต่างระหว่างฮีโร่ตัวนี้กับตัวอื่นน่าจะเป็นด้วยเรื่องปม คือพระเอกไม่ได้มีปมเยอะแยะเหมือนฮีโร่ตัวอื่น เพราะงั้นการที่เขาออกมาต่อสู้ก็อาจจะทำให้ดูไร้รงบันดาลใจไปนิด คือหลังจากภาคแรกที่แก้แค้นสำเร็จ พอมาในภาคสองก็ไม่ได้มีปมอะไรต่อ เหมือนออกมาล่าคนร้ายเฉย ๆ
คะแนนเนื้อเรื่อง 7/10 ด้วยความที่หนังมีบทที่พอใช้ได้ แต่การสไตล์การนำเสนอถือว่ายังไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ข้อดีของหนังเหลืออยู่ที่ความดิบเถื่อนในการล่าของพระเอกอย่างเดียว เลยน่าเสียดายที่ชื่อชั้นอย่างมาร์เวลไม่สามารถดันหนังเรื่องนี้ไปได้
ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์
1. ศาลเตี้ย บางทีกฎหมายก็ลงโทษคนเลวช้าไป แฟรงค์จึงต้องทำตัวเป็นศาลเตี้ยเพื่อลงโทษคนร้ายให้เร็วกว่าเก่า เพราะถ้ามัวแต่รอกฎหมายพวกคนร้ายอาจใช้เงินซื้อกฎหมายหรือหลบการจับกุมไปได้
2. ความโหดดิบเถื่อนของฮีโร่มาร์เวล แม้มาร์เวลจะนำเสนอแต่ฮีโร่แสงสว่าง แต่นี่ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่หนังพยายามจะนำเสนอว่าในมุมของเมืองที่ฮีโร่แสงสว่างเข้าไม่ถึง หรือเป็นจ็อบเล็ก ๆ ที่พวกฮีโร่ใหญ่ ๆไม่ได้มาดูแล ก็ยังมีฮีโร่คนนี้คอยปกป้องดูแลอยู่
แม้ว่าหนังจะมีการนำเสนอที่ยังไม่ค่อยน่าพอใจนัก แต่ว่าตัวหนังเองก็มีความตั้งใจจะผลักดันฮีโร่เกรดบีตัวนี้ให้ขึ้นมาให้มีชื่อเสียงและมีบทบาทบนจอเงิน ซึ่งคงต้องพัฒนามากกว่านี้เพื่อให้สำเร็จ ทั้งในด้านบทและดารานำแสดงครับ