ปัญหาหลักของโดราเอม่อนมูฟวี่ทีมใหม่ที่เป็นการรีเมคภาคเก่าๆ จะเป็นการที่ทีมงานใหม่ตกแต่งเสริมเรื่องราวเพิ่มเข้าไปจากตัวออริจินอล ซึ่งถ้ามันดีก็จะดีมาก แต่ถ้ามันเละก็เละแบบกู่ไม่กลับ อีกทั้งยังสร้างเสียงแตกแก่แฟน ๆ โดราเอม่อนให้ได้ทะเลาะกันจนปัจจุบัน และน่าตกใจมากที่โดราเอม่อนมูฟวี่ 2014 อันเป็นการหยิบภาค "ตะลุยดินแดนมหัศจรรย์" เมื่อปี 1982 มารีเมคโดยที่แทบจะไม่ดัดแปลงอะไรเลย เรียกว่าเส้นเรื่องหลักเหมือนเดิมเป๊ะ ถือเป็นการเดิมพันที่ท้าทายของทีมงานใหม่ที่มีจุดเด่นเรื่องการแทรกเนื้อหาเข้าไปให้เส้นเรื่องต่างจากออริจินอล แต่ภาคนี้กลับละทิ้งจุดเด่นของทีมออกไป
ผลลัพท์ที่ออกมาต้องเรียกว่าเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าทีมงานใหม่เป็นทีมที่ยอดเยี่ยมสำหรับการหยิบโดราเอม่อนมูฟวี่มารีเมค และเป็นเครื่องตอกย้ำว่าบทประพันธ์โดยปรมาจารย์ ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ (ฟูจิโกะ F ฟูจิโอะ) เป็นงานประพันธ์ระดับอมตะไปเรียบร้อยแล้ว ที่แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังเป็นเรื่องราวที่สนุกกับมันได้ ในภาคนี้สิ่งที่ทีมงานเก่าทำคือการเสริมเรื่องราวในภาคนี้ให้แข็งขึ้นโดยที่ไม่มีการเพิ่มตัวละคร หรือเปลี่ยนเส้นเรื่องไปแบบภาครีเมคอื่น ๆ หลาย ๆ อย่างได้อธิบายที่มาที่ไปของเหตุการณ์ทำให้เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม ฉากผจญภัยที่ทำออกมาดีมากตามยุคสมัยของงานอนิเม หลาย ๆ ฉากใส่ความตื่นเต้นระทึกใจลงไปให้ชวนลุ้นกันทุกฉากไม่แพ้กับที่อนิเมตัวออริจินอลเคยทำไว้ แต่อาจจะติด ๆ ขัด ๆ ไปหน่อยกับเรื่องราวของมุกตลกที่ใส่มา ภาคนี้ค่อนข้างทำจังหวะมุกตลกได้ไม่ดีนัก บางมุกจริง ๆ มันขำกันตกเก้าอี้ได้ง่าย ๆ แต่เพราะจังหวะที่ใส่เข้ามามันแปลกจนกลายเป็นมุกฝืดไปทันที และภาคนี้ไม่ได้มีมุกตลกอะไรมากมายด้วย ข้อเสียต่อมาคือการที่หนังไม่ได้ดัดแปลงพลิกผันเส้นเรื่องทำให้ผู้ที่ดูตัวออริจินอลอาจจะเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ไปบ้างเพราะรู้เรื่องราวเกือบทั้งหมดแล้ว อีกอย่างส่วนตัวผมมองว่าฉากไคล์แมกซ์ของรีเมคนี้ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลและพีคเท่ากับออริจินอลเท่าไร
ในจุดของตัวละคร สิ่งแรกที่ชื่นชมเลยคือหนังเสริมความสัมพันธ์ของโนบิตะกับเปโกะให้แน่นขึ้น ถ้าใครเคยดูภาคออริจินอลหรืออ่านมังกะดั้งเดิมจะรู้ว่าเมื่อเริ่มเข้าสู่อาณาจักรลึกลับ บทจะลืมความสัมพันธ์ช่วงต้นของโนบิตะกับเปโกะไปจนหมดสิ้นจนเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น แต่ในภาคนี้ได้มีการใส่ซีนเล็ก ๆ เข้าไปเพื่อทำให้บทความสัมพันธ์ของโนบิตะกับเปโกะไม่จมหายไปกับการผจญภัยในอาณาจักรลึกลับ เป็นซีนที่ใส่แล้วลงตัวคือไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ทำให้ฉากจบได้รับความประทับใจดี ๆ จากความสัมพันธ์ของคู่นี้ รวมถึงการเสริมเรื่องราวส่วนตัวของเปโกะเข้าไปทำให้ตัวละครตัวนี้มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม ส่วนไจแอนท์ที่คนดูออริจินอลมาน่าจะรู้ว่าเป็นตัวเด่นประจำภาคนี้ หายห่วงได้เลย ความเท่ห์ของไจแอนท์ยังคงอยู่เช่นเดิม และเชื่อว่าต้องมีหลายคนแอบเสียน้ำตากับตัวของไจแอนท์อย่างแน่นอน เพราะถ่ายทอดออกมาได้น่าประทับใจมาก ๆ แต่น่าเสียดายตัวละครหลายตัวที่มีบทบาทน่าสนใจแต่กลับไม่ได้เน้นเรื่องราวเท่าไร ทำให้กลายเป็นตัวละครที่ใส่มาดาด ๆ ไปงั้น ๆ แทน
งานภาพน่าจะหายห่วงแล้ว เพราะมาตราฐานงานโดราเอม่อนเดอะมูฟวี่ แต่รู้สึกขัดใจไปบ้างกับการผสมกราฟฟิคแบบ Cellshade (กราฟฟิค 3D ที่ดัดแปลงให้ดูเป็น 2D ใครนึกไม่ออกลองดูเกม Idol M@Ster หรือฉากร้องเพลงในอนิเมเรื่อง Love Live ดูได้ครับ) ที่ดูออกมาแล้วแปลกๆ ขัดๆบอกไม่ถูก แต่งานโดยรวมถือว่ายังยอดเยี่ยมอยู่ ยิ่งการออกแบบตัวละครโดยเฉพาะเปโกะที่น่ารักทวีคูณ 20 เท่าจนอยากจะวิ่งออกจากโรงไปซื้อหมามาเลี้ยงในทันที
มีเรื่องเล่าเล็ก ๆ ตอนที่ดูภาคนี้มีเสียงเด็กร้องว้าว ร้องโหย แสดงอาการเอาใจช่วยในฉากที่เราเคยมีอาการแบบนี้แน่นอนในภาคออริจินอล มันทำให้ผมคิดว่าการรีเมคภาคเก่า ๆ ก็นับเป็นเรื่องที่ดี เพราะเหมือนการนำบทประพันธ์ของอ.ฟูจิโกะ F ฟูจิโอะ มาทำในแบบยุคใหม่เพื่อให้เด็กสมัยนี้ได้ชมกัน ซึ่งมันเหมือนการทำให้บทประพันธ์เหล่านี้ของอาจารย์ยังอยู่กับเด็กทุกยุคทุกสมัยไม่ได้ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะในภาคนี้มันชัดเจนมากว่า เด็กยุคนี้ยังคงสนุกกับงานประพันธ์ของอาจารย์เหมือนที่เราเคยสนุกกัน
สรุปโดยรวมแล้ว โดราเอม่อนเดอะมูฟวี่ภาคนี้ ถือเป็นภาคที่ตอกย้ำคุณภาพการรีเมคม่อนมูฟวี่ของทีมงานใหม่นี้ว่ายอดเยี่ยมเช่นเดิมแม้ว่าจะไม่ต้องใส่เรื่องราวจนเส้นเรื่องเปลี่ยนไปก็ยังทำได้ไม่มีคุณภาพตก ฉากผจญภัยตื่นเต้นระทึกใจ พร้อมกับเนื้อเรื่องที่ใส่อุดจุดบอดในออริจินอล ทั้งหมดจึงบอกได้ทันทีว่า นี้คืออีก 1 งานโดราเอม่อนมูฟวี่ทีมใหม่ที่ยอดเยี่ยมมาก และเป็นงานอนิเมรีเมคที่ยอดเยี่ยมด้วยครับ