หมวดหมู่ : หนังตลก , หนังดราม่า
เรื่องย่อ : ดูหนัง Elvis & Nixon เอลวิส พบ นิกสัน (2016) เต็มเรื่อง
เรื่องย่อ
อิงจากเรื่องจริง เหตุการณ์จริงปี 1970 จนกลายเป็นภาพถ่ายอันลือลั่น เมื่อ เอลวิส เพรสลี่ย์ (ไมเคิล แชนนอน นักแสดงผู้เข้าชิงออสการ์จาก Revolution Road) ราชาร็อกแอนด์โรล ขอเข้าพบประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน (เควิน สเปซี่ย์ นักแสดงเจ้าของสองออสการ์ จาก The Usual Suspect และ American Beauty) ด้วยความแตกต่างสุดขั้วของคนต่างสถานะต่างสไตล์ จึงกลายเป็นความอลเวงป่วนทำเนียบขาว
IMDB : tt2093991
คะแนน : 6.4
รับชม : 332 ครั้ง
เล่น : 50 ครั้ง
ก่อนดูก็สงสัยนะ ว่าพล็อตเพียงแค่การพบปะกันของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่จากโลกบันเทิงและโลกการเมือง ที่ไม่เคยมีการเปิดเผยว่าทั้ง 2 คนนี้คุยอะไรกัน จะหยิบมาขยายเป็นหนังยาวเรื่องหนึ่งได้อย่างไร แต่เมื่อได้ดูก็ชื่นชมกับทีมเขียนบท ที่เอาพล็อตสั้น ๆ มาขยายเป็นเรื่องราวได้อย่างลื่นไหล ดูสนุกและเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน แต่กระนั้นทางผู้สร้างก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะเปิดตัวหนังในวงกว้างเพราะเป็นหนังที่ไม่ใช่แนวตลาด เลยเลือกเปิดตัวในเทศกาลหนัง แล้วก็ขายสิทธิ์ให้กับ Amazon.com ที่นำหนังออกฉายแบบจำกัดโรงเมื่อเมษายนแล้ว Amazon ก็เลือกทำตลาดออนไลน์และดีวีดีแทน
ถึงแม้เป็นหนังฟอร์มเล็ก ที่สร้างโดยสตูดิโอเล็ก ๆ แต่หนังก็ได้ดารามีชื่อมาร่วมงานกันเพียบทั้ง เควิน สเปซีย์ และ ไมเคิล แชนนอน 2 ดารานำที่อดีตต่างก็เคยเป็นตัวร้ายของ ซูเปอร์แมนกันมาแล้วทั้งคู่ เควิน เคยเป็นเล็กซ์ ลูเธอร์ ใน Superman Return (2006) และไมเคิล แชนนอน เป็นนายพลซอด จาก Man Of Steel (2013) แล้วก็ยังมีโคลิน แฮงค์ , จอห์นนี่ น็อกซ์วิลล์ , อเล็กซ์ เพ็ตติเฟอร์ และ อีวาน ปีเตอร์ ที่รู้จักกันจากบท ควิก ซิลเวอร์ ที่เพิ่งโชว์เท่ไปใน X-Men:Apoccalypse เรื่องราวของ เอลวิส พบ นิกสัน นั้นเคยสร้างมาแล้วครั้งหนึ่งเป็นหนังฉายทีวีชื่อ Elvis Meets Nixon ออกฉายเมื่อปี 1997 รอบนั้นได้บ๊อบ กันตัน มารับบท นิกสัน พอมาเป็น เควิน สเปซีย์ ผมว่าเป็นนิกสัน เวอร์ชั่นที่ดูละม้ายตัวจริงสุดแล้ว ทั้งการเมคอัพและการทำการบ้านมาอย่างดีด้วยการเลียนบุคลิกการเคลื่อนไหวและการพูด เป็นนิกสันที่ผมว่าเหมือนกว่า แฟรงค์ แลงเจลา ใน Frost/Nixon (2008) เสียอีก นับว่าเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ เควิน สวมบทเป็นประธานาธิบดี จากที่เขาเคยรับบทประธานาธิบดี ฟรานซิส อันเดอร์วูด ในซีรีส์ House Of Cards ที่ลากยาวมาถึงซีซัน 4 แล้ว ส่วนไมเคิล แชนนอน เป็นตัวเลือกที่ 2 หลังจากทีมงานพลาดจากอีริค บาน่า ที่เป็นตัวเลือกแรก ไมเคิล เป็นเอลวิส ที่น่าจะดูขัดตาสำหรับแฟน ๆ เอลวิส เพราะไมเคิล แก่กว่าเอลวิสในวันนั้นถึง 7 ปีและภาพลักษณ์ของไมเคิล ภายใต้ทรงผมและชุดของเอลวิสดูไม่ขึ้นกล้อง ไม่ใช่เอลวิสที่หล่อและมีเสน่ห์เลย ยิ่งเห็นภาพเปรียบเทียบกับตัวจริงยิ่งเห็นความแตกต่างได้ชัด แต่ด้วยบทที่คอยพยุงให้เขาเป็นเอลวิสที่มีสีสันและเป็นตัวปล่อยมุกก็ เลยพาเรื่องราวให้น่าติดตามไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ส่วนที่ทำให้หนังออกมาดูสนุกต้องยกให้ 3 นักแสดง แครี เอลเวส,โจอี้ และ ฮานาลา ซากาล คู่หลังเป็นผัวเมียที่หย่ากันตั้งแต่ปี 2012 แต่ก็ยังทำงานร่วมกันรวมถึงเขียนบทเรื่องนี้ด้วย ฮานาลา เขียนบทหนังมาหลายเรื่องแล้ว แต่ทั้งแครี และ โจอี้ เขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ก็คงจะมีมุกสดใหม่อัดแน่นจากประสบการณ์ทำงานปล่อยมาเพียบในบทหนัง ทำให้หนังมีเสียงหัวเราะได้แบบไม่ขาดช่วง หนังฉลาดที่เลือกปูแนะนำตัวนิกสันไม่นาน แล้วหันไปเล่าทางฝั่งเอลวิสเสียมากกว่า ในเรื่องนี้เอลวิสอยู่ในวัย 35 แต่งงานและมีลูกสาวแล้ว เป็นเอลวิส ยุคที่ดังที่สุด บทหนังค่อนข้างยกย่องมาก ตัวละครในเรื่องเรียกเอลวิสว่า “The King”เสมอ และใช้คำว่า “เอนเตอร์เทนเนอร์ระดับโลก” เอลวิส เกิดผุดความคิดขึ้นมาว่ารู้สึกห่วงใยเยาวชนของอเมริกาและอยากทำประโยชน์ให้ประเทศชาติด้วยการเสนอตัวเป็น สายลับนอกเครื่องแบบของ FBI คอยทำหน้าที่ชักจูงแฟนเพลงของเขาให้ห่างไกลยาเสพติด และจะหาเบาะแสเรื่องพ่อค้ายาให้ แต่ระดับเอลวิส จะให้ดุ่ม ๆ ไปสมัครไม่ได้เลยต้องขอเสนอตัวกับนิกสันเองเลย เริ่มด้วยการร่างจดหมายด้วยลายมือแล้วไปส่งกับป้อมยามทำเนียบขาว เลยกลายเป็นเรื่องราวแตกตื่นในทำเนียบขาวว่า เดอะคิง มาขอพบนิกสัน ทั้งทีมงานต่างก็ตื่นเต้นที่จะได้พบเดอะคิง เรื่องสนุกตรงที่ทีมงานทำเนียบขาวและผู้ช่วยของเอลวิสต่างก็ลุ้นกันวางแผนกันว่าจะทำอย่างไรให้นิกสันยอมพบเอลวิส รวมถึงมุกที่เล่นเกี่ยวกับความดังของเอลวิส ที่ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนกรี๊ดกร๊าดแตกตื่น และใช้ความเป็นเอลวิส เอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เสมอ จนถึง 20 นาทีสุดท้ายที่เป็นหัวใจของเรื่อง ที่เอลวิส และ นิกสัน ได้พบหน้ากัน ก็ได้หัวเราะไปกับความกวนของเอลวิส ที่คอยป่วนประสาทนิกสันและทีมงานกลายเป็นมุกที่ฮาได้ดัง ๆ บวกกับหัวข้อการสนทนาที่จิกกัด เดอะ บีทเทิลส์ แบบตรง ๆ
หนังจบแบบหนังประวัติศาสตร์ทั่วไป ด้วยการโชว์ภาพจริงของเอลวิส และ นิกสัน และความเป็นไปของบรรดาตัวละครหลัก ๆ ในเรื่อง ที่ทุกคนต่างมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อเมริกา เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในสัปดาห์ที่กระแสฝูงชนต่างแห่กันไปดู ID4:Resurgence ถึงแม้หนังจะสั้นเพียงแค่ 1ชั่วโมง 20 นาที แต่ก็เป็นหนังที่ดูแล้วผ่อนคลาย ได้หัวเราะเกินคาด สมกับที่นักวิจารณ์ต่างประเทศต่างเทคะแนนบวกให้มากมาย