ดูหนัง A Good Day to Die Hard 5 วันมหาวินาศ คนอึดตายยาก 2013 เต็มเรื่อง

A Good Day to Die Hard 5 วันมหาวินาศ คนอึดตายยาก 2013

หากพูดถึงหนังแอคชั่นมันส์ๆ ขึ้นหิ้งและเป็นตำนาน เชื่อว่าหนังตระกูล Die Hard คนอึดตายยาก ที่ต้องมีพระเอกตำรวจปาก*** จอห์น แมคเคน ที่รับบทโดย บรูซ วิลลิส นำแสดง (ย้ำด้วยว่า “ต้องคนนี้เท่านั้นน่ะ”) เป็นตัวชูโรงอยู่ จะต้องมีการติดอันดับมาแน่ๆ หากมีการจัดอันดับหนังแอคชั่นขึ้นมาในแต่ละครั้ง

หลังจากการเดินทางมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1988 (Die Hard ภาคแรกฉาย) ผ่านตัวหนังมาทั้งหมด 4 ภาค ล่าสุดในปี 2012 บรูซ วิลลิส กลับมาอีกครั้งในบทบาท จอห์น แมคเคน (อายุเยอะแล้วแหละ ^^) ที่ต้องกลับมาบู๊อีกครั้ง และครั้งนี้เขาไม่ได้ลุยคนเดียว แต่หนีบเอาลูกชายสุดห้าวอย่าง แจ็ค แมคเคน (ไจท์ คอร์ทนี่ย์) มาแสดงพลังอึดด้วย

สิ่งที่ดีสำหรับ Die Hard ตั้งแต่ภาคแรกยันภาคที่ 4 ก็คือ สถาณการณ์อันบีบบังคับให้พระเอกของเราต้องไปพบไปเจอโดยไม่ได้ตั้งใจ และทำให้คนดูอย่างเราๆเอาใจช่วย จอห์น ทุกครั้งไป อีกทั้ง จอห์น ต้องกวนประสาทผู้ร้ายตลอดเวลาด้วย แต่ทว่า A Good Day to Die Hard กลับทำให้สเน่ห์หนังคนอึดที่กล่าวมานั้น “จางหาย” ไปครับ

A Good Day to Die Hard เต็มไปด้วยฉากแอคชั่น ระเบิดตูมตาม วินาศสันตะโร ที่พร้อมจะสาดประเดประดังเข้ามาหาคุณในชนิดที่ว่า ไม่มีช่วงพักให้เบรกหายใจกัน มีแต่ตูมๆ บึ้มๆ เปรี้ยงๆ มากกว่า 80% ของตัวหนัง ที่มีความยาว 1 ชั่วโมงกับ 37 นาที ไม่มีการแสดงกึ๋นความเป็นหนังตายยากออกมาให้เห็นเหมือนภาคก่อนๆ แต่เน้นไปที่ความสันตะโรแทน

อารมณ์ราวๆกับเวลาคุณได้ดู Transformer ภาคแรก แล้วมันแบบ ว้าว! สนุกครบรส กลมกล่อม แต่การมาของภาคต่อทั้ง 2 ภาค กลับตัดเนื้อหาทิ้งไปแล้วยัดเอาระเบิด แอคชั่น เข้ามาแทนที่ ถามว่ามันดีต่อคอหนังแอคชั่นไหม อาจจะดีสำหรับบางคนที่ชอบดูแบบไม่คิดอะไรมากมาย แต่การได้มาดูเพียงระเบิด การสาดกระสุนทั้งเรื่อง โดยไม่มีได้มีจุดประสงค์อะไรให้เห็นชัดๆในตัวหนัง มันก็ดูจะไม่ดีน่ะครับ จริงไหม ???

ตัวหนังยังสร้างความฉงนในตัวร้ายของเรื่องที่ว่า “เขามีจุดประสงค์อะไร” ใช่ครับ ผมยังไม่ทราบแน่ชัดเลยว่า ตัวร้ายของเรื่องสนใจจะทำอะไรกันแน่ ล้างแค้น, ครองโลก, ยึดนิวเคลียร์, สะสมนิวเคลียร์ หรือ อะไรก็ตามแต่เถอะ เพราะวายร้ายในภาคนี้ มีดีเพียงการหลอกคนดูในตอนแรกเริ่มแบบเนียนๆ แต่จบชีวิตลงแบบง่ายดาย ชนิดที่ว่าไม่น่าจดจำ

ที่บ่นฉากแอคชั่นเป็นเพราะว่า มันเยอะจนมองไม่ออกว่าเหตุการณ์เป็นอะไรยังไงแล้ว ฉากการไล่ล่าทางรถยนต์ในตอนแรกที่ จอห์น เดินทางมาหา แจ็ค ทำให้เกิดความสับสนมากว่า ไล่ล่ากันยังไง จะไปเจอกันยังไง แล้วก็ตูม จอห์น จัดการขับรถชนคนร้ายเรียบร้อยไปแล้ว

ที่ได้บอกเอาไว้ตอนแรกที่ว่าหนังตระกูลนี้ เขาจะสร้างอารมณ์ให้เราเอาใจช่วย จอห์น แมคเคน แต่ในตอนที่ 5 ดูเหมือนว่า “ไม่จำเป็น” เพราะพี่แกเทพมากๆ เทพไปทุกอย่าง จนทำให้คนดูเกิดอาการที่ว่า “ไม่เป็นไรยังไงก็รอด” ไม่ว่าจะกระโดดทะลุตึก ตกจากที่สูง โดนผู้ร้ายเตรียมสังหาร ยังไงก็เอาคืนได้หมด แต่ Die Hard ภาคที่ผ่านๆมา จะเห็นว่า จอห์น ได้โชคช่วยเยอะมาก (นึกถึงภาค 2 ไว้ กว่าจะหนีออกจากเครื่องบินที่มีระเบิดได้ ลุ้นแทบตาย -*-)

สิ่งที่ดีของหนังยังถือว่ามีอยู่นั้นคือ การแสดงของ บรูซ วิลลิส และ ไจท์ คอร์ทนี่ย์ ที่มารับบทเป็นพ่อเป็นลูกตระกูลแมคเคน ในเรื่อง ซึ่งหลังจากได้ดูแล้ว จึงไม่แปลกใจว่า ทำไม บรูซ จึงเลือก ไจท์ มารับบทนี้ไป เพราะเคมีการแสดงเข้ากันอย่างมาก เหมือนเป็นพ่อลูกที่ไม่ถูกใจกันจริงๆ ซึ่ง ไจท์ ตีโจทย์นี้ได้เนียนเลยครับ ทำตัวเหมือนพ่อมาก ห้าวไปซะทุกอย่าง ขาดเพียงประสบการณ์ ส่วน บรูซ หายห่วงเรื่องการแสดง แต่เสริมความเป็นคุณพ่อเข้าไปนี่ทำได้ยอดเยี่ยมครับ 

ยิ่งในซีนที่มีการพูดคุยกันระหว่างพ่อลูก เห็นได้ชัดว่า จอห์น รู้สึกผิดจริงๆที่เขาเอาแต่ทำงานในวัยหนุ่ม แล้วไม่ได้มอบความรักให้ แจ็ค เขาเลยไม่รักพ่อเท่าใดนัก (เอาปืนจ่อพ่อได้นิก็สุดๆล่ะ) แต่อย่างว่าคนเป็นพ่อก็เป็นพ่อวันยังค่ำ คนเป็นลูกก็เป็นลูกวันยังค่ำเช่นกัน เมื่อเดินเล่นกันในรัสเซีย หลบกระสุนนิดหน่อย หลบระเบิดนิดๆ ทั้งคู่ก็ได้สานสัมพันธ์ชันพ่อลูกชื่นมื่นกันอีกครั้งครับ ซึ้งนะครับทำได้ดีเลยทีเดียว

ในภาคที่แล้ว Die Hard 4 จอห์น ต้องเอาหัวใจลูกสาว ลูซี่ (แมรี่ อลิซาเบธ วินสตีท) กลับคืนมา พอมาภาคนี้ก็เช่นกัน เอาหัวใจของลูกชาย แจ็ค กลับคืนมา แล้วเขาก็ทำได้สำเร็จ แต่กว่าจะทำสำเร็จต้องได้เจอสถาณการณ์ร่วมกันก่อน (แทบลากเลือดทั้งคู่ -*-)

จอห์น มัวร์ คือผู้กำกับที่ บรูซ วิลลิส เลือกให้มากำกับด้วยตัวเองน่ะครับ ซึ่งผมไม่รู้ว่า “ทำไม” เพราะ หนังของผู้กำกับคนนี้ที่ผมชอบที่สุดคือ Behind Enemy Lines แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเด่นเท่าเรื่องนี้ครับ แล้วยังสร้างความผิดหวังให้แฟนเกมส์อีกนะ เพราะพี่แกไปหยิบเอา Max Payne มาสร้างเป็นหนังคนแสดง ผลที่ได้คือ โดนสวดยับ

A Good Day to Die Hard เป็นการกลับมาของ จอห์น แมคเคน ที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก แอคชั่นมากมายก็จริง แต่เพราะความมากมายทำให้เป็นอะไรที่ไม่น่าจดและจำ มีซึ้งเรื่องราวของพ่อและลูก ตัวร้ายไม่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่าจะทำอะไรกันแน่ ดูเอาผ่านๆ เพลินๆ พอแล้วครับ