หมวดหมู่ : หนังผจญภัย , หนังดราม่า , หนังแอคชั่น
เรื่องย่อ : ดูหนัง Red Cliff (2008) สามก๊ก โจโฉแตกทัพเรือ เต็มเรื่อง
เรื่องราวใน Red Cliff เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 208 ในประเทศจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น แม้จะมีจักรพรรดิ คือพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่แผ่นดินก็แบ่งออกเป็นก๊กเป็นเหล่ามากมาย ขุนศึกและผู้สำเร็จราชการผู้ทะเยอทะยาน โจโฉ ใช้จักรพรรดิเป็นเครื่องมือประกาศสงครามกับดินแดนจ๊กก๊กทางตะวันตกที่ปกครองโดย เล่าปี่ ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของจักรพรรดิ เป้าหมายของโจโฉคือกำจัดทุกก๊กให้ราบคาบ เพื่อรวมประเทศจีนเป็นหนึ่งเดียว และตั้งตนเป็นจักรพรรดิ
เล่าปี่ ส่ง ขงเบ้ง ที่ปรึกษาของเขาไปยังดินแดนง่อก๊กทางใต้ในฐานะทูตสันถวไมตรีเพื่อโน้มน้าวให้ ซุนกวน ผู้นำง่อก๊ก เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทำสงครามกับโจโฉ ที่นั่นขงเบ้งได้พบกับ จิวยี่ ที่ปรึกษาแห่งง่อก๊ก และกลายเป็นมิตรกันท่ามกลางไฟสงครามที่กำลังคุกกรุ่น
เมื่อได้รู้ว่าสองก๊กรวมตัวเป็นพันธมิตรกัน โจโฉก็โกรธมาก และรวบรวมกำลังพลกว่า 8 แสนนาย พร้อมด้วยเรืออีกกว่า 2 พันลำ มุ่งหน้าลงใต้หวังฆ่านกสองตัวด้วยก้อนหินก้อนเดียว กองทัพของโจโฉตั้งฐานที่มั่นอยู่ที่ป่าอีกา (Crow Forest หรือ อู่หลิม) ริมฝั่งแม่น่ำแยงซี โดยที่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำคือ ผาแดง (Red Cliff) ฐานที่มั่นของฝ่ายสัมพันธมิตร
ด้วยเสบียงอาหารที่ขาดแคลนและกองทัพจำนวนมหาศาลของโจโฉ ฝ่ายสัมพันธมิตรดูเหมือนจะตกที่นั่งลำบาก จิวยี่และขงเบ้งจึงต้องร่วมกันใช้ปฏิภาณเพื่อเปลี่ยนกระดานศึก สงครามครั้งนี้เต็มไปด้วยการต่อสู้ทั้งเชิงบู๊และเชิงบุ๋น ทั้งในน้ำและบนบก จึงกลายเป็นสงครามที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ที่ซึ่งเรือสองพันลำถูกเผาวอดวาย และเป็นเหตุให้ประวัติศาสตร์จีนเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล สงครามดังกล่าวนั้นก็คือ ศึกผาแดง นั่นเอง
IMDB : tt0425637
คะแนน : 7.4
รับชม : 16940 ครั้ง
เล่น : 7979 ครั้ง
หนังเปิดเรื่อง ด้วยภาพของฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ฮั่น ที่งีบหลับบนบัลลังก์ อย่างไร้บารมีของผู้มีอำนาจ ก่อนที่นกตัวหนึ่ง(ไม่ใช่นกพิราบนะครับ ) จะบินมา พร้อมกับการปรากฏตัวของ โจโฉ (Fengyi Zhang) สมุหนายก ที่มาขออนุญาต แกมบังคับ จากฮ่องเต้ ในการยกทัพไปปราบกบฏทางใต้
ซึ่งในฉากนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้ โจโฉ คือ ผู้ที่คุมอำนาจทั้งหมดอย่างแท้จริง และยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรนี้
โจโฉ พร้อมด้วยกำลังทหาร ยกทัพไปปราบ จ๊กก๊ก ดินแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ ที่ เล่าปี่ (Yong You) ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของ ฮ่องเต้ ปกครองอยู่
ด้วยจำนวนทหารของ โจโฉ ที่มากมายหลายแสน ทำให้ เล่าปี่ ต้องสั่งอพยพชาวเมืองเป็นการเร่งด่วน โดยมี ขงเบ้ง (Takeshi Kaneshiro) เป็นที่ปรึกษาสำคัญ
หนังใช้ช่วงเวลาสั้นๆนี้ ในการแนะนำตัวละครต่างๆ ในฝ่ายของเล่าปี่ และความสัมพันธ์ของพวกเขา
ซึ่งก็ได้แก่ จูล่ง (Jun Hu) แม่ทัพฝีมือดี ที่โชว์ฝีมือ ด้วยการ “ฝ่าทัพรับ อาเต๊า” ซึ่งเป็นลูกชายของเล่าปี (ตามแบบเรียนสมัยมัธยมนั่นแหล่ะ)
เตียวหุย (Zang Jinsheng) พี่น้องร่วมสาบานของเล่าปี่ ที่ออกจะเลือดร้อน บ้าพลัง
และ พี่น้องร่วมสาบานของเล่าปี่อีกคน กวนอู (Ba Sen Zha Bu) ที่ลุยเดี่ยว กับทหารแทบทั้งกอง เรียกได้ว่าเก่งกาจแบบไร้เทียมทานจริงๆ
ในเมื่อถูกรุกอย่างหนัก ขงเบ้ง จึงต้องหาทางออก ด้วยการไปเจรจากับ ซุนกวน (Chen Chang) ผู้ซึ่งปกครอง ง่อก๊ก ดินแดนทางตอนใต้ ให้ร่วมมือกับฝ่ายของตน ในการต่อต้าน โจโฉ
ซึ่งในช่วงนี้ หนังก็จะแนะนำตัวละครที่เรียกได้ว่า เป็นตัวเอกจริงๆของเรื่องสักที (หลังจากกินเวลาไปแล้วกว่า 40 นาที) นั่นคือ จิวยี่ (Tony Leung Chiu Wai) แม่ทัพใหญ่แห่ง ง่อก๊ก
พร้อมกับตัวละครสำคัญฝ่ายซุนกวน ได้แก่ กำเหลง (Shido Nakamura) แม่ทัพคนสำคัญของ ง่อก๊ก และตัวละครหญิง สองตัว คือ เสียวเกี้ยว (Chiling Lin) ภรรยาของ จิวยี่ ที่อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของศึกครั้งนี้ และ ซุนหยิน (Wei Zhao) น้องสาวของ ซุนกวน ผู้พยายามพิสูจน์ตัวเองกับพี่ชาย
สำหรับภาคแรก หนังจบลงด้วยการ ปะทะกันของกองทัพทั้งสองฝ่าย ซึ่งเป็นการรบภาคพื้นดิน ที่เต็มไปด้วยแผนการ และกลอุบาย ที่ทำได้เห็นภาพ และ เต็มไปด้วยรายละเอียด ซึ่งการศึกครั้งนี้เป็นเหมือนการเรียกน้ำย่อย ก่อนจะได้ดูกันเต็มๆใน ภาคสอง
โดยรวมแล้ว ภาคนี้ หนังใช้เวลาไปกับการปูเรื่อง และ แนะนำตัวละครเป็นส่วนใหญ่
หนังเฉลี่ยน้ำหนักไปที่ตัวละครต่างๆได้ดี ซึ่งในครึ่งแรก บทเด่นจะอยู่ที่ ขงเบ้ง ซึ่ง Kaneshiro ผู้รับบทนี้ ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีทีเดียว
จากนั้น จิวยี่ และ ซุนกวน ก็เข้ามาร่วมแชร์ความเด่นในครึ่งหลัง โดยบทบาทของ ขงเบ้ง ก็จะถูกลดลง
แม้ว่า จะโผล่มาช้า และ ยังไม่ได้เป็นบทนำที่ชัดเจนนักในครึ่งหลัง แต่ก็รู้สึกได้เลยว่า ตัวละครที่หนังวางให้เป็นตัวเอก จริงๆของเรื่อง ก็คือ จิวยี่ ของ เหลียงเฉาเหว่ย ซึ่งมาตรฐานการแสดงของ เหลียงเฉาเหว่ย ก็เชื่อถือได้อยู่แล้ว
สำหรับตัวละครหญิงในภาคนี้ ยังไม่มีบทบาทมาก
มิติของตัวละครต่างๆ ยังไม่ซับซ้อนนัก เพราะ หนังสร้างให้แต่ละฝ่าย มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน
ฝ่าย โจโฉ เป็นฝ่ายร้าย ก็ร้ายกันเต็มพิกัด ส่วน ฝ่ายซุนกวน และ เล่าปี ที่เป็นฝ่ายดี ก็ดีตามแบบฉบับ
แต่มันก็มีข้อดี นั่นคือ ทำให้ผู้ชมเอาใจช่วยตัวละครฝ่ายดี แบบที่หนังต้องการได้เต็มที่ ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ร่วมอย่างได้ผลดีทีเดียว
สรุปแล้วภาคนี้ เป็นการปูเรื่อง ที่ดูสนุก และ ชวนติดตาม แม้จะมีบางช่วง บางตอน ที่ สามารถตัดทอน ย่นย่อลงไป โดยที่ยังสามารถเข้าใจเรื่องราวได้อยู่ดี ที่สำคัญมันประสบความสำเร็จ ในการสร้างความน่าติดตามสำหรับภาคสอง