The War of the Gargantuas {フランケンシュタインの怪獣 サンダ対ガイラ} (1966)

หนังเริ่มต้นด้วยเรือประมงที่ถูกปลาหมึกยักษ์โจมตี (อาจจะเหมือนการย้อนรำลึกถึงความหวาดกลัวจากหนวดปลาหมึกในตอนจบของ FRANKENSTEIN VS. BARAGON ก็เป็นได้) ขณะที่เซฟาโลพอดผู้ยิ่งใหญ่พยายามหาของว่างกินเอง ลูกเรือบนเรือก็ได้รับการช่วยเหลือจากไคจูยักษ์รูปร่างคล้ายลิง แต่ไม่นานก็พบว่าผู้ช่วยชีวิตของพวกเขากลับเป็นคู่แข่งของปลาหมึกยักษ์ เมื่อไกร่า (หรือที่รู้จักในชื่อไกล่า หรือ “การ์แกนทัวสีเขียว”) จมเรือ จากนั้นก็เสวยอาหารจากผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม มีลูกเรือผู้โชคดีคนหนึ่งที่สามารถขึ้นฝั่งได้สำเร็จ หลังจากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าสัตว์ประหลาดยักษ์ได้จมเรือของเขาและกินลูกเรือคนอื่นๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้จะมีสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวอื่นๆ ปรากฏอยู่จริง เจ้าหน้าที่กลับดูเหมือนจะลังเลที่จะเชื่อเรื่องราวของชายผู้นี้ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อไกระก้าวออกมาจากมหาสมุทรและมุ่งหน้าตรงไปยังสนามบินฮาเนดะ

ไม่นานหลังจากกลืนกินหญิงสาวผู้กรีดร้องและถ่มเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของเธอลงบนพื้นลานจอดเครื่องบินอย่างน่าขัน ไกระก็หนีจากที่เกิดเหตุ เนื่องจากไคจูตัวนี้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ใต้น้ำในยามค่ำคืน แสงอาทิตย์จ้าที่จู่ๆ ก็พวยพุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์ สัตว์ประหลาดกินคนตัวนี้จึงรีบวิ่งหนีเพื่อความปลอดภัยในห้วงมหาสมุทร ด้วยความรู้นี้ ชาวโตเกียวจึงถูกสั่งให้ "เปิดไฟทั้งหมด" เพื่อป้องกันภัยคุกคามใหม่นี้

รัฐบาลญี่ปุ่นกระตือรือร้นที่จะหาทางแก้ไขปัญหาใหม่นี้ จึงขอความช่วยเหลือจากดร. พอล สจ๊วต (รัสส์ แทมบลิน) ซึ่งห้าปีก่อนเหตุการณ์ปัจจุบัน กำลังศึกษาสิ่งมีชีวิตประหลาดคล้ายลิงอยู่ที่ห้องทดลองของเขา สิ่งมีชีวิตดังกล่าวเป็นไพรเมตผมสีน้ำตาลที่เชื่อกันว่ามีความเกี่ยวข้องในทางใดทางหนึ่งกับสัตว์ประหลาดของแฟรงเกนสไตน์ (ดังที่เห็นใน FRANKENSTEIN VS. BARAGON)

สิ่งมีชีวิตตัวนั้นหลุดออกมาจากการถูกกักขัง และตอนนี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามันเป็นผู้ร้าย อย่างไรก็ตาม ด็อกเตอร์สจ๊วต เพื่อนร่วมงานของเขา ดร.ยูโซ มาจิดะ (เคนจิ ซาฮาระ!) และผู้ช่วยสุดหล่อ อาเคมิ (คุมิ มิซูโนะ) มั่นใจว่าไกร่าไม่ใช่โครงการวิทยาศาสตร์สุดน่ารักที่พวกเขาหนีออกมาอย่างแน่นอน

เพื่อพิสูจน์จุดยืนของพวกเขา พวกเขาเดินทางไปยังเทือกเขาแอลป์ของญี่ปุ่นเพื่อสืบหารายงานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวบนภูเขา ระหว่างนั้น ไกระรู้สึกหิวเล็กน้อยและเดินเตร่เข้าโตเกียวเพื่อหาของว่างยามดึก หลังจากโจมตีและฆ่านักร้องชาวอเมริกัน (คิปป์ แฮมิลตัน ร้องเพลง "The Words Get Stuck in My Throat") โตเกียวก็สว่างไสวราวกับต้นคริสต์มาส

แสงที่ส่องสว่างขึ้นอย่างกะทันหันทำให้สัตว์ประหลาดผู้หิวโหยตกใจ ถอยทัพกลับเข้าฝั่งสู่เทือกเขาที่ปกคลุมด้วยป่าทึบทางตอนกลางของญี่ปุ่น ด้วยโอกาสที่จะโจมตีและอาจสังหารสัตว์ประหลาดที่หลบหนีได้ กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นจึงเคลื่อนพลและเตรียมโจมตีไกระด้วยอาวุธทั่วไป (รถถัง ปืนใหญ่ ปืนกล ฯลฯ) และปืนใหญ่มาเซอร์ที่ออกแบบใหม่!

พลิกผันครั้งใหญ่ในเนื้อเรื่อง ปืนใหญ่เมเซอร์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทรงพลังอย่างน่าตกใจเมื่อจัดการกับปีศาจเขียว! และในจังหวะที่กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (JSDF) กำลังจะลงมือโจมตีครั้งสุดท้าย ไกร่าก็ได้รับความช่วยเหลืออย่างไม่คาดคิดจาก “ฝาแฝดขนสีน้ำตาล” ซันดะ! เหล่าสัตว์ประหลาดหลบหนีและดูเหมือนจะผูกพันกัน จนกระทั่งซันดะผู้ใจดีค้นพบว่า “พี่น้อง” ของเขาชอบ “เนื้อขาว” อีกชนิด

ซานดะโกรธจัดจึงโจมตีไกระ และในที่สุดก็จุดชนวนการต่อสู้แบบมอนสเตอร์แบทเทิลรอยัลในโตเกียว มอนสเตอร์ทั้งสองที่บาดเจ็บต่างต่อย กัด ข่วน กระแทก และต่อสู้กันเพื่อมุ่งหน้าสู่ทะเล ขณะที่ระเบิดและระเบิดเขาวงกตลุกไหม้รอบตัวพวกเขา การโจมตีของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (JSDF) ประกอบกับพลังการต่อสู้อันทรงพลังของการ์กันตัวอัส ทำให้เกิดการปะทุของภูเขาไฟที่กลืนกินมอนสเตอร์ทั้งสอง จึงเป็นการปิดฉากภาคต่อของแฟรงเกนสไตน์ ปะทะ บารากอน