ดูหนัง Catwoman (2004) แคทวูแมน เต็มเรื่อง

Catwoman (2004) แคทวูแมน

ในโลกของศิลปะ การวิจารณ์เป็นสิ่งคู่กับการสร้างสรรค์ผลงานมาโดยตลอด เพราะการวิจารณ์เปรียบเสมือนกระจกสะท้อนผลงานนั้น ๆ ฮอลลีวูดก็เป็นอีกหนึ่งวงการที่มีวัฒนธรรมการวิจารณ์กันอย่างเข้มข้น ก่อเกิดเป็นแหล่งคอมมูนิตีรวมคะแนนวิจารณ์บนโลกออนไลน์ กระทั่งกลายเป็นแหล่งอ้างอิงที่ใครต่อใครต้องเข้ามาเช็คกระแสก่อนไปดูหนัง หลายภาพยนตร์จึงมีจดบันทึกว่าเป็น “หนังยอดเยี่ยม” หรือ “หนังยอดแย่” ตามแต่คุณภาพของหนังนั้น ๆ

และหนึ่งในหนังยอดแย่แห่งฮอลลีวูดก็คือ Catwomen (2004) เรื่องนี้นี่เอง #ทำเสียงแบบทีวีแชมเปียน

Catwomen (2004) เป็นภาพยนตร์ดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนค่ายดีซี โดยได้รับการโหวตว่าเป็นหนังซูเปอร์ฮีโรสาวที่ห่วยที่สุดในโลก ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับการเป็น #แมวดำ ที่มักถูกมองว่าเป็นความอัปยศเวลาวิ่งผ่านหน้า แต่คือตัวหนังเองที่ย่ำแย่ในทุกองค์ประกอบ กระทั่งได้รับรางวัล Razzie Awards (รางวัลยอดแย่) 4 รางวัล ทั้งภาพยนตร์ยอดแย่ นักแสดงนำหญิงยอดแย่ ผู้กำกับยอดแย่ และบทภาพยนตร์ยอดแย่

เริ่มจากตัวบทที่มีแรงจูงใจอันบางเบา กับการต่อกรกับบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่หวังจะครองโลกด้วยเหตุผลที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ ประกอบกับฉากแอ็คชันห่วยแตก การแสดงแข็งกระด้าง และคอมพิวเตอร์กราฟิกไม่เนียนจนต้องร้อง #แบบนี้ก็ได้เหรอคะ รวมไปถึงการดีไซน์คาแรคเตอร์สวยเซ็กซี ที่เน้นโชว์สัดส่วนเกินงาม ทำให้หนังโดนถล่มเละเทะในทุกเว็บไซต์รีวิว

ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าแมวดำยังเป็นตราบาปในชีวิตของ แฮลลี เบร์รี นักแสดงหญิงที่เพิ่งคว้าออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Monster’s Ball (2001) มาไม่นาน ถึงขนาดที่ว่าเธอกล่าวบนเวทีถึงบทแมวดำนี้ว่า “ฉันอยากขอบคุณวอร์เนอร์ บราเธอร์ส กับการที่แคสฉันมาแสดงหนังขยะอันแสนห่วยแตกเรื่องนี้”

และแน่นอน ด้วยทุนสร้างกว่า 100 ล้านเหรียญฯ หนังขาดทุนย่อยยับด้วยรายได้ในประเทศ 40 ล้านเหรียญฯ ถึงแม้จะรวมรายได้ทั่วโลกก็ทำได้เพียง 80 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น

ท้ายที่สุดแล้วหนังเรื่องนี้กลายเป็นกรณีศึกษาของค่ายผู้สร้างอย่าง วอร์เนอร์บราเธอร์ส ที่จะต้องทำการบ้านในการสร้างหนังซูเปอร์ฮีโรเรื่องต่อ ๆ ไป

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า “คำสาปแมวดำ” จะยังมีอยู่กับหนังซูเปอร์ฮีโรตระกูลดีซีที่มักมีปัญหากระท่อนกระแท่นให้ผู้สร้างปวดหัวอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ #คำสาปแมวดำ ที่ Catwomen สร้างไว้ให้กับค่ายหนังหรือเปล่า

หรือเป็นเพราะความไม่ประสีประสาของ “ผู้นำ” ค่ายหนังที่ควรจะพิจารณาตัวเองกันแน่