Jezebel | วนิดามารยา (1938)

สิ่งที่ทำให้ Jezebel เป็นภาพยนตร์ที่ทรงพลังอย่างน่าตกใจในปัจจุบันคือ ก) ตัวเอกของเรื่อง จูลี มาร์สเดน (เดวิส) เป็นหญิงสาวผิวขาวที่มีสิทธิพิเศษ เอาแต่ใจ และหยิ่งยะโส ซึ่งจะถูกเรียกว่า "คาเรน" บนโซเชียลมีเดียทุกวันนี้ หากสร้างเรื่องให้เป็นเรื่องอื้อฉาวในที่สาธารณะ ข) ความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติที่เห็นได้ชัด ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อต้องรับมือกับเรื่องราวในยุคนั้น และ ค) การระบาดของไข้เหลือง หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เยลโลว์แจ็ค" เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเนื้อเรื่อง และเราเห็นตัวละครหลายตัวสวมหน้ากาก!

Jezebel ถูกวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เร่งสร้างเนื่องจากความสำเร็จอย่างล้นหลามของการตีพิมพ์ Gone with the Wind และกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากการเตรียมการของ MGM ที่จะดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ เบตต์ เดวิส ได้รับข้อเสนอให้รับบทนำใน Jezebel หลังจากที่เห็นได้ชัดว่าเธอจะไม่รับบทสการ์เล็ตต์ โอฮารา ในภาพยนตร์เรื่อง Wind ดังนั้น Jezebel จึงได้ใช้ประโยชน์จากความสนใจใน Wind และได้รับการปล่อยตัวก่อน 21 เดือน!

เรื่องย่อ: จูลี่พักอยู่ที่ไร่ของป้าเบลล์ (เบนเตอร์) เพื่อหนีการระบาดของไข้เหลืองที่ระบาดหนักในที่ที่เธออาศัยอยู่ เธอหมายตาเพรสตัน ดิลลาร์ด (เฮนรี ฟอนดา) นายธนาคาร แต่เธอไม่ลังเลที่จะพาบัค แคนเทรลล์ (จอร์จ เบรนท์) หนุ่มเจ้าชู้ไปพบ หลังจากที่จูลี่ก่อเรื่องอื้อฉาวด้วยการสวมชุดสีแดงในงานเต้นรำที่ผู้หญิงโสดและบริสุทธิ์ทุกคนสวมเพียงสีขาว เพรสตันจึงทิ้งเธอและมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปทำธุรกิจ เมื่อกลับมา จูลี่ประหลาดใจที่เขาพาเอมี่ (มาร์กาเร็ต ลินด์เซย์) ภรรยาชาว "แยงกี้" มาด้วย จูลี่ยังคงมีพฤติกรรมแย่ๆ ต่อไป โดยยุยงให้บัคดูถูกทั้งเพรสตันและเอมี่ ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าเศร้า ในขณะเดียวกัน การระบาดใหญ่ก็กำลังทวีความรุนแรงขึ้นและโรคร้ายกำลังรุกคืบเข้าสู่นิวออร์ลีนส์ มีมาตรการที่รุนแรงเพื่อควบคุมการระบาด ซึ่งก็ดูไม่ค่อยดีนัก

นักแสดงค่อนข้างดี เบ็ตตี้ เดวิสแสดงได้ยอดเยี่ยมมากในบทบาทนี้ และการที่เธอได้รับรางวัลออสการ์ก็สมเหตุสมผล สำหรับภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี 1938 การแสดงของเธอเต็มไปด้วยความละเอียดอ่อนและรายละเอียดที่แปลกใหม่ ซึ่งปกติแล้วจะไม่ปรากฏในการแสดงบนจอภาพยนตร์ในยุคนั้น ฟอนด้าเป็นคนที่น่าเชื่อถือ เป็นคนที่มีหลักการและเกียรติยศ และเขาก็ทำได้ดีเสมอ เบรนท์ก็ดูประจบประแจงแต่ก็น่ารักน่าเอ็นดู การผลิตภาพยนตร์ทำออกมาได้ดีมาก ผู้กำกับวิลเลียม ไวเลอร์ในขณะนั้นกำลังกลายเป็นหนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของฮอลลีวูด ความสำเร็จในช่วงแรกนี้ทำให้เขามีที่ยืนบนเส้นทางสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า