สาเหตุที่ผมมาชมหนังเรื่องนี้ หลัก ๆ เพราะนักแสดงครับ ผมชอบเคียร่า ไนท์ลี่ย์จาก Pirates of the Caribbean เรียกว่าเป็นแฟนคลับ ก็เลยต้องมาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ซักหน่อย
เป็นเรื่องราวของ แจ็ค ไรอัน (Chris Pine) เป็นนักวิเคราะห์ให้CIA ที่ได้รับภารกิจให้ไปเป็นสายลับในรัสเซีย และได้พบว่าอเมริกากำลังจะถูกคุกคามโดยมหาเศรษฐี วิคเตอร์ เชเรวิน (Kenneth Branagh) แจ็ค ต้องยับยั้งการกระทำของเขาให้ได้ก่อนที่เหตุการณ์จะลุกลามโดยได้รับการสนับสนุนจาก วิลเลี่ยม ฮาร์เปอร์ (Kevin Costner) สายลับจอมเก๋า ที่เป็นครูฝึกของแจ็ค เรื่องราวยุ่งยากขึ้นเมื่อ เคธี่ ไรอัน (Keira Knightley) ภรรยาสาวของแจ็คเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยและเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย
หนังเปิดเรื่องโดยใช้เวลาไม่นานสำหรับการเล่าที่มาที่ไปของพระเอก เริ่มเล่าตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงการเข้ามาทำงานในหน่วยงาน CIA และไม่รอช้า หนังเดินเรื่องในภารกิจพระเอกทันที
Jack Ryan: Shadow Recruit ใช้เวลาไม่นานในการเล่าที่มาที่ไปของ Jack Ryan ตั้งแต่สมัยเรียนจนกระทั่งเข้ามาทำงานใน CIA จากนั้นหนังก็เดินเรื่องในส่วนของภารกิจแรกของเขา ในส่วนแรกของหนังถือว่าเดินเรื่องได้กระชับ ถ้าใครที่ดู Jack Ryan เวอรชั่นเก่า ๆ จะรู้ได้เลยว่าไม่ค่อยออกภาคสนามบู๊กซักเท่าไหร่ แต่ภาคนี้หนังต้องการสร้างความแตกต่าง โดยให้ลองลงสนามได้บ้าง แม้จะไม่ได้เก่งกาจอะไรมาก
หนังมีการเดินเรื่องเร็วไปพอสมควร เลยทำให้มีช่องโหว่เยอะ บางเคส บางปริศนาก็คลี่คลายได้เร็วเกินกว่าที่ควรจะเป็น มันเลยทำให้คนดูแบบผมมองว่า พระเอกฉลาดเกินไป มันไม่คอยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ ในส่วนของการโจรกรรมข้อมูลก็คลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว ผมแค่มองว่าค่อย ๆ สืบสาวราวเรื่องน่าจะดีกว่า ในเรื่องของความบันเทอง หนังทำออกมาได้ไม่เลวเลยครับ ทำให้คนดูเอาใจช่วยแจ็คให้ทำภารกิจสำเร็จลุล่วง คริส ไพน์ ถ่ายทอดความเป็น แจ็ค ไรอันยุคใหม่ได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว
ถ้าคิดว่าบทบาทภรรยาของเคธี่ จะเป็นแค่ตัวประกอบของเรื่อง ต้องคิดใหม่เลยนะครับ เพราะตัวละครตัวนี้ เป็นตัวที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับแจ็ค ทำให้ตัวหลักมีมุมโรแมนติค และความรักที่มีให้กับภรรยารวมถึงความผูกพันธ์เช่นกัน
คะแนนเนื้อเรื่อง 7/10 หนังรีเมคที่ทำต่อกันมาเรื่อย ๆ สังเกตว่าแจ็ค ไรอันในทุก ๆ ภาคหนุ่มขึ้นทุกภาคจริง ๆ และภาคนี้ก็มีการฉีกแนวการปฎิบัติหน้าที่ของแจ็คจากนักวิชาการในศูนย์ปฎิบัติการ ไปสู่นักบู๊นอกสนามได้อย่างน่าประทับใจเพราะหนังเป็นแนวAction Thirller หนังเลยไม่มีบู๊ไปซะทีเดียว แต่เน้นไปที่การสืบสวนสอบสวน ในแบบที่แจ็คถนัดด้วย
ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
1. ความรักของแจ็คที่มีให้กับภรรยา เมื่อภารกิจของเขาทำให้ภรรยาตกอยู่ในอันตราย แม้ว่าเค้าจะไม่ม่ีความสามารถในการต่อสู้ขนาดนักบู๊ แต่เค้าก็พยายามทำทุกอย่าง ทุกวิถีทางเพื่อปกป้องและช่วยเหลือภรรยาของเค้า โดยไม่สนเลยว่าตัวเองจะไหว และรอดชีวิตไหม
2. การเปลี่ยนแปลงตัวเองจากนักสืบเป็นนักบู๊ เพราะสถานการณ์บังคับให้เค้าต้องพยายามพัฒนาตัวเองเพื่อสืบและเอาตัวรอดจากสถานการณ์เลวร้าย เค้าไม่อิดออดสักคำที่ต้องมาลงบู๊ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ถนัด เพราะเค้าพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพราะอาชีพแบบนี้การมคความสามารถในการต่อสู้นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก
ถือว่าเป็นหนังสืบสวนสอบสวนที่ดูได้แบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะแยะ แฝงความรู้บางอย่างเกี่ยวกับการวางแผนต่อสู้ และความรักที่มีต่อภรรยา การเสี่ยงตายโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร