ผมไม่แน่ใจว่าทุกท่านประทับใจผลงานของ Michael Bay เรื่องไหนที่สุดนะครับ แต่สำหรับผมแล้ว เรื่องที่มาอันดับ 1 ขอยกให้ The Rock ซึ่งผมขอพ่วงตำแหน่ง Top 10 หนังแอ็กชันในดวงใจตลอดกาลเข้าไปด้วยอีกหนึ่งตำแหน่ง
ดูรอบแรก-มันส์ ดูรอบ 2-3-4-5 ก็ยังมันส์ ถึงปัจจุบันผมเชื่อว่าดูมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 รอบ ก็ยังคงยืนกรานคำเดิมว่า "มันส์สุดๆ"
The Rock สำหรับผมเป็นหนังแอ็กชันภาคบังคับ ถ้าเมื่อไรที่ดูหนังแนวบู๊ไปเยอะๆ แล้วไม่รู้สึกอิ่ม ไม่รู้สึกสะใจ ผมต้องรีบหยิบหนังบู๊ที่ไว้ใจได้ มาดูเพื่อเติมศรัทธาที่เสื่อมถอย ส่วนใหญ่เปิดด้วย Die Hard (1 - 4 เท่านั้น) มี Lethal Weapon มาดูควบให้เพลินใจ (1 - 4 เช่นกัน) เหยาะ Kill Bill ลงไปหน่อย โหด เลว ดี อีกสักนิด จากนั้นก็เสพ The Rock ให้อะดรีนาลินมันพีคกันไปข้างหนึ่งเลย!
จริงๆ The Rock ไม่ใช่อะไรที่ใหม่มากมายครับ มันคือหนังแอ็กชันสูตรสำเร็จที่ว่าด้วยผู้ก่อการร้ายสักกลุ่มหนึ่ง จับตัวประกันไว้และขู่จะทำอะไรสักอย่างที่เลวร้าย ก่อนจะยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลจ่ายเงินมา ทีนี้ทางการก็ต้องหาทางส่งกองกำลังเข้าไปปราบพวกผู้ร้ายให้สิ้นซาก นี่ล่ะครับ สูตรพิมพ์นิยมขนานแท้และดั้งเดิมที่ Don Simpson และ Jerry Bruckheimer 2 ผู้สร้างหนังเอาใจตลาดถนัดนักล่ะครับ
แต่อย่างที่ผมบอกเสมอครับ สูตรหรือไม่ก็ไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือปรุงออกมาอร่อยไหม ดูแล้วมันเพลินไหม ดูแล้วต่อมความมันส์มันเดือดพล่านหรือเปล่า ซึ่ง The Rock นี่ทำสำเร็จอย่างสวยงามครับ
เรื่องเริ่มเมื่อพลจัตวาฟรานซิส ฮัมเมล (Ed Harris) นายทหารผู้รักชาติตัดสินใจจับตัวประกันไว้บนเกาะอัลคาทราซ พร้อมประกาศให้ทางการจ่ายเงินที่ควรจ่ายให้กับครอบครัวของนายทหารมากมายที่ต้องตายไป แต่กลับไม่ได้รับเงินชดเชยใดๆ โดยแต้มต่อของท่านนายพลก็คือ เขามีจรวดที่บรรจุวีเอ็กซ์แก๊สเอาไว้ ซึ่งเจ้าแก๊สนี้หากพุ่งไประเบิดที่ไหน สามารถคร่าชีวิตคนได้อย่างมหาศาลทีเดียว
ดังนั้นทางการจึงเตรีมส่งหน่วยซีลเข้าไปจู่โจมพวกของนายพลฮัมเมลบนอัลคาทราซ แต่ปัญหาคืออัลคาทราซนั้นคือคุกเก่าที่แสนซับซ้อน การจะเข้าไปข้างในนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทางเดียวคือต้องหาใครสักคนที่รู้และเชี่ยวชาญเส้นทางในนั้นเป็นอย่างดี และคนที่ FBI เลือกคือชายลึกลับนามว่า จอห์น แพทริค เมสัน (Sean Connery) ที่โดนขังลืมอยู่ไม่รู้กี่ปี แต่ชายคนนี้คือคนเดียวที่เคยแหกคุกอัลคาทราซได้สำเร็จ เขาจึงเป็นความหวังเดียวของชาวอเมริกันครับ และเมื่อเรื่องเกี่ยวข้องกับแก๊สพิษ ทำให้ FBI ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมีอย่างสแตนลี่ย์ ก็ดสปีด (Nicolas Cage) ถูกตามตัวมาช่วย
ที่เหลือขออนุญาตไม่เล่าล่ะครับ ใครดูแล้วย่อมทราบ แต่ถ้าใครยังไม่ดูขอร้องให้ไปดูเลยครับ รับรองมันส์ระดับโคตะระ
ความเจ๋งแจ๋วของหนังเรื่องนี้คือมันรวมของดีไว้ตรึมโบ้เลยครับ
ของดีชุดแรก เริ่มจากทีมนักแสดงที่ฝีมือจัดจ้านมาก Connery ก็ดูองอาจ เก๋า ร้อยเล่ห์ แต่ก็เป็นสุภาพชนคนดีที่ไว้ใจได้ ว่าง่ายๆ คือเจมส์ บอนด์ตอนแก่ชัดๆ ล่ะครับ ส่วน Cage ก็กวนโอ๊ย เรียกเสียงฮาได้เรื่อยๆ แต่ครั้นพอถึงเวลาทำงานเขาก็ทำแบบสุดชีวิตไม่เคยคิดหนีเอาตัวรอด ส่วน Harris ก็ดูนิ่ง เด็ดขาด และที่สำคัญคือตัวละครนี้ังมีมิติที่น่าสนใจครับ เพราะเขาไม่ใช่ตัวร้ายทั่วไปที่ทำเพราะโลภ แต่เขาทำเพื่อทวงความเป็นธรรม (ตามแบบและความคิดของเขา) นั่นทำให้บทนี้ของ Harris ดูน่าจดจำมากกว่าตัวร้ายจอมโลภทั่วๆ ไป
ถ้ดจากตัวนำแถวหน้าแล้ว บทสมทบถัดมาก็ขโมยซีนได้เป็นพักๆ ไม่ว่าจะ John Spencer ในบทวอร์แม็ก ผู้อำนวยการ FBI ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเมสันมาหลายทศวรรษ, David Morse ในบทผู้พัน ทอม แบ็กซ์เตอร์ มือขวาของนายพลฮัมเมล, William Forsythe ในบทเจ้าหน้าที่พิเศษเออร์เนสต์ แพ็กซ์ตัน, Michael Biehn ในบทผู้การแอนเดอร์สัน หัวหน้าทีมหน่วยซีล และ Tony Todd ในบทผู้กองแดร์โรว์ ลูกน้องอีกคนของนายพลฮัมเมล
เชื่อไหมครับว่าแต่ละคนที่ผมเอ่ยชื่อนั้น มีวาระที่น่าจดจำด้วยกันทั้งหมด หรือแม้แต่คนที่ผมไม่ได้เอ่ยถึงก็เถอะ ก็มีวาระให้จดจำด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะลูกสาวของเมสัน (รับบทโดย Claire Forlani), ช่างตัดผมจอมติสต์ที่แต๋วแตกตอนเมสันออกฤทธิ์ และคนขับรถรางผิวดำที่ตบะแตกตอนเจอคนขับตีนผี (อย่างเมสัน) มาขับรถปาดหน้า จนรถรางแสนรักคว่ำต่อหน้าต่อตา แต่ละคนนี่ขโมยซีนกันแบบได้โล่ห์จริงๆ ครับ
อันนี้ผมชม Bay เลยนะครับ และพี่แกนั่นเองคือของดีอย่างที่ 2 ของหนัง เพราะพี่แกถ่ายทอดเรื่องราวได้เจ๋ง แต่ละฉากที่นำเสนอนั้นมันมีจุดให้เราสนใจตลอด บางฉากตัวละครขโมยซีน บางฉากมุมกล้องเหวี่ยงไหวได้อารมณ์ บางฉากก็แอ็กชันเล่นซะเราเกร็ง บางฉากก็เล่าเรื่องแบบเอาฮา คือระหว่างดูนี่พลังของหนังมันแรงสูงมากเลยนะครับ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า Bay แกโตมาทางสายกำกับมิวสิควีดีโอ จุดเด่นมากๆ ของเขาคือสามารถจับ "ของเด่น" ในซีนนั้นๆ มานำเสนอให้เตะตาคนดูได้
และนั่นคือสิ่งที่เขาทำกับหนังเรื่องนี้ครับ แม้หนังยาวสองชั่วโมงกว่า แต่เกือบทุกฉาก Bay จะสามารถขับเน้นผลักดัน จับโฟกัสไปที่อะไรสักอย่างในซีนนั้นๆ ให้เด่นขึ้นมา และป้อนใส่ตาใส่อารมณ์คนดู ด้วยเหตุนี้ทั้งเรื่องมันถึงทำให้ผู้ชมตื่นตา ชวนให้สนใจอยู่เรื่อยๆ และครบรสสุดๆ จนน่าปรบมือให้
แล้ว Bay แกยังแม่นในการจับฉากแอ็กชันมันส์ๆ ครับ จังหวะไหนสโลว์ จังหวะไหนเร่ง แกเอาอยู่หมด ซึ่งผมว่าเรื่องนี้คือผลงานที่พี่แกตั้งใจมากๆ น่ะครับ แกทำแบบใส่ใจ ปล่อยของดีที่มีในตัวลงไปหมด หนังเลยออกมา "เยอะ" แต่ไม่ "ล้น"