จากความประทับใจที่ได้ชม ภาพยนตร์ ญี่ปุ่น Sunset on Third Street 1 ทำให้ต้องติดตามต่อในภาคสองซึ่งออกฉายครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อ วันที่ 3 เดือนธันวาคม ปี 2007 และเข้าฉายในไทยเมื่อ 27 มีนาคม 2008 โดยในภาคนี้ยังคงใช้นักแสดงชุดเดิม เนื้อหาต่อเนื่องจากภาคแรก ซึ่งหากใครไม่เคยชมแนะนำให้อ่านรีวิวภาคแรกก่อน เพื่อที่จะได้เข้าใจว่าทำไม
Always : Sunset on Third Street 2 ถึงเป็น ภาพยนตร์ญี่ปุ่น ที่ไม่ควรพลาด เค้าโครงเรื่องของ Sunset on Third Street 2
ต่อเนื่องจากภาคแรก แต่จะมีความเข้มข้นมากขึ้น และยังคงเป็นการเล่าเรื่องราวของตัวละครหลัก ที่จะต้องพบเจอกับปัญหาต่าง ๆ ตามสถานการณ์ที่เริ่มเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรักระหว่าง Ryunosuke Chagawa นักเขียนไส้แห้งที่หวังจะประสบความสำเร็จ กับสาวร้านเหล้า Hiromi Ishizaki ที่มีความซับซ้อน รวมถึงการตัดสินใจของเธอที่หายไปจากชีวิตของทุกคนในถนนสายนี้ รวมทั้ง Junnosuke ที่จะต้องเลือกว่าจะอยู่กับ นักเขียนไส้แห้งเจ้าของร้านชำที่เขาผูกพัน หรือ จะไปอยู่กับ Yasunari Kawabuchi (พ่อแท้ ๆ ) ตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ รวมทั้งการมีสมาชิกใหม่ของครอบครัว Suzuki เรื่องราว ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย พร้อมสภาพสังคมในญี่ปุ่นที่เริ่มเข้าสู่ยุคพัฒนา และ การก่อสร้างหอคอยโตเกียวที่สำเร็จในภาคนี้
ความน่าสนใจของ Sunset on Third Street 2
1.ธีมหลักยังคงเป็นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองช่วงปี ค.ศ.1959 ญี่ปุ่นเริ่มมีการพัฒนาทั้งทางเศรษฐกิจ และด้านอื่น ๆ รวมทั้งยังมีเหตุการณ์สำคัญที่นำเสนอผ่านภาพยนต์ไม่ว่าจะเป็น การได้รับโอกาสในการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิคที่เกิดขึ้นในปี 1964 รวมทั้งการก่อสร้างหอคอยโตเกียว ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ในภาพยนต์เรื่องนี้
2.การใช้นักแสดงหลักจากภาคแรกทั้งหมด และ เสริมด้วยนักแสดงอีกหลายคนที่จะมีบทบาทเพิ่มขึ้น
3.การเล่าเรื่องความสัมพันธ์ในหลายรูปแบบมากกว่าภาคแรก ไม่ว่าจะเป็น ความรักของหนุ่มสาวระหว่าง Mutsuko Hoshino สาวน้อยฝึกงานอู่ซ่อมรถกับเพื่อนชาย ความรักในแบบผู้ใหญ่ของ นักเขียนและสาวบาร์ ความสัมพันธ์ของกลุ่มเด็ก ๆ ที่มีเพื่อนใหม่ ที่ต้องเรียนรู้ ปรับตัว กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ความช่วยเหลือระหว่างผู้คนในชุมชน เรื่องราวเหล่านี้ทำให้ Sunset on Third Street 2 ยังคงความประทับใจได้ไม่แพ้ภาคแรก
4.โลเคชั่น ยังคงถือว่าเป็นจุดขาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างฉากย้อนยุค การจำลองบรรยากาศยุคหลังสงคราม รวมทั้งบรรยากาศของการเปิดตัวครั้งแรกของหอคอยโตเกียว
5.การเล่าเรื่องที่เรียบง่าย แต่มีครบทุกอารมย์ ยังคงมาตรฐานจากภาคแรก สอดแทรกแง่คิด เรื่องราว ๆ ต่างได้อย่างลงตัว เหมือนเราได้อยู่ในเหตุการณ์ต่าง ๆ ของผู้คนบนถนนสายที่ 3
6.สภาพความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่น เป็นอีกจุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ภาคนี้ยังถ่ายทอดออกมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่โรงเรียน สภาพเศรษฐกิจ การแสวงหาความสำเร็จ การหลอกลวงฉกฉวยโอกาส มีให้เห็นในภาคนี้
7.เรื่องราวในอดีตของตัวละครบางตัวในเรื่อง ทำให้เข้าใจถึงการมีชีวิตอยู่ การต่อสู้เพื่อความสำเร็จ
8.ฉากเปิดตัวที่มีก็อตซิลล่า มาถล่มเมืองโตเกียวจ ถือเป็นสิ่งเซอร์ไพร์สเล็ก ๆ เพราะ ก็อตซิลล่า นั้นต้นกำเนิดจินตนาการนี้เกิดขึ้นในปี 1954 ที่ถูกสร้างเป็นภาพยนต์ครั้งแรก ถือว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับยุคสมัยของภาพยนตร์เรื่องนี้
9.บทสรุปที่ลงตัวและสมบูรณ์แบบในตัวเอง สำหรับภาคนี้ทำได้ดีไม่ต่างจากภาคแรก ทุกที่มามีที่ไป มีบทสรุปที่ส่งต่อเรื่องราวไปยัง ภาค 3
ดูแล้วได้อะไรกับ ภาพยนตร์ญี่ปุ่น ที่ไม่ควรพลาด Always : Sunset on Third Street 2
อย่างที่เราเคยบอกไว้ในรีวิวภาคแรกว่า Sunset on Third Street ทั้งสามภาคเป็นภาพยนตร์ที่ควรชมจริง ๆ เสียงตอบรับดีทุกภาค เนื้อหาสมจริง เป็นเรื่องราวที่เข้าถึงง่าย สัมผัสความเป็นญีปุ่นได้ง่ายกว่าภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ เหมาะกับการเปิดใจสำหรับคนที่ไม่เคยชมภาพยนตร์ญี่ปุ่นมาเลย หรือ คนที่เคยชมแล้วแต่อยากหวนรำลึกความประทับใจ ก็ขอบอกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดูซ้ำแล้วไม่เบื่อ พร้อมทั้งยังได้แนวคิดดี ๆ จากภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย
นักแสดงหลัก
- Maki Horikita รับบท Mutsuko Hoshino
- Hidetaka Yoshioka รับบท Ryunosuke Chagawa
- Shinichi Tsutsumi รับบท Norifumi Suzuki
- Koyuki รับบท Hiromi Ishizaki
- Hiroko Yakushimaru รับบท Tomoe Suzuki
- Kazuki Koshimizu รับบท Ippei Suzuki
- Kenta Suga รับบท Junnosuke Furuyuki
- Yasunari Kawabuchi รับบท Fumiyo Kohinata