หมวดหมู่ : หนังดราม่า
เรื่องย่อ : ดูหนัง 12 Years A Slave ปลดแอกคนย่ำคน 2013 เต็มเรื่อง
ภาพยนตร์ 12 Years A Slave เป็นเหมือนการนำเสนอประวัติศาสตร์ตัวบุคคลโดยดัดแปลงมาจากหนังสือของ โซโลมอน นอร์ธัพ ซึ่งถูกลดสภาพจากเสรีชนกลายเป็นทาสอยู่ถึง 12 ปี การนำเสนอของภาพยนตร์ดูจะถ่ายทอดภาพให้เห็นความโหดร้ายป่าเถื่อนของการค้า ทาสอย่างจัดเต็ม เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมได้ตระหนักถึงความเลวร้ายของพงศาวดารช่วงหนึ่ง ของอเมริกา
IMDB : tt2024544
คะแนน : 8.1
รับชม : 971 ครั้ง
เล่น : 144 ครั้ง
Genre: Biography, History, Drama
Director: Steve McQueen
based on "Twelve Years a Slave" by: Solomon Northup
Screenplay: John Ridley
ก่อนจะไปดู 12 Years a Slave ก็ได้อ่านรีวิวกับคำชมมาบ้าง และก็มีความรู้สึกอยู่แล้วว่าเริ่มเบื่อหนังแนวนี้ ทั้งที่ปกติผมชอบดูหนังแนว racist แนวความไม่เท่าเทียมของมนุษย์เป็นทุนเดิม เห็นคะแนนวิจารณ์ก็สูงลิ่ว 97/100 จาก Metacritic (ปกติหนังที่ได้คะแนนวิจารณ์สูงมักจะเป็นหนังที่ความใหม่) คะแนนโหวตใน IMDb ก็สูงถึง 8.5+ เลยอยากพิสูจน์สักหน่อยว่ามันอาจจะ "สดใหม่"
12 Years a Slave สร้างจากเรื่องจริงช่วงยุค 1840 ของโซโลมอน นอร์ธอัพ (Chiwetel Ejiofor) ชายผิวดำเป็นไทมีการศึกษาถูกลักพาตัวไปขายเป็นทาสนานถึง 12 ปี!!!
แน่นอนว่าหนังไม่ได้ขายพล๊อตครับ หนังขายชีวิตของชายผิวดำคนหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอิสระแต่แล้วก็ถูกพรากทุกอย่างไปจากชีวิต ถูกขายเป็นทาสยาวนานถึง 12 ปี ซึ่งหนังนำเสนอสถานะทาสผิวดำออกมาได้ในแบบ "ความเป็นจริง" ชีวิตทาสถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างหดหู่ และในความเห็นผมมันก็มีเท่านี้จริง ๆ เพราะประเด็นอื่นที่หนังพูดถึงขึ้นมามันเป็นการพูดลอย ๆ ซะมากกว่า
ในสายตาผมไม่ได้มองว่าเรื่องนี้มีคนเลวด้วยซ้ำ ยกเว้นคนที่มันลักพาตัวโซโลมอนมาขายเป็นทาสซึ่งไม่มีบทบาทในหนัง ตัวละครอย่างเอ๊พพ์ (Michael Fassbender) ที่ผมเห็นหลายคนบอกว่าเลว เอาเข้าจริงผมก็มองว่ามันเป็นเรื่องของ "ค่านิยมตามยุคสมัย" ในเมื่อค่านิยมยุคนั้นมีการซื้อขายทาสมาใช้แรงงาน นายทาสอย่างเอ๊พพ์ก็มองว่า "ทาส ไม่ใช่ มนุษย์" แต่เป็นเพียง "สมบัติของนายทาส" ดังนั้นเขาจะทำอะไรกับสมบัติของเขาก็ย่อมได้ เอ๊พพ์ไม่ได้เลวแบบเอะอะทำร้าย เอะอะลงโทษ ทุกสิ่งที่เขาตัดสินใจมันมีเหตุผลในมุมของเขา และถ้ามองด้วยความเป็นธรรมก็จะเห็นว่าเอ๊พพ์ก็มีมุมอ่อนโยนเพียงแต่มันถูกกดด้วยค่านิยมที่เขาสร้างขึ้นมากดทับความรู้สึกของตัวเอง ดังนั้นถ้าเราเอา "ค่านิยมยุคหลัง" ไปตัดสินระบบทาสยุคนั้น เราก็ย่อมมองว่าสิ่งที่เอ๊พพ์กระทำคือความเลวร้ายแน่นอนครับ และเมื่อสังคมเริ่มรับไม่ได้กับระบบทาสก็เกิดเป็นการต่อสู้เพื่อล้มเลิกระบบค้าทาส ซึ่งถึงแม้จะเลิกระบบทาสได้สำเร็จเราก็ยังเห็นการลดระดับความรุนแรงเป็น "ระบบเหยียดผิว" แบ่งชนชั้นกันด้วยสีผิวอยู่ดี
สองสิ่งที่ผมกล่าวมาทำให้ผมมองว่า 12 Years a Slave เป็นหนังที่ดีครับ ผมชอบที่ตัวละครในเรื่องไม่ใช่แบบร้ายสุดโต่ง ตัวที่ดีก็ไม่ใช่ดีสุดขั้ว มันมีจุดลงตัวที่เห็นถึงเหตุผลของการกระทำต่าง ๆ ของทุกตัวละคร ทั้งนายทาส ภรรยานายทาส ผู้คุมทาส แม้กระทั่งในกลุ่มทาสด้วยกันซึ่งหลัก ๆ หนังก็เน้นที่ชีวิตของโซโลมอนอยู่แล้ว ส่วนตัวละครอื่นก็มีพูดถึงนิด ๆ หน่อย ๆ ในขณะเดียวกันการนำเสนอความเลวร้ายของการค้าทาสก็นำเสนอได้หดหู่แบบ "สมจริง" ไม่ต้องปรุงแต่งบิ๊วอารมณ์คนดูมาก แค่ดำเนินเรื่องให้น่าเชื่อถือทุกอย่างมันก็จะออกมาดีเอง (แต่ผมดูแล้วรู้สึกเฉย ๆ นะ ไม่ได้หดหู่อะไรขนาดน้ำตาแตก ไม่ได้ดูจบแล้วอินอารมณ์ค้าง)
การแสดงของชิวอิเทล เอจิโอฟอร์อยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียวครับ แต่ถ้าพูดถึงขั้นว่ายอดเยี่ยมขนาดเป็นเต็งออสการ์ไหม ผมยังไม่รู้สึกถึงขั้นนั้นนะ (มันไม่โดดเด่นขึ้นมาขนาด Colin Firth, Daniel Day-Lewis หรือ Sean Penn ในช่วงปีหลัง) เช่นเดียวกับฟาสเบนเดอร์ที่ผมให้ในระดับที่ดีแต่ยังไม่โดดเด่นถึงขั้นขึ้นมาเต็งออสการ์ปีนี้
ถ้าหากคุณอยากดูหนังระบบทาสให้ครบเซ็ท ต้องเปิดด้วยความหดหู่ของชีวิตทาสใน 12 Years a Slave แล้วตามด้วยผู้ที่ต่อสู้ทางการเมืองเพื่อเลิกทาสใน Lincoln และจบด้วยการอวยดินแดนเสรีภาพอเมริกาใน The Butler
หนังดีแต่รู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้ชอบอะไร