คำนำ
มาทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ ว่าโกสไรเดอร์เวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ผมเขียนนี้
ยังมิได้เข้าร่วมใน Marvel Cinematic Universe นะครับ
เนื่องจากขณะนั้น (2007) ทางมาร์เวลได้ขายลิขสิทธิ์ตัวละครนี้ไปให้ทาง Columbia Pictures เป็นผู้จัดทำ
แต่ ณ ปัจจุบัน (2015) ทาง Columbia Pictures ก็ได้คืนลิขสิทธิ์โกสไรเดอร์ให้กลับมาอยู่กับมาร์เวลแล้ว
ในอนาคตข้างหน้า เราคงจะได้รับชมภาพยนตร์(หรือซีรี่ย์)เรื่องโกสไรเดอร์กันใหม่ในภาครีบูธ
และอาจจะเข้ามาร่วมจักรวาลกับพี่น้องมาร์เวลในอนาคตก็เป็นได้ ผมหวังอย่างนั้น
จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน
ลงชื่อ
หลวงจีนหอไตร
______________________________________________________
Mephisto
นานแสนนานหลายพันปี ตอนที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังเยาว์นัก Mephisto ปีศาจเจ้าแห่งนรกผู้เป็นอมตะอยู่มาชั่วนิรันดร์ หนึ่งใน The Elder Gods ดั้งเดิม ผู้เก็บเหล่าวิญญาณมนุษย์ที่ขายวิญญาณให้กับปีศาจ ในมิตินรกของเมฟิสโตนั้น ไม่มีใครสามารถสู้กับเมฟิสโตได้ แต่ในมิติอื่นนอกเหนือจากนั้น เมฟิสโตนั้นใช้พลังอำนาจไม่ได้เต็มที่นัก ในมิติโลกมนุษย์ก็เช่นกัน เมฟิสโตจึงมอบอำนาจแห่งไฟนรกบรรลัยกัลป์อันมหาศาลของตน ให้กับมนุษย์ผู้ถูกสาป (เลือกโดยจิตใจมนุษย์ที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยว) เพื่อทำหน้าที่เก็บวิญญาณบาปเหล่านี้ให้กับตน และตั้งชื่อไว้ว่า Rider (แกพลาดละ เมฟิสโตเอ๋ย..)
ไรเดอร์จะเป็นอมตะจนกว่าจะมีไรเดอร์คนใหม่ ผ่านมารุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งถึงรุ่นของ Carter Slade ซึ่งเป็นนายอำเภอมือปราบเท๊กซัสผู้เก่งกาจ สล๊าดเกิดละโมบในทองที่ตนยึดมาได้ แต่ถูกทางการจับ รอโดนแขวนคอ เมฟิสโตมายื่นข้อเสนอให้สล๊าดขายวิญญาณแลกกับอิสระ ตั้งแต่นั้นมาสล๊าดก็ได้รับหน้าที่เป็นไรเดอร์ผู้ต้องสาปในชื่อ Phantom Rider ให้ตามเก็บวิญญาณบาปทั่วทิศทั่วแดน
ปี ค.ศ. 1800-1850 หมู่บ้าน San Venganza ก็ได้รับการมาเยือนจากบุรุษแปลกหน้าลึกลับ(เมฟิสโต) และยื่นข้อเสนอยั่วยวนต่างๆเพื่อแลกกับวิญญาณ ชาวเมืองตกเป็นเหยื่อของเมฟิสโตทีละคนทีละคนจนหมดเมือง ซานเวนกันซ่าจึงกลายเป็นเมืองแห่งคนบาปอันแสนอัปยศที่ท่วมไปด้วยเลือด
Carter Slade / Phantom Rider
ปี ค.ศ. 1857 แฟนทอมไรเดอร์ หรือ คาเตอร์ สล๊าด ก็มาถึงหมู่บ้านซาน เวนกันซ่า ซึ่งมีมนุษย์ขายวิญญาณบาปทั้งเมือง สล๊าดเห็นว่า วิญญาณเหล่านี้มีค่ามหาศาลเกินไป จึงทรยศเมฟิสโตไม่ให้สัญญาการขายวิญญาณบาปเมืองนี้กับเมฟิสโต และเก็บไว้เอง ก่อนที่จะแปลงร่างเป็นแฟนทอมไรเดอร์ควบม้าอสูรเพลิงคู่ใจหนีเมฟิสโตไป เรื่องนี้จึงกลายเป็นตำนานเล่าขานของชาวคาวบอยตะวันตกสิงห์แดนเถื่อนตั้งแต่นั้นสืบมา..
คาเตอร์ สล๊าด เก็บพลังของแฟนทอมไรเดอร์ไว้ไม่ใช้อีกเลยนับแต่นั้น และเก็บสัญญาบาปแห่งเมืองซานเวนกันซ่าไว้อย่างดี อย่างไรก็ตาม พลังความเป็นอมตะของแฟนทอมไรเดอร์ก็ทำให้คาเตอร์ สล๊าดมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้..
ปี ค.ศ. 1996 Barton Blaze และ Johnny Blaze สองพ่อ-ลูกนักขับรถมอเตอร์ไซค์ผาดโผนชื่อดังแห่งแดนตะวันตก บาร์ตันนั้นเป็นคนที่สูบบุหรี่จัดมาก จนในที่สุดก็เป็นมะเร็งปอด และมะเร็งตอนนี้ลุกลามหนักมาก บาร์ตันกำลังจะตายในไม่กี่เดือน บาร์ตันเก็บเรื่องโรคมะเร็งของตนเองไว้ไม่ให้จอนนี่รู้
Barton Blaze และ Johnny Blaze
จอนนี่นั้นมีแฟนสาวสวย ซึ่งเป็นรักแรกและเดียวของจอนนี่ชื่อ Roxanne Simpson หรือเรียกสั้นๆว่าร๊อกซี่ จอนนี่สัญญากับร็อกซี่ว่า ทั้งสองจะหนีไปด้วยกันในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยง และในเย็นวันนั้น จอนนี่ก็ได้เห็นใบแจ้งอาการป่วยโรคมะเร็งของบาร์ตันพ่อของเขาในถังขยะโดยบังเอิญ
คืนนั้น เมฟิสโตซึ่งรับรู้ถึงหัวใจอันห้าวหาญของจอนนี่ จึงมาพบกับจอนนี่ เมฟิสโตเสนอทางช่วยให้พ่อของจอนนี่หายจากมะเร็ง จอนนี่จึงยอมทำสัญญาเลือดขายวิญญาณกับเมฟิสโต เพื่อให้พ่อเขาหายจากมะเร็ง จอนนี่สะดุ้งตื่นมาตอนเช้า และคิดว่าตนฝันไป
Roxanne Simpson
ในวันรุ่งขึ้นช่วงเช้า บาร์ตันนั้นมีงานโชว์ขับรถ บาร์ตันตื่นมาด้วยความกระปรี้กระเปร่า และบอกจอนนี่ว่าตนเองปิดบังอาการป่วยไว้มานาน ไม่อยากบอกจอนนี่ แต่ตอนเช้านี้บาร์ตันไปพบหมอ และหมอบอกว่า บาร์ตันหายดีแล้ว นั่นยิ่งทำให้จอนนี่งุนงงหนักขึ้นว่าเมื่อคืนนี้ เป็นความฝันหรือเรื่องจริง
จอนนี่บอกกับพ่อว่า ตนเองจะหนีไปกับร็อกซี่ในตอนเที่ยงวันนี้ จอนนี่ไม่อยากจมปลักอยู่กับการขี่มอเตอร์ไซค์ผาดโผนเหมือนพ่อ สองพ่อลูกจึงทะเลาะกันรุนแรง แต่ที่สุดแล้วพ่อเขาก็ตายจากการโชว์มอเตอร์ไซค์ผาดโผนอยู่ดี และเมฟิสโตก็มาทวงสัญญาปีศาจกับจอนนี่ โดยให้พลังไฟนรกบรรลัยกัลป์กับจอนนี่เพื่อให้เป็นไรเดอร์ผู้ถูกสาปคนล่าสุด
Mephisto สาป Johnny Blaze ให้เป็น Rider ของตน
จอนนี่ทิ้งทุกอย่างและหนีร๊อกซี่มา ปล่อยให้ร๊อกซี่นั้นหัวใจสลายจากการรอจอนนี่มารับและหนีไปด้วยกัน โดยเขานั้นรู้ตนเองว่าบัดนี้เขาไม่ใช่จอนนี่คนเดิมแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าตนเองกลายเป็นอะไร หลายปีที่ผ่านมาจอนนี่พยายามพิสูจน์โดยการแสดงผาดโผนเสี่ยงตายทุกรูปแบบ แต่ก็ไม่ตายซักที เพราะพลังไรเดอร์ในตัวเอง และเมฟิสโตก็เฝ้าดูจอนนี่ตลอด เมฟิสโตคิดว่ายังไม่ถึงเวลาใช้งานไรเดอร์นั่นเอง