หลังจากเจมส์ บอนด์ตอน Moonraker ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้ผู้อำนวยการสร้าง Albert R. Broccoli รู้สึกเบาใจ คลายความกดดันที่มีในการสร้างหนังบอนด์ลงไปมาก เพราะก่อนหน้านี้เขาต้องพยายามทำบอนด์ออกมาตามกระแสเพื่อดึงความนิยม
แต่พอตอนนี้ผู้ชมให้การตอบรับดีขนาดนี้ เขาเลยตัดสินใจที่จะหยุดการตามกระแส แล้วหันมาสร้างหนังบอนด์ตามฉบับดั้งเดิมในนิยาย ที่มีความเข้มข้น มีบทที่แน่น (แน่นอนว่าจะออกแนวเครียดขึ้น อารมณ์ขันน้อยลง) ซึ่ง Broccoli ก็ประกาศเลยครับว่าบอนด์ภาคต่อไปจะมีคุณภาพมากขึ้น และบทก็จะเฉียบคมขึ้น จะเน้นที่ไหวพริบของบอนด์มากกว่าอุปกรณ์แบบตอนที่ผ่านๆ มา
ในระหว่างการเตรียมงานสร้าง ก็มีข่าวที่ฮือฮาขึ้นมา นั่นคือ Steven Spielberg ยังคงอยากกำกับหนังบอนด์สักครั้งอยู่ เลยหาทางติดต่อกับ Broccoli และตอนกำลังเจรจานั้นเอง Spielberg ก็ได้ไปสนทนากับ George Lucas และ Lucas ก็เสนอโครงการทำหนังอินเดียน่า โจนส์ขึ้นมา
แล้ว Spielberg ก็ไม่ได้กำกับหนังบอนด์อีกจนได้
พอ Spielberg ไม่ได้มากำกับบอนด์เป็นที่แน่นอนแล้ว Broccoli ก็ต้องควานหาคนกำกับอีกครั้ง ซึ่งเขาเห็นว่า Lewis Gilbert ผู้กำกับจากสองตอนก่อนอาจไม่เหมาะกับงานเครียดๆ แบบที่เขาต้องการ Gilbert จึงถูกเปลี่ยนออก ส่วนผู้กำกับรายที่ทีมงานหมายตา คือ Peter Hunt ที่เคยทำหนังบอนด์ตอน On Her Majesty’s Secret Service (1969) พอติดต่อไป Hunt เกิดไม่ว่างครับ ติดทำหนังเรื่อง Death Hunt (1981) อยู่
ในที่สุด Broccoli ก็มอบตำแหน่งผู้กำกับให้ John Glen มือตัดต่อและผู้กำกับกองสองของหนังบอนด์ ซึ่งเขาคนนี้ทำงานในกองมาหลายตอนแล้ว และผลที่ออกมาก็นับว่าน่าพอใจ ซึ่งการเลือกครั้งนี้ถือเป็นการเลือกโดยอิงวิธีการเดียวกับสมัยที่ Peter Hunt ได้เลื่อนขั้นจากผู้กำกับกองสองมาเป็นตัวจริง
คนเขียนบทก็ได้ Richard Maibaum เจ้าเก่า มาแท็กทีมกับ Michael G. Wilson ลูกเลี้ยงของ Broccoli ช่วยกันสร้างเรื่องให้เข้มข้นปนอารมณ์สายลับแบบดั้งเดิม โดยเอาโครงเรื่องมาจาก For Your Eyes Only อันเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นของบอนด์ แล้วก็ผสมโครงจากนิยายตอน Live and Let Die และ Golfinger ลงไปด้วย
พล็อตเริ่มด้วย เครื่อง ATAC ที่มีไว้สั่งยิงจรวดขีปนาวุธของเรือดำนำอังกฤษถูกขโมยไป บอนด์ (Roger Moore) จึงต้องตามมันกลับคืนก่อนที่ผู้ขโมยมันไปจะนำไปใช้ก่อเหตุร้าย โดยที่ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นวายร้ายมีสองคน รายแรกคือ อริสโตเติ้ล คริสตาทอส (Julian Glover) นักธุรกิจชาวกรีกที่คุมระบบสายลับในกรีกเกือบทั้งหมด กับ มิลอส โคลัมโบ (Chaim Topol) ผู้มักจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ไม่สงบในกรีก แล้วใครกันคือผู้บงการใหญ่ตัวจริง
แล้วบอนด์ก็เดินทางถึงพื้นโลกโดยสวัสดิภาพครับ For Your Eyes Only เป็นการผสมระหว่างบอนด์สไตล์ Moore ที่แฝงอารมณ์ขัน ดูเพลินสร้างความบันเทิงได้ ขณะเดียวกันก็ได้รสชาติหนังสายลับขนานแท้แบบ From Russia With Love บอนด์ภาคนี้จึงเรียกผู้ชมได้ครบเช่นเคยทั้งคอบอนด์เก่าและใหม่ รายได้เลยสวยงามครับ $195.3 ล้านจากทั่วโลก คือเครื่องการันตีว่าบอนด์นั้น ไม่ต้องตามกระแสก็ฮิตได้ด้วยตัวมันเอง
และในภาคนี้ผู้สร้างยังแอบแฝงความสะใจเล็กๆ ไว้ด้วย ดังที่ทราบกันดีนะครับว่า Broccoli อยากเอาองค์กร SPECTRE และโบลเฟลด์กลับมาตีกับบอนด์ต่อ แต่ก็เจอตอดุ้นเบ้อเริ่มอย่าง Kevin McClory ที่ขู่แล้วขู่เล่าว่าห้ามเอาโบลเฟลด์ไปขึ้นจอเชียวล่ะ ไม่งั้นฟ้องแน่ พอขู่มากๆ Broccoli ก็รำคาญครับ ทำการตอก McClory กลับไปในฉากแรกของหนังตอนนี้
โดยหนังจะเริ่มเรื่องตอนที่บอนด์กำลังไปเคารพศพภรรยาที่เสียชีวิต (และคนสังหารภรรยาเขาก็คือโบลเฟลด์นั่นแหละ) แต่เพียงไม่นานก็มีคนเอาเฮลิคอปเตอร์มารับเขาไป โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งจากทางการ พอบอนด์ขึ้นไปเท่านั้นล่ะ ความจริงก็ปรากฏ แท้จริงแล้วมันเป็นแผนของชายลึกลับ หัวล้าน สวมชุดสีเบจที่นั่งอยู่บนรถเข็น มันตั้งใจจะเก็บบอนด์ แต่บอนด์ใช้ความสามารถประจำตัวในการแก้ปัญหา ขับฮอไล่ชนเจ้านั่นแทน ผลสุดท้ายชายลึกลับก็โดนบอนด์เอาไปโยนทิ้งลงปล่องไฟ ชนิดที่ไม่น่ารอดได้แน่ๆ (รอดได้ก็สไปเดอร์แมนแล้วครับ)
แม้จะไม่มีการเอ่ยชื่อและไม่มีในเครดิต แต่ใครๆ ก็รู้ว่าหมอนั่นต้องเป็นโบลเฟลด์อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเป็นการประกาศว่า หนังเจมส์ บอนด์ 007 ไม่ต้องมีโบลเฟลด์ก็ดังได้อยู่ดี…
และมันก็จริง เพราะภาคนี้สนุก เข้มข้น สาวบอนด์ประจำตอนอย่าง Carole Bouquet ในบทเมลิน่า เฮฟเวล็อค ก็สวยคม แกร่งไม่แพ้ชาย เซ็กซี่ได้โดยที่ไม่ต้องนุ่งน้อยชิ้น
ด้านดาราสมทบอย่าง Glover ก็นับว่าแสดงได้อย่างดีครับ เช่นเดียวกับ Topol ที่ขโมยซีนในหลายวาระทีเดียว, Cassandra Harris มารับบทเป็นเมียเก็บของคริสตาทอส ซึ่งเธอคนนี้คือภรรยาตัวจริงของ Pierce Brosnan ครับ
ส่วนตัวละครสมทบขาประจำอย่าง Desmond Llewelyn ในบท Q และ Lois Maxwell ในบทมิสมันนี่เพนนี ก็ยังคงกลับมาเช่นเดิมครับ ยกเว้น Bernard Lee เจ้าของบท M ที่เสียชีวิตไปก่อนหนังเรื่องนี้จะเปิดกล้อง ทำให้บทหนังภาคนี้กำหนดให้ M ไม่อยู่ (เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ) และให้ตัวละครที่ชื่อ จอฟฟรี่ย์ เกรย์ (Geoffrey Keen) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมมาทำหน้าที่การมอบภารกิจให้บอนด์แทน
และอยากจะบอกว่าเพลงนำในตอน For Your Eyes Only นั้นน่ะ ก็ไพเราะเช่นกันครับ ได้เข้าชิงออสการ์เหมือนกัน เพราะมากอีกเพลงครับ (ที่ผมชอบสุดๆ ก็มีสองเพลงนี่แหละ เพลงนึงก็ Nobody Does It Better จาก The Spy Who Loved me อีกเพลงก็เนี่ยแหละครับ)
สำหรับบอนด์ภาคนี้จัดว่าสนุกครับ เข้มข้น มีพล็อตชวนติดตาม มีการทิ้งปมการไขปมที่น่าสนใจ อีกทั้งโลเกชั่นก็นับว่าสวยครับ ยิ่งตรงฉากไคลแม็กซ์ช่วงท้ายนั่น ถือว่าสวยและให้อารมณ์คลาสสิกดีเหมือนกัน
จัดว่าบอนด์ภาคนี้เข้มข้นเข้าขั้น แม้จะไม่ถึงระดับ From Russia With Love แต่ก็ยังพูดได้เต็มปากว่าได้ระดับอยู่ดี