หมวดหมู่ : หนังตลก , ภาพยนตร์เพลง , หนังชีวประวัติ , หนังดราม่า
เรื่องย่อ : Everybody's Talking About Jamie | เริ่ดกว่านี้ก็เจมี่แล้วค่ะ (2021)
ชื่อภาพยนตร์ : Everybody's Talking About Jamie | เริ่ดกว่านี้ก็เจมี่แล้วค่ะ
แนว/ประเภท : Biography, Comedy, Musical
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Jonathan Butterell, Dan Gillespie Sells, Tom MacRae
บทภาพยนตร์ : Tom MacRae, Jonathan Butterell, Dan Gillespie Sells
นักแสดง : Max Harwood, Lauren Patel, Sarah Lancashire
ปีที่ออกฉาย : 2021
เป็นตัวของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใคร! ... เตรียมปลดปล่อยอินเนอร์ของคุณไปกับเจมี่ ในภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงสุดเริ่ด Everybody’s Talking About Jamie #เริ่ดกว่านี้ก็เจมี่แล้วค่ะ
เจมี่ นิว เด็กนักเรียนวัย 16 ปี ที่อยู่ในช่วงที่กำลังค้นหาและค้นพบตัวเอง แต่เพราะสังคมที่ตีกรอบแคบๆ ให้กับเขา จึงยังทำให้ไม่มีความกล้าเพียงพอที่จะเป็นตัวของตัวเอง กระทั่งในคาบเรียนหนึ่งที่โรงเรียน ครูได้ถามเขาถึงเกี่ยวกับอาชีพอนาคตของเขา แม้ว่าครูจะมองเห็นต่างกับแนวคิดของเขา แต่เขากลับมีความแน่วแน่มากยิ่งขึ้นว่า...เขาจะโตขึ้นไปเป็นแดร็กควีน (Drag Queen) และการผจญภัยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเจมี่ก็ได้เริ่มต้น ท่ามกลางสายตาและการไม่ยอมรับจากสังคมรอบข้าง เขาต้องยืนอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างตัวตนของตัวเอง หรือ ตัวประหลาด
IMDB : tt8635092
คะแนน : 6.1
รับชม : 6 ครั้ง
เล่น : 2 ครั้ง
ป้ายกำกับ : หนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ , ดูหนังออนไลน์ฟรี , ดูหนังออนไลน์ฟรีเต็มเรื่อง
หนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจสร้างมาจากเรื่องจริงที่เคยเป็นหนังสารคดีออกฉายทางโทรทัศน์ในปี 2011 ของ เจมี่ กับ แม่ของเขา ในประเด็นเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนจะถูกนำมาเขียนเป็นหนังสือโดย "ทอม แม็คเคร" และมาสู่เวอร์ชั่นละครเวทีมิวสิคัลในปี 2017 ที่กลายเป็นละครโรงเล็กที่เป็นกระแสพูดถึงไปทั้งประเทศ
ประเด็นของหนังกลายเป็นจุดแข็งที่ช่วยมาอุดรอยรั่วต่างๆ เอาไว้เหมือนการสมานแผล นี่คือหนังที่น่าจะจำกัดความได้ว่าเป็นหนังชีวประวัติสไตล์ Coming-of-Age ผสมกับ Come Out ที่มีสารอยู่ในที่ค่อนข้างทรงพลังในระดับหนึ่ง หนังต้องแบกประเด็น LGBTQ เอาไว้ทั้งเรื่องอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ในที่สุดก็สามารถทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ ท่ามกลางสูตรสำเร็จเดิมๆ ที่ไม่ได้คาดหวังอะไรสักเท่าไหร่อยู่แล้ว
Everybody's Talking About Jamie เป็นหนังที่เต็มไปด้วยมีมและประโยคข้อความให้กำลังแบบเชยๆ อยู่เต็มไปหมด ออกมาแทบจะทุกๆ 5 นาทีเลยก็ว่าได้ แต่ในความเฉิ่มเชยของประโยคเหล่านี้ กลับช่วยส่งเสริมทำให้หนังดูมีพลังขับเคลื่อนและให้คนดูรู้สึกอินและคล้อยตามเรื่องไปได้อย่างน่าประทับใจ จึงกลายเป็นหนังที่มีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงที่แทบจะไม่ได้เบื่อเลย