Die Alone (2024)

ไวรัสลึกลับแพร่กระจายไปทั่วโลก เปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายซอมบี้ที่มีตะไคร่น้ำ หญ้า และแม้แต่กิ่งก้านเล็กๆ ที่งอกออกมาจากร่างกาย ข่าวลือเริ่มแพร่สะพัดว่าธรรมชาติกำลังยึดคืนโลกและกวาดล้างมนุษยชาติก่อนที่เราจะทำลายโลกครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นคือหลักฐานที่น่าสนใจของ Die Alone หนังซอมบี้วันสิ้นโลกเรื่องใหม่ที่เขียนบทและกำกับโดยโลเวลล์ ดีน แต่โดยแก่นแท้แล้ว Die Alone ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือเรื่องราวความรักที่บิดเบี้ยว

ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย Douglas Smith ในบท Ethan ชายหนุ่มที่ต้องต่อสู้กับภาวะความจำเสื่อม อีธานกำลังเดินทางกับเอ็มมา (คิมเบอร์ลี-ซู เมอร์เรย์) แฟนสาวของเขา ซึ่งทั้งคู่ต้องพลัดพรากจากกันในอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในไม่ช้าเขาก็ได้พบกับเม (แครี-แอน มอส) ผู้เอาชีวิตรอดที่ช่วยเขาจากการถูกโจรปล้น และเสนออาหารร้อนๆ และสถานที่สำหรับนอนค้างคืนให้เขา

คืนนั้น เธอทำอาหารเย็นให้เขา และพวกเขาก็เต้นรำไปกับแผ่นเสียงเพลง "Crimson and Clover" โดย Tommy James และ the Shondells แต่หลังจากมืดลง เขาก็ขึ้นรถของเมย์และออกไปเพื่อพยายามตามหาเอ็มม่า เมื่อเขาล้มเหลว แม่ก็ไม่มีทางเลือกที่จะช่วยเขาอีกครั้ง

Die Alone ใช้ความทรงจำที่แตกร้าวของอีธานเพื่อบิดเบือนไทม์ไลน์ต่างๆ จนเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นและเมื่อใด ปล่อยให้ผู้ชมสับสนเช่นเดียวกับเขา แต่ตลอดทั้งเรื่อง อีธานมุ่งมั่นที่จะตามหาเอ็มมา แม้ว่าโลกจะยิ่งอันตรายและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อเขาได้ค้นพบเธอแล้ว Die Alone ก็เผยให้เห็นจุดหักมุมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน